จักษุแพทย์เตือนโรคตาเสื่อมตาบอดได้แนะวัย40ปีรับการตรวจสุขภาพตาทุก1-2ปี

จักษุแพทย์เตือนโรคตาเสื่อมตาบอดได้แนะวัย40ปีรับการตรวจสุขภาพตาทุก1-2ปี


จักษุแพทย์เตือนโรคตาเสื่อมไม่ระวังตาบอดได้ แนะสังเกตหากมองเห็นจุดตรงกลางภาพเป็นสีดำ ภาพเบลอ บิดเบี้ยว รีบปรึกษาจักษุแพทย์ ชี้สิงห์อมควันเสี่ยง3 เท่า ระบุอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจสุขภาพตาทุก 1-2 ปี



รศ.นพ.วิชัยประสาทฤทธา หัวหน้าหน่วยจอประสาทตา ภาควิชาจักษุวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยว่า โรคจอประสาทตาเสื่อม หรือ โรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อมจากอายุ (Age-related Macular Degeneration) เป็นโรคร้ายทางตาของผู้สูงอายุพบมากในผู้สูงอายุวัย 50 ปีขึ้นไป และถือเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร(ตาบอด) ควรสังเกตอาการหากมองเห็นจุดตรงกลางภาพเป็นสีดำ ภาพเบลอ บิดเบี้ยว รีบปรึกษาจักษุแพทย์ทันที แต่ทางที่ดีผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจสุขภาพตาทุก 1-2 ปี แม้ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นจะมีปัญหาเรื่องสายตาเปลี่ยนแปลง เช่น ต้อหิน ต้อกระจก



"โรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อมจากอายุนี้ มาจากหลายปัจจัย เช่น ขบวนการเสื่อมสภาพของร่างกาย พันธุกรรม การติดเชื้อ สายตาสั้นมากๆ การสูบบุหรี่ ซึ่งหลักฐานการศึกษาทางการแพทย์พบว่าผู้ที่สูบบุหรี่ มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า และมีโอกาสเกิดโรคนี้เร็วกว่าผู้ไม่สูบถึง 10 ปี รวมถึงผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและมีระดับไขมันในเลือดสูง และผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ไม่ได้รับประทานฮอร์โมนทดแทนพบว่าเสี่ยงสูงเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม"
รศ.นพ.วิชัย กล่าว



รศ.นพ.วิชัยกล่าวต่อว่า โรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อมจากอายุ แบ่งได้ออกเป็น 2 รูปแบบ คือ แบบแห้ง (Dry AMD) และแบบเปียก (Wet AMD) ซึ่งรูปแบบที่พบได้มากที่สุดคือ แบบแห้ง เกิดจากการเสื่อมสลายและบางลงของบริเวณศูนย์กลางรับภาพของจอประสาทตา (Macula) จะทำให้การมองเห็นค่อยๆลดลง และเป็นไปอย่างช้าๆ ส่วนแบบเปียกนั้น แม้จะพบได้ประมาณ 15-20% ของผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมทั้งหมดแต่ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดตาบอดอย่างรวดเร็ว เกิดจากการที่มีเส้นเลือดผิดปกติงอกขึ้นมา หากเส้นเลือดที่เปราะบางเกิดการรั่วซึม จะทำให้จุดรับภาพบวม ภาพเริ่มพร่ามัว และตาบอดในที่สุด



รศ.นพ.วิชัย แนะนำว่า การดูแลสุขภาพดวงตา และการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของโรคตั้งแต่ยังหนุ่มสาว นับว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุด เช่นงดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงแสงแดด ควบคุมน้ำหนักตัว ไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง รับประทานผักใบเขียว ผลไม้ทุกวัน รวมถึงสารอาหารที่มีประโยชน์กับดวงตาโดยตรง เช่น วิตามินซี วิตามินอี สังกะสี เบต้าแคโรทีน โอเมก้า ลูทีน ซีแซนทีน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์