10 เส้นทางสู่ความสุข

10 เส้นทางสู่ความสุข


ถึงเวลาสำรวจเสียทีว่า ชีวิตคุณมีความสุขแค่ไหน ยังไม่สายเกินแก้ หากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มีความสุขขึ้น เพียงเริ่มจากตอบคำถามเหล่านี้

1. คุณเป็นอย่างนี้หรือไม่...
           ...วางแผนทุกสิ่งในชีวิตมุ่งสู่จุดหมายที่คาดหวัง
           ...มีคนที่รัก เพื่อนจริงใจ และความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่น
           ...รู้สึกได้ว่าชีวิตมีเป้าหมาย
           ...รู้สึกว่าเลือกทางเดินชีวิตของตนเองได้ไม่มากก็น้อย
           ...เชื่อมั่นว่ามีความสามารถพอจะข้ามอุปสรรคต่างๆ ได้
           ...คิดว่าชีวิตการทำงานและงานอดิเรกเป็นสิ่งท้าทาย
           ...มักเพลินกับกิจกรรมบางอย่างจนลืมเวลา
           ...มีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เช่น พลังใจอันแข็งแกร่ง หรือคำสอนทางศาสนา

คำตอบของคุณ
ข้อไหนตอบว่า "ใช่" ให้ข้อละ 1 คะแนนแล้วมาดูกันว่า คุณมีความสุขระดับไหน
           0 - 2 คะแนน นานๆ ทีคุณจึงรู้สึกมีความสุขดังนั้นควรคิดในแง่บวกมากขึ้น พิจารณาว่าเหตุที่ทำให้ทุกข์คืออะไร แล้วค่อยๆ ปรับเปลี่ยนวิธีคิดเพื่อให้ชีวิตสดใสขึ้น
           3 - 5 คะแนน การใช้ชีวิตอย่างเบิกบานอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้นสำหรับคุณ เพียงแค่เพิ่มความพยายามอีกนิด
           6 - 8 คะแนน ยินดีด้วย! คุณไม่เพียงมีวิธีคิดในแง่บวกอันเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความสุข แต่ยังรู้จักทำให้ตนเองมีความสุขมากขึ้นในทุกๆ วันอีกต่างหาก

2. ชื่อเสียง เงินทอง รูปร่างหน้าตา และคำยกย่องชื่นชม
           คุณอาจคิดว่ามีสิ่งเหล่านี้ แล้วต้องสุขสุดๆ แน่ แต่ความจริงฐานะทางการเงินและปัจจัยภายนอกต่างๆ มีอิทธิพลต่อความสุขในชีวิตไม่ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ

           สงสัยแล้วสิว่า งั้นอะไรล่ะที่จะทำให้มีความสุขได้ งานวิจัยยืนยันว่า ความสุขเริ่ม จากปัจจัยใกล้ตัวที่คุณนึกไม่ถึงเช่น ความศรัทธาในตนเอง ทัศนคติในแง่บวก ความหวังความสัมพันธ์อันดี และการดำเนินชีวิตอย่างมีเป้าหมายถ้าคิดว่าเกิดขึ้นยาก ไม่ต้องกังวล เพราะทุกอย่างที่กล่าวมานั้นสร้างได้ นั่นหมายถึงตั้งแต่วันนี้และตลอดไปคุณจะมีความสุขมากขึ้นแน่นอน
           ช่วงซัมเมอร์ ต้นไม้ ดอกไม้ และธรรมชาติรอบตัวล้วนมีชีวิตชีวา เป็นนิมิตหมายอันดีในการเริ่มต้นปรับเปลี่ยนบางอย่าง ทำตาม วิธีสร้างความสุข ต่อไปนี้ แล้วจะรู้ว่าชีวิตสว่างสดใสอยู่ใกล้แค่เอื้อม

3. พัฒนาทัศนคติแง่บวก
           ไม่ได้หมายถึง ให้มองข้ามทุก ปัญหาหรือฝืนใจคิดว่าเรื่องเลวร้ายเป็นสิ่งดี เพียงแค่คิดถึงด้านดี ของชีวิตเข้าไว้คุณจะค่อยๆ กลายเป็นคนคิดบวกและมีความหวังมากขึ้น วิธีนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ทำให้มีความสุขและมีแรงผลักดันเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย ไม่ได้หมายความว่าความใฝ่ฝันจะเป็นจริงบ่อยขึ้น แต่คุณจะมีแรงใจในการทำให้เป็นจริงมากขึ้น

           ถ้าดำเนินชีวิตด้วยทัศนคติที่ดี คุณจะมีความสุขและพึงพอใจในชีวิตมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะการคิดบวกทำให้มั่นใจในตนเองและรู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งความปีติ สมหวังในทุกเรื่อง แต่การคิดบวกต้องอาศัยการฝึกฝน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายหรือช่างตำหนิ

           วิธีฝึกฝนให้หันมาคิดบวกคือ เริ่มมองสิ่งต่างๆ ในแง่ดีตั้งแต่ตอนนี้ โดยจับความคิดแง่ลบให้ได้ แล้วพยายามใช้ความคิดแง่บวกเข้าสู้ เช่น หากทำงานพลาดจนถูกหัวหน้าต่อว่า อย่าตำหนิตนเองจนรู้สึกหดหู่ คิดเสียว่าเป็นบทเรียนสำคัญเพื่อพัฒนาการทำงานให้ดียิ่งขึ้น หากไม่ชอบนำเสนองานต่อหน้าคนหมู่มาก เพราะรู้สึกกลัวและอายให้คิดว่าเป็นสิ่งท้าทายที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทำให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และอาจค้นพบพรสวรรค์ในตัวที่ซ่อนอยู่

10 เส้นทางสู่ความสุข


4. เปิดหูเปิดตากับเพื่อนรู้ใจ
           การได้ใช้เวลากับคนสนิททำให้คุณไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและอุ่นใจเมื่อต้องการความช่วยเหลือ คนที่สุขสดใสอยู่เสมอมักมีความสัมพันธ์สนิทแนบแน่นกับผู้อื่นมากกว่าคนไม่มีความสุข อย่าลืมว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการการยอมรับจากผู้อื่น ความสนุกสนานร่วมกันช่วยให้เครียดน้อยลง รู้สึกสดชื่นแจ่มใสมากขึ้น

5. ดำเนินชีวิตอย่างมีเป้าหมาย
           การตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดความสุขและพึงพอใจในชีวิต ถามตนเองดูว่าอะไรทำให้คุณหัวใจพองโตด้วยความกระตือรือร้นทุกครั้งที่ทำ หรืออยากเอาดีด้านใดมากที่สุด เมื่อรู้ความต้องการแล้วคุณจะมีแรงใจในการทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เช่น อยากเป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่ เริ่มสมัครเรียนทำขนมและขวนขวายความรู้ด้านธุรกิจตั้งแต่วันนี้

6. อย่าจมกับความทุกข์
           ชีวิตคล้ายกับการขับรถอาจมีวันที่ยางแบนหรือขับไปเจอฟ้าฝน แต่นั่นจะไม่เป็นปัญหา ถ้าจำไว้ว่า อย่างน้อยคุณก็สามารถขับเคลื่อนชีวิตไปในทิศทางที่ต้องการได้เริ่มจากสิ่งง่ายๆ เช่น หมั่นดูแลสุขภาพกายและใจให้แข็งแรง เพื่อให้มีกำลังเพียงพอจะทำทุกสิ่งตามความปรารถนา และมีแรงผลักดันมุ่งสู่เป้าหมายมากขึ้น

           ความแตกต่างระหว่างคนมีความสุขกับคนไม่มีความสุขคือ เมื่อเผชิญปัญหาคนมีความสุขจะคิดหาทางออกของปัญหาเสมอ ไม่ใช่จมอยู่กับปัญหานั้นเมื่อเจอ เรื่องทุกข์ใจเพียงคิดหาวิธีแก้แล้วตั้งเป้าหมายอย่างเป็นขั้นตอน เช่น ถ้าเป็นหนี้ก้อนโต หาหนทางเพิ่มรายได้หรือไม่ก็ลดรายจ่ายค่อยๆ ทำไปทีละน้อยจนใช้หนี้หมด

7. จดจำเรื่องดีๆ
           หลายครั้งคนเราใช้ชีวิตด้วย ความเคยชินจนลืมมองเรื่องดีๆ หลายอย่างที่เกิดกับเรา พอเจอเรื่องร้ายๆ ก็เลยเหมาเอาว่า ไม่เคยมีอะไรดีในชีวิตพบว่าคนที่หยุดนึกถึงแล้วจด บันทึกเรื่องราวที่ทำให้ยิ้มได้ รู้สึกพอใจกับชีวิตมากกว่าคนที่ไม่ได้บันทึกเรื่องราวชวนสุขใจเอาไว้เลย

8. ทำงานอดิเรก
           คุณเคยง่วนอยู่กับการทำบางอย่างจนลืมเวลาไปเลยหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา ดูแลต้นไม้ วาดรูป ฯลฯ นี่เป็นปรากฏการณ์ "เพลินจนลืมเวลา" ซึ่งเกิดจากการทำสิ่งโปรดปราน สนุกสนาน ท้าทายยิ่งได้ทำสิ่งเหล่านี้เท่าไรคุณจะยิ่งสุขล้นมากเท่านั้น

9. ชาร์จพลังกายใจให้เต็มเปี่ยม
           แม้คนที่มีความสุขมักเป็นคน กระตือรือร้น แอ๊คทีฟตลอดเวลา แต่ก็ยังมีรหัสลับแห่งความสุขอีกหนึ่ง อย่างนั่นคือ การนอนและมีเวลาอยู่กับตนเอง เมื่อไรที่นอนไม่เพียงพอ ร่างกายจะอ่อนเพลียจนไม่สามารถสนุกกับกิจกรรมต่างๆ ได้เต็มที่ พบว่า เมื่อรู้จักแบ่งเวลาให้ตนเองและพักผ่อนเพียงพอจะรู้สึกแช่มชื่นมากขึ้น


10.ยิ้ม แย้มเข้าไว้
           ถ้าคุณทำตัวให้สดใสและอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา โดยส่งยิ้มจากใจ พูดจาด้วยน้ำเสียงร่าเริง และก้าวเดินอย่างมั่นใจ คุณมีแนวโน้มจะสุขได้อย่างนั้นจริงๆ เพราะเมื่อเราพยายามยิ้มหรือหัวเราะอยู่เสมอ ความรู้สึกเศร้าหมองจะบรรเทาลงเห็นไหมว่าแค่ทำสิ่งง่ายๆ ชีวิตก็มีความสุขขึ้นได้อีกตั้งเยอะ



ขอบคุณข้อมูลจาก ธนาคารกสิกรไทย


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์