แฉ 4 ลัทธิ แปลกบันลือโลก

แฉ 4 ลัทธิ แปลกบันลือโลก


เรียกได้ว่าเป็นข่าว “ช็อก” วงการบันเทิงโลก เมื่อดาราดังแถวหน้าของฮอลลีวูด

อย่าง เคที โฮล์มส์ ตัดสินใจยื่นฟ้องหย่า “ทอม ครูส” นักแสดงขวัญใจสาวๆ ทั่วโลก และสามีที่อยู่กินกันมานานถึง 5 ปี

เพราะงานนี้ไม่เพียงแต่สาวเคทีจะประกาศแยกทางกับสามีอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแล้ว

ทว่า “เหตุผล” ในการขอหย่าครั้งนี้ กลับสร้างความตะลึงให้กับแฟนๆ สื่อมวลชน และที่สำคัญก็คือ ตัวครูสเองไม่น้อยเลยทีเดียว

เพราะปมเลิกราครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ “มือที่สาม” อย่างเช่นคู่รักฮอลลีวูดอื่นๆ แต่เป็นเพราะสาวเคทีนั้น “รับไม่ได้” และถึงขั้นหวาดผวาที่ลูกสาวตัวน้อยวัย 6 ขวบ อย่าง “ซูริ” กำลังถลำลึกเข้าไปสู่วังวนของ “ไซเอนโทโลจี” (Scientology) ลัทธิสุดอื้อฉาวในสหรัฐที่มีดาราคนดังจำนวนมากเลื่อมใส ไม่ว่าจะเป็น จอห์น ทราโวลตา วิล สมิธ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทอม ครูส

 ทั้งนี้ทั้งนั้น ข่าวคราวเตียงหักของคู่รัก “ทอมแคท” สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของลัทธิหรือความเชื่อแปลกๆ ซึ่งแน่นอนว่ามีอยู่ทั่วทุกมุมโลก ดังนั้นเราจึงขอรวบรวม 4 ลัทธิแปลกรอบโลก ซึ่งไม่เพียงแต่ขึ้นชื่อเรื่องฉาวและความเพี้ยน ทว่ายังสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากผู้คนไม่น้อยได้เลยทีเดียว

เริ่มต้นด้วยลัทธิ “ไซเอนโทโลจี” ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2495 โดย แอล. รอน ฮับบาร์ท นักเขียนชาวอเมริกัน โดยปัจจุบันนั้นมีผู้เลื่อมใสกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก

ไซเอนโทโลจี เชื่อว่าร่างกายมนุษย์ทุกคนแท้จริงแล้วมีวิญญาณของ “มนุษย์ต่างดาว” ติดแหง็กอยู่ภายใน ดังนั้นผู้ที่ได้รับการศึกษาแบบไซเอนโทโลจีเท่านั้น จึงสามารถ “ปลดแอก” ร่างวิญญาณนี้ได้ ซึ่งจะทำให้มนุษย์สามารถดึงศักยภาพที่แท้จริงออกมาใช้ได้


แฉ 4 ลัทธิ แปลกบันลือโลก

หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ เป็นการสอนให้คนฝึกฝนจิตใจ หรือที่สาวกไซเอนโทโลจีเรียกว่าการ “ออดิต” โดยจะมุ่งเน้นให้สมาชิกรื้อฟื้นความรู้สึก “เจ็บปวด” และ “โศกเศร้า” จากเหตุการณ์ในอดีต ผ่านการบำบัดจิตผสมผสานกับวิทยาศาสตร์ประยุกต์ เช่น การห้ามร้องระหว่างการคลอดบุตร ทั้งที่เรื่องนี้ถือเป็นความเจ็บปวดแสนสาหัสในชีวิตลูกผู้หญิง

 

แม้ในช่วงแรกโซเอนโทโลจีพยายามดำเนินการอย่างลับๆ ด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้ตกเป็นข่าว ทว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลักคิดและแนวทางปฏิบัติของลัทธิดังกล่าวก็ได้นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ่อยครั้ง

ไล่เรียงตั้งแต่กฎสุดโหดอย่างการสั่งห้ามสมาชิกคบหาสมาคมกับพวก “นอกรีต” หรือคนที่ไม่ได้นับถือไซเอนโทโลจี โดยแม้กระทั่ง “ครอบครัว” ก็ยังไม่เว้น รวมทั้งข้อกล่าวหาที่ว่าทางลัทธิต้องการขูดรีดเงินประชาชน เนื่องจากเรียกเก็บค่าสมาชิกแพงหูฉี่ ซึ่งจะปรับเพิ่มขึ้นตามความแอดวานซ์ของ “ขั้น” ที่แต่ละคนอยู่

 

จากความเห็นของรูเพิร์ต เมอร์ด็อก เจ้าพ่อสื่อแห่งอาณาจักรนิวส์ คอร์ป ซึ่งทวิตจนเป็นข่าวไปทั่วโลกนั้น ได้อ้างว่า ทอม ถือเป็นสาวกลำดับต้นๆ เบอร์ 2 หรือ 3 ของลัทธินี้เสียด้วย

กรณีที่เพิ่งกลายเป็นข่าวล่าสุดก็คือ ประเด็นของสมาคม “ซี ออร์แกไนเซชัน” (Sea Organization) ศูนย์ปฏิบัติการลับของไซเอนโทโลจี ที่แทบลอยด์แฉว่า ทอมเตรียมพาหนูน้อย ซูริไปเรียนรู้หลักคำสอนของไซเอนโทโลจีที่นั่น

ทั้งนี้ หากมองผิวเผิน ซี ออร์แกไนเซชัน นั้นดูไม่ต่างอะไรจากรีสอร์ตหรูเลย โดยมีทั้งคฤหาสน์หรู สนามบาสเกตบอลและเทนนิส พื้นที่กว้างไพศาล และอยู่ติดภูเขาและแม่น้ำ

ทว่า บรรดาอดีตสมาชิกและผู้ที่เคยอาศัยอยู่ที่ ซี ออร์แกไนเซชัน เปิดโปงว่า สถานที่แห่งนี้คือ “ค่ายนรก” ที่มีไว้เพื่อทรมานและใช้แรงงานเยาวชนเยี่ยงทาสนั่นเอง!

 

 เพราะมีทั้ง “บังเกอร์” สำหรับนักแม่นปืน รั้วลวดหนาม และระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ราวกับว่าป้องกันไม่ให้ใครแอบเข้ามา และที่สำคัญคือ “หนี” ออกนอกบริเวณ!

“พวกเขาจะทุบตีและลงโทษคุณด้วยวิธีต่างๆ นานา หากคุณละเมิดกฎ เช่น ให้สารภาพบาปทั้งคืน หรือปิดแอร์ขณะที่อุณหภูมิภายนอกพุ่งสูงถึง 40 องศา” อดีตสมาชิกของไซเอนโทโลจี กล่าว โดยย้ำว่าหากใครหนี ทางผู้ใหญ่ก็จะตามล่าจนเจอ และใช้วิธีขู่โน้มน้าวให้กลับจนได้ หรือบางทีก็จะยื่นบิลหลายพันเหรียญสหรัฐให้ พร้อมสั่งว่า “หากคิดจะออกก็ต้องจ่ายหนี้ให้ครบ”

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะแหล่งข่าววงในแฉว่า สาเหตุที่เคทีต้องรีบฟ้องหย่าทอม ก็เพราะทราบว่าทอมนั้นเตรียมนำซูริไปอยู่ที่ ซี ออร์แกไนเซชัน โดยลำพัง เนื่องจากถึงวัยอันควรแล้ว ดังนั้นผู้เป็นแม่จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องลูกน้อย


แฉ 4 ลัทธิ แปลกบันลือโลก

ไซเอนโทโลจีกำลังตกเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อทุกสำนักในเมืองลุงแซมนั้น หลายคนก็อาจพอจำได้ว่า ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็มีอีกลัทธิที่ฉาวไม่แพ้กันอย่าง“โบสถ์เยซูแห่งนักบุญใกล้วันอวสาน” (Church of Jesus Christ of LatterDay Saints) หรือที่ชาวอเมริกันรู้จักกันดีในชื่อ “ลัทธิมากเมีย” ของ วอร์เรน เจฟส์ ศาสนาจารย์ชาวอเมริกัน วัย 55 ปี ซึ่งปัจจุบันต้องโทษจำคุก 119 ปี ในข้อหามีสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับเด็กหญิงวัย 12 และ 14 ปี

เพราะลัทธิของ เจฟส์ ซึ่งมีสมาชิกราว 1 หมื่นคนนั้น เชื่อเรื่องระบบ “การมีภรรยาหลายคน” โดยผู้ชาย 1 คนนั้น สามารถมีภรรยาได้มากถึง 20 คน ขณะที่ตัวเจฟส์เองก็มีภรรยากว่า 80 คน

แม้การมีภรรยาหรือสามีหลายคนจะเป็นสิ่งผิดกฎหมายในสหรัฐ ทว่าทางกลุ่มก็ยังคงมีการปฏิบัติอย่างลับๆ โดยสมาชิกนั้นซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง อาศัยอยู่ในชุมชนลับในหลายรัฐ เช่น รัฐเทกซัส และโคโลราโด ซึ่งแน่นอนว่ามีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดสุดๆ

ผู้ที่เคยได้สัมผัสชุมชนแห่งนี้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เหมือนได้นั่ง “ไทม์แมชีน” ย้อนเวลากลับสู่ศตวรรษที่ 20 เลยทีเดียว

เพราะไม่เพียงแต่ผู้หญิงจะถูกสั่งให้สวม “ยูนิฟอร์ม” สุดเชย ซึ่งได้แก่ชุดกระโปรงยาวที่คลุมทั้งตัว รวมทั้งเกล้าผมกระบังหน้า

 


หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ เป็นชุดที่ถอดแบบมาจากชุดตัวละครในหนังสือชื่อดังอย่าง “บ้านเล็กในทุ่งกว้าง” นั่นเอง

ขณะเดียวกันก็ถูกลิดรอน “สิทธิ” ในการกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองตั้งแต่เกิด โดยถูกสั่งห้ามเดินทางออกนอกบริเวณ และไม่มีแม้กระทั่งสิทธิที่จะเลือกสามีของตัวเอง โดยฝ่ายชายจะเลือกผู้หญิงที่จะแต่งงานด้วย ซึ่งบางทีนั้นก็เป็นเด็กผู้หญิงที่ยังไม่แตกเนื้อสาวด้วยซ้ำ!

จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ทางเอฟบีไอตัดสินใจบุกจับกุม เจฟส์ คาบ้าน พร้อมสั่งให้สมาชิกกลุ่มทั้งหมดย้ายออกจากชุมชนชั่วคราว เพื่อที่ทางการจะได้ตรวจสอบหลักฐานของการล่วงละเมิดทางเพศเยาวชน หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากอดีตภรรยาของเจฟส์ รวมทั้งหญิงสาวมากมายที่สามารถหลบหนีออกมาได้

 

“คุณไม่สามารถออกจากชุมชนได้เลย” แคโรลิน เจสสับ หนึ่งในภรรยาของเจฟส์ที่หลบหนีออกมา กล่าว โดยย้ำว่าบรรดาหญิงสาวในลัทธินั้นถูกสอนให้บูชาเจฟส์ราวกับว่าเป็น “เทพเจ้า”

“พวกเขามืดแปดด้าน และไม่รู้เลยว่าโลกภายนอกเป็นเช่นใด เพราะนี่คือชีวิตที่พวกเขารู้จักมาโดยตลอด”


แฉ 4 ลัทธิ แปลกบันลือโลก

 

ด้านหญิงสาวอีกรายเผยว่า ผู้หญิงในลัทธิถูกล้างสมองให้เชื่อว่าจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ หากไม่ “ยอมรับ” ระบบการมีภรรยาหลายคน

ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ มีการแฉว่าหากมีเด็กผู้ชายเกิดมากเกินไป ทางกลุ่มก็จะนำไป “ทิ้ง” เมื่อพวกเขาโตเป็นหนุ่ม เพราะเกรงว่าจะมีผู้หญิงไม่พอที่จะให้แต่งงานด้วย ส่งผลให้หนุ่มๆ เหล่านี้กลายเป็น “ลอสต์ บอยส์” หรือเด็กมีปัญหาทันที

นอกจากลัทธิอื้อฉาวเหล่านี้ สหรัฐยังขึ้นชื่อเรื่องลัทธิสุดแปลกเช่น ลัทธิ “ซับ จีเนียส” (Church of the SubGenius) ซึ่งถือเป็นลัทธิของพวก “นอกรีต” หรือคนที่ไม่มีศาสนา

ซับ จีเนียส ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2523 และปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 1 หมื่นคน มักล้อเลียนและวิพากษ์วิจารณ์ศาสนา ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดต่างๆ สิ่งลี้ลับ และวัฒนธรรมสมัยนิยม

“ซับ จีเนียส จะไม่เสแสร้งทำเป็นว่ารู้ทุกเรื่อง แต่จะแสดงเฉพาะความรู้ที่มีอยู่จริงเท่านั้น” ทางกลุ่มแถลง โดยย้ำว่าเป้าหมายสูงสุดของก็คือการค้นพบความพึงพอใจในสิ่งที่ “เป็น” หรือ “มีอยู่” ไม่ใช่การค้นหาความจริงของโลก

จุดเด่นของ ซับ จีเนียส ก็คือการสนับสนุนการล้อเลียนและความตลกขบขัน ซึ่งต่างจากลัทธิหรือศาสนาทั่วไปที่มักจะเคร่งเครียด ส่งผลให้ทางกลุ่มถูกมองอย่างผิดๆ ว่าเป็นเพียงลัทธิขำๆ ที่มีไว้เพื่อความบันเทิงเท่านั้น

 

ทั้งนี้ หากเอ่ยถึงความเชื่อแปลกๆ แล้วละก็ เห็นทีจะไม่กล่าวถึงลัทธิ “เจ้าชายฟิลลิป” (Prince Phillip Movement) ไม่ได้เสียแล้ว

เพราะใครจะไปเชื่อว่า ณ ดินแดนอันไกลโพ้นอย่างในหมู่เกาะวานูอาตู ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ จะมีการ “บูชา” เจ้าชายฟิลลิป พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ เยี่ยง “เทพเจ้า” เลยทีเดียว

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะชนเผ่าเยานาเนนในวานูอาตู เชื่อว่าเจ้าชายฟิลลิปนั้นคือบุตร “ผิวซีด” ของผีภูเขา โดยเรื่องทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเมื่อเจ้าชายฟิลลิปเสด็จเยือนวานูอาตูอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2517

ทันทีที่ชนเผ่าเห็นหน้าเจ้าชายครั้งแรก ก็หลงเชื่อเลยว่าชายผู้นี้คือเทพเจ้าของพวกเขา

“ตามความเชื่อเดิม บุตรของผีภูเขาจะแต่งงานกับหญิงผู้ทรงพลัง ซึ่งในที่นี้ก็คือ ควีนอลิซาเบธ” นักโบราณคดีคนหนึ่ง กล่าว โดยยังเผยอีกว่าทางชนเผ่านั้นมีรูปเจ้าชายรวมทั้งธงชาติอังกฤษอยู่ทั่วหมู่บ้าน

ด้านเจ้าชายฟิลลิปเองก็ทรงทราบดีถึงลัทธิการบูชาพระองค์ แถมยังทรงเคยรับของขวัญจากหัวหน้าชนเผ่าอีกด้วย

ทั้งนี้ แม้ลัทธิและความเชื่อเหล่านี้จะขึ้นชื่อเรื่องความแปลกและความฉาว ทว่านักสังคมศาสตร์ก็เตือนว่า ท้ายที่สุดแล้วมนุษย์ทุกคนก็มีสิทธิที่จะมีความเชื่อของตัวเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องไม่ “ทำร้าย” ใคร

มิฉะนั้นก็จะเป็นเพียงแค่ “เครื่องมือ” ของใครบางคนนั่นเอง!


บทความจาก โพสท์ทูเดย์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์