รูบิค ของเล่นใหม่ลับสมอง

รูบิค ของเล่นใหม่ลับสมอง



เดี๋ยวนี้ชาวที่นี่เคยสังเกตไหมค่ะว่า มีหลาย ๆ คนเลยทีเดียวที่จะนั่งเล่นเจ้าลูกบาศก์สี่เหลี่ยมหมุนไปหมุนมา พยายามสลับให้สีเรียงตรงกันให้ได้



ถ้าเคยเห็นล่ะก็ไม่ต้องแปลกใจไปหรอกนะคะ เพราะว่า เจ้าลูกบาศก์ที่ว่านี้กำลังเป็นของเล่นใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมมากทีเดียว แล้วก็ไม่ใช่แค่ว่านั่งเล่นกันเปล่า ๆ ปลี้ ๆ นะจ๊ะ เพราะเจ้าลูกบาศก์ที่ว่านี้ก็มีประโยชน์ไม่ใช่เล่นเหมือนกัน

ลูกบาศก์ของรูบิค หรือที่เรียกกันว่า ลูกรูบิค เป็นของเล่นลับสมอง ประดิษฐ์ขึ้นในปี ค.ศ. 1974

โดย เออร์โน รูบิค (Ernö Rubik) ซึ่งเป็น ประติมากร และ ศาสตราจารย์ในสาขาสถาปนิก ชาวฮังการี โดยทั่วไป ตัวลูกบาศก์นั้นทำจากพลาสติก แบ่งเป็นชิ้นย่อยๆ 26 ชิ้น ประกอบกันเป็นรูปลูกบาศก์ที่สามารถบิดหมุนไปรอบๆ ได้ ส่วนที่มองเห็นได้ของแต่ละด้าน จะประกอบด้วย 9 ส่วนย่อย ซึ่งมีสีทั้งหมด 6 สี ส่วนประกอบที่หมุนไปมาได้นี้ทำให้ การจัดเรียงสีของส่วนต่างๆ สลับกันได้หลายรูปแบบ จุดประสงค์ของเกมคือ การจัดเรียงให้แถบสีทั้ง 9 ที่อยู่ในด้านเดียวกันของลูกบาศก์ ซึ่งมีทั้งหมด 6 ด้านนั้น มีสีเดียวกัน


รูบิค ของเล่นใหม่ลับสมอง



เออร์โนได้จดสิทธิบัตร HU170062 สิ่งประดิษฐ์ ในชื่อ "ลูกบาศก์มหัศจรรย์" (Magic Cube) ในปี ค.ศ. 1975 ที่ประเทศฮังการี แต่ไม่ได้ทำการจดสิทธิบัตรนานาชาติ ซึ่งเมื่อมีการผลิต รูบิค ออกวางจำหน่ายได้ไม่นานก็ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยการบอกเล่าปากต่อปาก จากเดิมที่ฮิตกันแค่ในประเทศฮังการีต่อมาก็มีการขยายความนิยมไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งแพร่หลายไปทั่วโลก

อย่างที่บอกว่าการเล่น รูบิค
นั้นไม่ใช่แค่การนั่งบิดไปบิดมาเท่านั้น เพราะในขณะที่ผู้เล่นนั่งเล่น รูบิค นั้นผู้เล่นจะได้ฝึกฝนทักษะในการเคลื่อนไหวนิ้วมือที่ต้องบิด รูบิค ไปมาตลอด ได้ฝึกฝนทักษะการใช้สายตา เพราะผู้เล่นต้องจ้องมองตัว รูบิค อยู่ตลอดเวลา ได้ฝึกฝนทักษะความจำ เพราะในการเล่น รูบิค นั้นมันมีสูตรของมันด้วยและที่สำคัญไม่ใช่แค่สูตรเพียงสูตรเดียว แต่มีอยู่มากมายหลายสูตรเลยทีเดียว ได้ฝึกฝนสมาธิ เพราะผู้เล่นต้องจดจ่ออยู่กับสูตรในการเล่น ต้องจำให้ได้ว่าเมื่อกี้บิดไปทางไหนอย่างไร แถมยังได้ฝึกความคิดอีกว่าต่อไปเราจะใช้สูตรไหน และที่สำคัญได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วย



เพราะฉะนั้นบรรดาผู้ปกครองที่อยากให้เจ้าตัวเล็กที่บ้านเล่นเกมอย่างมีประโยชน์ลองซื้อ รูบิค
มาให้เขาลองเล่นดูนะคะ


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์