โรคตาในเด็ก

โรคตาในเด็ก


ปัญหาสุขภาพตาของเด็กไทยในปัจจุบันน่าเป็นห่วง เนื่องจากพ่อแม่ส่วนใหญ่ยังไม่เห็นความสำคัญของการดูแลและปกป้องสุขภาพดวงตาของลูกน้อย โดยมักจะพามาพบจักษุแพทย์ก็ต่อเมื่อเกิดปัญหาแล้ว
 
ผศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ หัวหน้าภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกว่า 

พ่อแม่ควรให้ความสำคัญใส่ใจดูแลสุขภาพดวงตา และส่งเสริมพัฒนาการทางสายตาของลูกไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพัฒนาการด้านอื่น ๆ

เพราะพัฒนาการทางสายตาและการมองเห็นที่สมบูรณ์ของเจ้าตัวเล็กนั้น ถือว่าเป็นประตูสู่การเรียนรู้และการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการรอบด้านที่สมบูรณ์ของเจ้าตัวเล็ก
 
โดยมีผลต่อพัฒนาการด้านอื่น ๆ ของเด็กมากถึง 80-90% ดังนั้น
หากเด็กมีปัญหาพัฒนาการทางสายตาและการมองเห็นภาพไม่สมบูรณ์ ก็อาจส่งผลต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กได้
 
ในปัจจุบันพบว่าปัญหาสุขภาพตาของเด็กไทยมีแนวโน้มเปลี่ยนไปจากในอดีต คือ

จากเดิมมักจะเป็นกลุ่มโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ เปลี่ยนเป็นโรคที่เกี่ยวกับสายตาผิดปกติ หรือความผิดปกติทางด้านการมองเห็นมากขึ้น เช่น โรคเกี่ยวกับจอประสาทตา และโรคตาขี้เกียจ
 
โดยอาการของโรคจอประสาทตานั้น จะทำให้เด็กมองเห็นภาพไม่ปกติ มองเห็นภาพเลือนราง

พ่อแม่ต้องสังเกตจากพฤติกรรมการมองเห็นของเด็ก เช่น  เด็กไม่จ้องหน้า ตาแกว่ง ไม่มีพัฒนาการทางสายตาและการมองเห็นตามวัย หรือ การวิ่งเข้าไปดูสิ่งของใกล้ ๆ ก็สามารถบ่งบอกได้ว่าเด็กอาจมีปัญหาเรื่องการมองเห็น
 
โรคจอประสาทตาในเด็ก อาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยทางพันธุกรรม การขาดสารอาหารบางชนิด ที่พบบ่อย ได้แก่ เด็กคลอดก่อนกำหนด

มีผลการศึกษาพบว่าเด็กคลอดก่อนกำหนดที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 1,250 กรัม จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคจอประสาทตากว่า 60% และในกลุ่มเด็กที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 750 กรัม มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคดังกล่าวถึง 90% ซึ่งโรคจอประสาทตาในเด็กนี้ ถือเป็นสาเหตุหลักอันดับหนึ่งที่ทำให้เด็กตาบอดในที่สุด
 
จอประสาทตา เป็นส่วนสำคัญที่สุดต่อการรับภาพและมองเห็นภาพชัดเจน ทำหน้าที่เป็นสัญญาณรับภาพ ดังนั้น เมื่อจอประสาทตาผิดปกติ หรือถูกทำลายจะทำให้สูญเสียการมองเห็นเป็นภาพเลือนราง

ซึ่งจอประสาทตานี้อาจโดนทำลายจากภาวะมลพิษทางแสงที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถปกป้องตัวเองได้

ซึ่งการให้เด็กรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนช่วยบำรุงสายตาอาจช่วยได้
เช่น อาหารที่มีวิตามินเอ จำพวกผักบุ้ง ผักตำลึง และสารอาหารที่มีคุณสมบัติช่วยดูดซับภาวะมลพิษทางแสงที่จะไปทำลายจอประสาทตา มีมากในน้ำนมแม่
 
พ่อแม่ควรส่งเสริมพัฒนาการทางด้านสายตาของลูกตั้งแต่ยังเด็ก เพราะโดยปกติพัฒนาการทางด้านสายตาของเด็กจะมีการ พัฒนาการสูงสุดในช่วง 4 ขวบปีแรก โดยมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่แรกคลอด เริ่มมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่ออายุ 2 ขวบ และพัฒนาต่อเนื่องจนสามารถมองเห็นได้อย่างสมบูรณ์เมื่ออายุ 8-10 ขวบ
 
ดังนั้น การดูแลและป้องกันลูกน้อยจากอาการผิดปกติทางสายตา และส่งเสริมให้เด็กมองเห็นภาพชัดเจนในช่วงอายุดังกล่าวจึงมีความสำคัญมากต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก
 
ทั้งนี้พ่อแม่สามารถส่งเสริมความฉลาดของลูกผ่านพัฒนาการทางสายตาด้วยของเล่นสีสด เช่น ของเด็กเล่นสำหรับเด็กอายุ 1-2 เดือน สามารถใช้ของเล่นสีสดขนาดใหญ่พอสมควร
ให้เด็กฝึกใช้สายตาจ้องมองและค่อย ๆ ลดขนาดลงเมื่อลูกโตขึ้น และสำหรับเด็ก 1-2 ขวบ อาจใช้สมุดภาพที่มีสีสัน เพื่อช่วยกระตุ้นพัฒนาการสายตาและการเรียนรู้ของเด็กได้อีกด้วย
 
การดูทีวี หรือเล่นคอมพิวเตอร์ สามารถให้ลูกดูหรือเล่นได้ตั้งแต่เล็ก เพราะถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดพัฒนาการที่ดีแก่เด็กได้ แต่พ่อแม่ต้องแนะนำและดูแลอย่างใกล้ชิด
โดยให้ลูกพักสายตาทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง สัก 4-5 นาที  และหมั่นสังเกตการใช้สายตาของลูก

หากมีข้อสงสัยว่าลูกจะมีสายตาผิดปกติ
เช่น เด็กชอบดูทีวีใกล้ เอียงคอมอง หรี่ตามอง การมองเห็นผิดปกติ ไม่มองตาม ตาเข ตาแกว่ง ตาสั่น หรือขนาดตา 2 ข้างไม่เท่ากัน ควรพาลูกไปปรึกษาจักษุแพทย์ทันที

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์