10 ข้อเท็จจริง เรื่องการศัลยกรรมที่คุณควรรู้ก่อนขึ้นเขียง

10 ข้อเท็จจริง เรื่องการศัลยกรรมที่คุณควรรู้ก่อนขึ้นเขียง


การที่ศัลยกรรมกลายเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ ทำให้มันดูเป็นเรื่องไม่อันตรายต่อสายตาคนทั่วไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว ศัลยกรรมก็คือการผ่าตัด และการผ่าตัดทุกครั้งมีความเสี่ยง ไม่ว่าศัลยแพทย์ที่คุณฝากชีวิตไว้ในมือจะเก่งกาจเพียงใด หรือเครื่องมือที่ใช้ไฮเทคแค่ไหน มาทำความรู้จักกับศัลยกรรมให้ดีขึ้นก่อนตัดสินใจ


อันดับที่ 10 คุณจะได้รับในราคาที่คุณจ่ายไป

แน่อยู่แล้ว โลกนี้ไม่มีอะไรฟรีและทุกอย่างย่อมมีที่มาที่ไป ถ้าคลินิกที่คุณไปฉีดโบท็อกซ์คิดราคาคุณแค่ครึ่งหนึ่งของที่อื่นก็เป็นไปได้ ว่าคุณจะได้สารโบท็อกซ์แค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้นของที่อื่นเช่นกัน โบทีอกเป็นยาที่ราคาตายตัวและไม่อาจซื้อหาจากที่อื่นหรือผลิตเองได้ ดังนั้นแพทย์จึงไม่สามารถลดราคาเว้นแต่จะลดปริมาณ การศัลยกรรมก็เช่นเดียวกัน ถ้าหมอตั้งราคาไว้ต่ำกว่าปกติ มีความเป็นไปได้สูงกว่าแพทย์คนนั้นจะมีประสบการณ์และหรือเครื่องมือที่มี คุณภาพต่ำกว่าคลินิกที่คิดราคาสูง แต่ถึงกระนั้นทุกอย่างมีข้อยกเว้นของมัน อาจจะมีหมอจบใหม่แต่เปี่ยมพรสวรรค์ที่ให้คุณได้มากกว่าหมอมีประสบการณ์ใน ราคาถูกกว่าครึ่งต่อครึ่ง แต่โดยทั่วไปแล้วแพทย์ที่ยิ่งผ่านเตียงผ่าตัดมากมาก้กยิ่งเชี่ยวชาญมาก เรารู้ซึ่งดีว่าแผลแต่ละแบบจะเยี่ยวยาตังเองอย่างไร คนไข้ลักษณะไหนที่มีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ ศัลยกรรมเป็นสาขาที่ต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ ประสบการณ์จึงสำคัญอย่างมากสำหรับการก้าวไปสู่จุดสูงสุด แพทย์เกือบร้อยทั้งร้อยยอมรับว่าสิ่งที่เขาทำหลังสำหเร็จการศึกษามาได้สิบปี ดีกว่าสิ่งที่เขาจบใหม่ๆ


อันดับที่ 9 ผลของศัลกรรมพลาสติกไม่คงอยู่ตลอดไป

ถ้าคุณกำลังมองหาอะไรที่ดำรงอยู่ตลอดกาล ซื้อเพชรสักเม็ดจะมีหวังมากกว่า วินาทีที่หมอจัดการปิดแผลเสร็จ แรงโน้มถ่วงของโลกและกระบวนการชราภาพของร่างกายจะตรงเข้ามามีอิธิพลในทันที อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 20 ปี หลังจากยกกระซับหน้าอก ดอกบัวคู่ของคุณไม่มีทางเด้งดึ๋งดั๋งเหมือนเดิม อย่างน้อยมันก็จะเป็นรูปเป็นทรงกว่าสภาพที่ควรจะเป็น หากไม่ได้ตัดสินใจทำ เพราะจะฉะนั้นอย่าคาดหวังสูงเกินจริง


อันดับที่ 8 อยากรู้ว่าหมอไหนเก่งแค่ไหน

ดูที่ภรรยาของเขา แต่ถ้าจะให้มั่นใจจริงๆ คุณควรได้เห็นผลงานบนตัวคนเป็นๆ เพราะรูปภาพนั้นสามารถแก้ไขหรือรีทัชได้ ถ้าแพทย์บอกว่าเข้าไม่มีแม้แต่รูปของคนไขเก่าไว้อ้างอิง เป็นสัญาณเตือนภัยระดับสีแดงเลยว่าควรโบกมือลาหมอคนนี้โดยไว เป็นเรื่องจริงที่ว่าภรรยาของศัลยแพทย์ส่วนใหญ่จะเคยผ่านการศัลยกรรมมา แล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง และคุณสามารถทราบอะไรเกี่ยวกับหมอผ่าตัดคนได้หนึ่งได้มากมายเพียงแค่มองดู ภรรยาของเขา ลองมองหาภาพครอบครัวซึ่งมักประดับอยู่ในคลินิกถ้าคุณเห็นสิ่งที่เรียกว่า "มากเกินไป" บนใบหน้าของศรีภรรยาคนนั้น ก็มีแนวโน้มสูงกกว่าจะได้รับแบบเดียวกัน


อันดับที่ 7 การดมยาสลบอาจถึงตายได้

แพทย์สามารถทำให้คุณไปพบยมบาลได้ง่ายดายและนุ่มนวลยิ่งกว่าศัลยกรรมเสียอีก หมอดมยาไม่เพียงรับผิดชอบการทำให้คุณหมดสติแต่ยังรวมถึงการตรวจสอบชีพจร (เช่น ความดันโลหิตหรือการหายใจ) ในระหว่างการผ่าตัด และการทำให้คุณฟื้นขึ้นมาอย่างปลอดภัย ดังนั้นการได้วิสัญญแพทย์มือฉมังมาดูแลคุณจึงจำเป็นพอๆ กับศัลยแพทย์ และถ้าแพทย์สองคนนี้ทำงานร่วมกันมาหลายครั้งก็จะช่วยให้เบาใจได้ว่าจะไม่ ต้องจากโลกนี้ไปโดยยังไม่สวย


อันดับที่ 6 แพทย์อาจไม่ได้เป็นผู้ลงมือในทุกขั้นตอน

ศัลยแพทย์มือทองหลายคนอาจเป็นผู้ให้คำอธิบายคุณในทุกขั้นตอนแต่เมื่อเวลาลง มีดจริงๆ ผู้ช่วยแพทย์หรือพยาบาลอาจเป็นผู้รับผิดชอบบางส่วน โดยแพทย์จะเป็นคนลงมือกรีดแต่ปล่อยให้เป็นหนเที่คนอื่นที่จะเย็บหรือตกแต่ง แผล ระหว่างนั้นหมอจะสามารถแว้ปไปจัดการกับอีกเตียงหนึ่ง ซึ่งมายถึงรายได้สองเท่าในเวลาเท่าเดิม จริงๆ แล้วการเย็บเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะเป็นตัวตัดสินว่าแผลและแผลเป็นจะออกมาในรูปแบบไหนนอกจากนี้โอกาศที่ ปัญหาบางประการจะได้รับการมองเห็นและวินิฉัยแต่เนิ่นๆ ก็ลดน้อยลง เพราะผู้ช่วยแพทย์หรือพยาบาลย่อมไม่มีความเชียวชาญเท่าแพทย์ ก่อนตัดสินใจจึงควรถามรายละเอียดให้กระจ่าง


อันดับที่ 5 ศัลยแพทย์ที่ออกโฆษณาจนติดหู

ไม่ไช่ความคิดที่ดี โดยทั่วไปศัลยแพทย์ที่ดีย่อมไม่โฆษณา แต่ไม่ได้หมายความว่าหมอศัลยกรรมทีเห็นตามหน้านิตยสารจะฝีมือห่วย แต่คนที่เก่งจริงไม่เป็นต้องอาศัยคัตเอาต์ขนาดใหญ่บนตึกสิบชั้นเพื่อประชาสัมพันธ์ตัวเอง ถ้าอย่างั้นจะไปหารายชื่อศัลยแพทย์ฝีมือระดับพระกาฬจากไหน ลองขอคำแนะนำจากหมอทั่วไปที่คุณเชื่อใจ เพราะคนเป็นหมอย่อมรู้ตื้นลึกหนาบาง ในวงการแพทย์ที่คนนอกไม่ประสีประสาได้ดีหรือถามคนที่เคยผ่านการศัลยกรรมมา แล้วอย่างน้อยหนึ่งปี เพื่อให้แน่ใจถึงผลประโยชน์ในระยะยาวจากลงมีดของหมอคนนั้น ๆ รวมถึงการติดต่อตามผลและการแก้ไขเมื่อเกิดปัญหา เลือกมาอย่างน้อย 3 คนที่คุณคิดว่าเป็นบุคลากรชั้นแนวหน้าในด้านที่คุณต้องการศัลยกรรม จากนั้นก็นัดขอคำปรึกษา แพทย์ที่บอกว่าไม่มีเวลาสำหรับการปรึกษาหรือไม่จำเป็นต้องปรึกษามาลงมีดเลย คุณควรตัดออกจากสารบบไปซะ แค่ปรึกษาไม่กี่นาทียังสละไม่ได้ต่อไปถ้าเกิดปัญหาที่หลังเข้าจะมีเวลามา แก้ไขให้คุณหรือ เขียนข้อสงสัยหรือความกังวลของคุณเป็นข้อๆ ไม่ว่าคำถามนั้นจะฟังงี่เง่าหรือจิ๊บจ๊อยแค่ไหนก็ตาม แพทย์ที่ดีจะเต็มใจไขข้อในให้คุณ


อันดับที่ 4 มีศัลยกรรมบางอย่างที่อย่าแม้แต่จะคิดทำ

อันดับหนึ่งเลยคือ การเสริมก้น เพราะมีน้อยมากที่ผลลัพธ์จะออกมาดูดีหรือธรรมชาติ ถ้าไม่ออกมาเหมือนคุณมีกี่สันก็จะดูตลก นอกจากความจริงที่ว่าขั้นตอนการทำนั้นแปลกประหลาดแล้ว มีเหตุผลทางการแพทย์หลายประการที่คุณควรอยู่ให้ไกลจากมัน แรกเลยก็คือ กล้ามเนื้อตรงบั้นท้ายเป็นกล้ามเนื้อมันใหญ่ที่สุดในร่างกาย จึงไม่ควรอย่ายิ่งที่จะใส่สิ่งแปลกปลอม (ตัวเสริม) เข้าไปยังส่วนที่รับน้ำหนักและแรงกดสูงอยู่แล้วเช่นกัน นอกจากนี้ก้นยังเป็นอวัยวะที่มีการเคลื่อนไหวและถูกกดทับอยู่เกือบตลอดเวลา จึงมีความเสี่ยงสูงที่ตัวเสริมเคลื่อนจากตำแหน่งเดิมหรือปริแตกจากแรงกดดัน อีกอย่างที่ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวคือ การฉีดซิลิโคนที่ริมฝีปากเพื่อให้อวบอ่ม เมื่อฉีดสารถาวรอย่างนั้นเข้าไปผลที่ออกมาจะดูมากเกินไปและแปลกปลอม ที่ร้ายกว่านั้นการเอาซิลิโคนเหลวออกนั้นยากเย็นแสนเข็ญและอาจสูบเงินใน กระเป๋าคุณมากกว่าที่เคยจ่ายเพื่อเอามันเข้าไปหลายสิบเท่าแถมยังทิ้งริ้วรอย แผลเป็นและริมฝีปากแบบผิดมนุษย์มนาไว้ให้ดูต่างหน้าด้วย


อันดับที่ 3 แน่นอนว่ามันจะเจ็บ

แน่นอนว่ามันจะเจ็บ ผู้หญิงมีแนวโน้มทนต่อความเจ็บมากกว่าผู้ชาย แต่ไช่ว่าจะมีขีดจำกัดศัลยกรรมที่เจ็บปวดที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ การลดขนาดหน้าท้อง (เนื้อบางส่วนเกินถูกเฉือนออกไปและมีการทำสะดือใหม่) การเพิ่มขนาดหน้าอก (จะเจ็บมากเพราะตัวเสริมจะถูกนำไปวางไว้หลังกล้ามเนื้อ ซึ่งหมายถึงว่ากล้ามเนื้อบางส่วนจะถูกตัดออกไป) ผ่าตัดด้วยเลเซอร์ทั้งหน้า (การใช่เลเซอร์เพื่อลบริ้วรอยและแผลเป็นจะก่อให้เกิดการไหม้ระดัยสอง) การยกกระซับต้นขา และสุดท้ายการยกกระชับอื่นๆ ของร่างกาย


อันดับที่ 2 การดูดไขมันไม่สามารถขจัดเซลลูไลท์

ถ้าศัลยแพทย์ที่คุณไปปรึกษาบอกตรงกันข้าม รีบแผ่นออกจากคลินิกหรือโรงพยาบาลแห่งนั้นให้เร็ว การดูดไขมันช่วยให้ร่างกายโดยรวมดูผอมลงและกำจัดจุดมีปัญหาที่การคุมอาหาร และออกกำลังกายทำอะไรมันไม่ได้แต่การศัลยกรรมวิธีนี้จะทำให้เซลลูไลท์ที่มี อยู่แล้วย่ำแย่ลง โดยเฉพาะถ้าไขมันถูกจำกัดออกไปในปริมาณมาก การดูดไขมันมากเกินไปจะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นย้วยห้อยหรือพับไปพับมา ขาบั้นท้ายอาจผิดรูปผิดทรงและไม่ราบเรียบ สิ่งที่ควรจำไว้คือ การดูดไขมันที่ต้องขจัดในแต่ละจุดมีมากกว่า 1 - 2 กิโลกรัม คุรควรพิจารณาการลดน้ำหนักเสียก่อนแล้วจึงค่อยคิดถึงการดูดไขมัน แม้ไม่มีกฎระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนว่าไขมันที่จะเอาออกในแต่ละครั้ง ควรมีปริมาณเท่าไหร่ แต่สมาคมศัลยแพทย์พลสติกแห่งอเมริกา (American Society of Plastic Sureons) แนะนำว่า ไม่ควรขจัดไขมันออกเกินครั้งละ 2.5 - 3 กิโลกรัม เพราะยิ่งดูดไขมันออกมามาก คนไข้ก็จะยิ่งเสี่ยงอันตรายมากตามไปด้วยการตัดสินใจที่ผิดพลาดไม่เพียงนำไป สู่ผิวหนังย้วยๆ แต่อาจหมายถึงชีวิต เพราะสิ่งที่ออกมาพร้อมกับไขมันก็คือเลือด ถ้าเสียเลือดมากคนไข้จะช็อก หัวใจล้มเหลวและเสียชีวิตในที่สุด


อันดับที่ 1 ไม่มีการศัลยกรรมที่ไร้รอยแผลเป็น

การผ่าตัดเพื่อความงามได้รับการพัฒนาไปมากก็จริง ในเรื่องการซ่อนเร้นรอยแผลเป็นไว้ตามรอยพับตามธรรมชาติของร่างกายมนุษย์ แต่มันยังคงอยู่บนตัวคุณไม่ได้หายไปไหนแพทย์คนไหนที่บอกว่าสามารถผ่าตัดแบบ ปราศจากรอยแผลเป็นให้คุณได้นั้น ไม่ได้พูดความจริง การดึงหน้าการทำจมูก การเพิ่มขนาดหน้าอก การดูดไขมัน จะไรแผลเป็นได้ก็ต่อเมื่อไม่มีการกรีดหรือการผ่า และเมื่อไม่มีการกรีดหรือการผ่าสิ่งนั้นก็ไม่ไช่ศัลยกรรม


bevariety


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์