...มีพระธรรมเป็นกัลยาณมิตร...

...มีพระธรรมเป็นกัลยาณมิตร...


...มีพระธรรมเป็นกัลยาณมิตร...


การเดินบนเส้นทางธรรมที่ไม่ผิดไม่หลงนั้น
อาจจะมีปัญหาอุปสรรคนานับประการ โดยเฉพาะสำหรับเยาวชน
เพราะทุกวันนี้สังคมล้มเหลว
คุณอนุรุธและคุณพจนาก็มาปรารภว่า
พวกเราไม่มีตัวอย่างที่ดีให้เห็นเท่าใดนัก
อันที่จริงพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า
พวกเธออย่าอยู่อย่างไม่มีที่พึ่ง
จงอยู่อย่างมีเราเป็นกัลยาณมิตร
มีพระธรรมเป็นกัลยาณมิตร
เรายังมีเพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตรของเราอยู่นั่น คือ หลักคำสอนที่ถูกต้อง
ดังนั้นขอให้เรากลับมาหาหลักของความเป็นจริง
คือคำสอนที่ดีงาม คำสอนที่ถูกต้อง เป็นเพื่อนร่วมทางของเราก่อน
เราอย่าใช้ชีวิตที่เป็นเหยื่อของมาร
ตั้งแต่ การปรุงแต่งภายนอกที่ยั่วเย้า
เมื่อกี้หลวงพ่อเห็นบอร์ดมีคำคำหนึ่งที่เด็กคนหนึ่งเขียนไว้
...ขอบคุณมากที่ชี้แผนที่ให้กับผม...
นี่แหละคือ ผู้ใหญ่ทำหน้าที่ของกัลยาณมิตร
ซึ่งผู้ใหญ่หลายคนเคยผ่านความเป็นเด็กมาก่อน
เคยล้มลุกคลุกคลาน เคยเดินผิดพลาด
แต่นำประสบการณ์เหล่านั้นมา บอกพวกเราว่า
หนทางอันนี้มีอันตราย อย่าไปนะ มันจะพาให้เราตกต่ำ
หนทางนี้นะเป็นหนทางอันประเสริฐ จึงชี้หนทางที่ดีให้แก่เรา
และบอกแผนที่ที่ดีให้แก่เรา
เพื่อที่เราจะได้ไม่เสียเวลาไปกับการหมกมุ่นในเรื่องที่ไร้สาระ

สรุปว่าพวกเราสามารถจะตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนได้ว่า
เป้าหมายของเราคืออะไร ถึงจะมีจุดเริ่มต้น
เราต้องรู้เท่าทันหนทางแห่งความเสื่อม
เราต้องรู้ว่า ถ้าสิ่งนี้เข้ามาเราจะไม่ไปถึงจุดหมายแน่นอน
จะกลายเป็นเหยื่อเป็นทาสของมาร
การเชื่ออย่างมีเหตุผล และก็ศรัทธานี่ ทำให้เราเกิดความเพียร
เราจะทดลองดู เราจะตามดูที่พระพุทธองค์สอนเรื่องกรรมนี่มีจริงหรือเปล่า
ดูจากตัวเราเลย
พระพุทธองค์บอกว่า กรรม คือ เจตนาเป็นที่ตั้งของเวทนา
ถ้าเราคิดดี เจตนาคืออารมณ์ของเรา เราก็จะมีความสุขจริงได้
เวลาเราคิดจะให้เรามีความสุขไหม
เวลาที่เราคิดจะเบียดเบียนเขา ไปด่าเขานี่เรามีความทุกข์ไหม
ผลมันเกิดขึ้นให้เห็นในขณะนั้นอยู่แล้ว

ถ้าเราเห็นอย่างนี้ เราจะเกิดความเชื่อที่มีเหตุผล
เราจะไม่คิดเบียดเบียนใคร ความละอายใจจะเกิดขึ้น เรียกว่า หิริโอตัปปะ
อย่างน้อยชีวิตของเราก็ไม่ตกต่ำ
เป็นมนุษยเทโวเพราะมีธรรมะอยู่ในใจ มีความละอายใจ
เพราะรู้ว่าถ้าคิดไม่ดี จิตมันจะเศร้าหมองและไม่คุ้มกับเวลาที่เสียใน 1 วัน
แต่ถ้าเราคิดเรื่องดีเมื่อไร จิตใจเราจะมีความสุข
แล้วเราได้ให้รางวัลตัวเอง ให้ของขวัญตัวเองกับสิ่งที่ได้มาฟรีๆ นะ
ลมหายใจฟรีนะ มาจากใบไม้หลายล้านใบ
แสงตะวันให้ความอบอุ่นนี่ฟรีไหม
ต้องไปจ้างใครทำปฏิกรณ์ปรมาณูอยู่กลางจักรวาล
แล้วส่งพลังมาสู่เราไหม เราได้ของฟรีตลอดกาล
แต่ถ้าเราใช้ของฟรีนี้ไม่เป็น จะเกิดโทษอย่างมหาศาล

เราเอาร่างกายที่ได้ฟรีๆ นี้จากพลังงานของแสงตะวัน
พลังงานลมหายใจ สายน้ำ
พลังงานของแผ่นดินที่นำเอาความหอมหวานของแผ่นดิน
มาทำให้กลายเป็นผลไม้ และสรรพสัตว์
เพื่อให้หล่อเลี้ยงเป็นร่างกายมนุษย์
เรากินปลาไปกี่ตัวแล้วตั้งแต่เกิดมา
ปลาซิว ปลาเล็กๆ เป็นๆ ล้านตัว กินผลไม้ไปเท่าไร
ลองคิดซิว่าผลไม้แต่ละต้นแต่ละลูก เกิดมาจากต้นไม้น้อยใหญ่
หลังสงครามทุกครั้งจะมีซากศพของมนุษย์
อันเกิดจากการฆ่าฟันกันเกลื่อนกลาด
ต้นไม้ก็เอาซากศพมาเปลี่ยนใหม่กลายเป็นใบไม้สดชื่น
กลายเป็นดอกไม้ที่หวานหอม
กลายเป็นผลไม้ที่อุดมสมบูรณ์ใช้กับมนุษย์รุ่นต่อไป
ได้เรียนรู้และเฝ้าคิดว่า สักวันหนึ่งมนุษย์คงจะเข้าใจความจริงข้อนี้

ต้นไม้เป็นพี่ใหญ่ของธรรมชาติ
สามารถเปลี่ยนแปลงเอาซากศพ เอาหยาดน้ำตา เอาคราบเลือด
ภัยพิบัติต่างๆ มาเป็นสิ่งใหม่
เป็นความอุดมสมบูรณ์ ความหวานหอม
ความเปล่งปลั่งมอบให้กับชีวิตใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า
เพื่อให้เราเรียนรู้ว่า ชีวิตคืออะไร
เป้าหมายของเราคืออะไร
การเดินทางของเราคืออะไร
การเดินทางที่ยาวเหยียดที่เราเดินทาง ผ่านวัฏฏะสงสารที่นานแสนนานนั้น
เราควรจะทำอย่างไร เป็นคำถามที่ควรใคร่ครวญ
เพื่อให้ใช้ชีวิตบนเวทีโลกที่ผ่านมา
ถึงช่วงเวลาของเรานั้นได้อย่างเต็มคุณ 2 ค่า
เพื่อน ความรัก และการตัดสินใจแห่งชีวิต



คัดลอกจาก...หนังสือ หยดน้ำแห่งแรงบันดาลใจ
(พระอาจารย์อํานาจ โอภาโส จำพรรษาอยู่ที่พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์)





ขอบคุณบทความจากะรรมะไทย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์