ที่สุดแห่งความกตัญญู ว.วชิรเมธี

ที่สุดแห่งความกตัญญู ว.วชิรเมธี


ที่สุดแห่งความกตัญญู ว.วชิรเมธี


วิสัชนา
ความสุขของคนเป็นพ่อเป็นแม่นั้น ขึ้นอยู่กับ การมีคนลูกเป็นคนดี
ในหนังสือ “หิโตปเทส” โบราณาจารย์ท่านกล่าวว่า

“มีลูกดี แต่ตายแล้ว
มีลูกชั่ว แต่ยังมีชีวิตอยู่
สู้มีลูกดี แต่ตายแล้วเสียยังดีกว่า”


ความข้อนี้ ก็สะท้อนสัจธรรมตรงกันว่า สิ่งที่เป็นยอดปรารถนาของพ่อและแม่คือ การมีคนเป็นคนดี
จากคำถามของคุณ ยืนยัน ว่าคุณได้ทำหน้าที่เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่แล้ว แสดงว่า นั่นเป็นโชคดีของคุณพ่อคุณแม่ของคุณเป็นอย่างมาก แต่ถึงแม้คุณจะทำหน้าที่ในส่วนของลูกกตัญญูเป็นอย่างดีแล้ว แต่คุณเองก็ยังรู้สึกว่า เป็นการทำความดีที่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ การที่คุณคิดเช่นนี้ได้นับว่าประเสริฐมาก เพราะมันคือช่องทางที่จะทำให้คุณ ได้ก้าวขึ้นไปสู่การตอบแทนพระคุณของบุพการีในระดับที่ดีเลิศยิ่งๆ ขึ้นไป

การตอบแทนพระคุณพ่อแม่นั้น เราทำได้สองระดับด้วยกัน

(๑) ระดับพื้นฐาน คือ การทำหน้าที่ของลูกต่อบุพการีให้สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งหน้าที่ดังกล่าวนี้ ลูกคนไหนทำได้ ก็นับว่า เป็นลูกที่ประสบความสำเร็จในฐานะลูกชั้นยอดแล้ว แต่ว่า ยังคงเป็นความสำเร็จแบบโลกีย์ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ หน้าที่ดังกล่าวนี้ ประกอบด้วย

๑) ท่านเลี้ยงมาแล้วต้องเลี้ยงท่านตอบ
๒) ช่วยทำการงานของท่าน
๓) ดำรงวงศ์สกุล
๔) ประพฤติตนให้สมควรรับมรดก
๕) ท่านล่วงไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน

(๒) ระดับสูง คือ การนำพ่อแม่ให้เดินเข้าสู่เส้นทางสีขาวของสัจธรรม อันได้แก่ การชักนำพ่อแม่ที่
๑) ไม่มีศรัทธา ให้เต็มเปี่ยมด้วยศรัทธา
๒) ไม่มีศีล ให้มีศีล
๓) ไม่มีความเป็นคนใจบุญ ให้เป็นคนใจบุญสุนทร์ทาน
๔) ไม่มีปัญญา ให้มีปัญญา
๕) ไม่มีโอกาสได้พบแสงสว่างแห่งธรรม ให้ได้ชิมลิ้มรสธรรม

พระพุทธองค์เคยตรัสว่า ลูกที่มีความกตัญญู อยากจะตอบแทนพระคุณพ่อแม่ให้ถึงที่สุด ต่อให้นำพ่อและแม่มาประดิษฐานอยู่บนบ่าซ้ายและบ่าขวา ปรนนิบัติท่านทั้งสองอยู่บนบ่าของตนให้มีความสุขเต็มเปี่ยมด้วยมนุษยสมบัติ เช่น กิน กาม เกียรติ กระทั่งยอมให้ท่านอุจจาระปัสสาวะอยู่บนบ่าของตนจนวันหนึ่งท่านทั้งสองนั้น ล่วงไปตามอายุสังขารอย่างสงบ แต่การปรนนิบัติมารดาบิดาถึงเพียงนั้น ก็นับว่า เป็นการแสดงความกตัญญูอย่างโลกๆ อย่างธรรมดาๆ เท่านั้นเอง

ส่วนลูกคนใดก็ตาม นอกจากปรนนิบัติมารดาบิดาอย่างที่กล่าวมาข้างต้นตามปกติแล้ว ยังบำเพ็ญตนเป็น “มรรคนายก” นำพ่อแม่ดำเนินเข้าสู่เส้นทางธรรม ด้วยการนำท่านให้สมาทานประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา หรือ ทาน ศีล ภาวนา จนพ่อแม่มีศรัทธา มีศีล มีจิตปราศจากความตระหนี่ และมีปัญญารู้ทั่วถึงธรรม
ลูกคนไหนทำได้อย่างนี้ นี่คือ ที่สุดแห่งความกตัญญู

การกตัญญูต่อพ่อแม่ขั้นสูง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การชักชวนพ่อแม่ที่ไม่มีธรรมะ ให้มีธรรมะนั่นเอง

ในกรณีของคุณ จากที่เล่ามา แสดงว่า คุณคงได้ทำหน้าที่ของลูกระดับพื้นฐานเป็นอย่างดีแล้ว หากคุณปรารถนาจะทำหน้าที่ของตนให้ยิ่งกว่านี้ขึ้นไป ก็ขอแนะนำให้คุณชักชวนพ่อแม่ให้หันหน้าเข้ามาสู่เส้นทางธรรมดีกว่า ซึ่งหากคุณทำได้ และท่านทั้งสองเองก็มีความสุข ความเบิกบานกับการดำเนินอยู่บนเส้นทางธรรม ก็เท่ากับว่า คุณได้ทำหน้าที่ของลูกกตัญญูต่อพ่อแม่อย่างดีที่สุดแล้ว

ในครั้งพุทธกาล มีพระสาวกรูปหนึ่งที่พระพุทธเจ้า ทรงยกย่องว่ามีความกตัญญูเป็นยอด ท่านคือ พระสารีบุตร

พระสารีบุตรนั้น ท่านเป็นพระอรหันต์ อัครสาวก สอนคนให้บรรลุธรรมมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ยังมีคนๆ หนึ่งที่ท่านยังไม่ได้สอน และหากท่านยังไม่ได้สอนคนๆ นี้ ท่านก็ยังนิพพานไม่ได้ คนที่ว่านี้ก็คือ โยมแม่ของท่านนั่นเอง

วันหนึ่ง ก่อนที่ท่านจะนิพพาน ท่านได้กราบทูลลาพระพุทธองค์เพื่อกลับบ้านเกิด เมื่อได้รับพุทธานุญาตแล้ว ท่านจึงออกเดินทางทั้งๆ ที่ร่างกายระงมด้วยพิษไข้ แต่ถึงกระนั้น ท่านก็บุกบั่นเดินทางไปจนพบหน้าโยมมารดา
 
คืนนั้น ท่านแสดงธรรมโปรดโยมมารดาจนได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคล เมื่อท่านชำระหนี้ศักดิ์สิทธิ์นี้เสร็จสิ้นแล้ว เช้าตรูวันนั้นท่านก็นิพพานอย่างสงบ

ตัวอย่างชีวิตของพระสารีบุตร เตือนให้เราตระหนักรู้ว่า

“ถึงจะทำดีกับคนทั้งโลกมาแล้ว แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้ทำดีกับมารดาบิดาของตน ความดีที่ทำมา ก็ยังนับว่า เป็นความดีอย่างธรรมดาสามัญเท่านั้นเอง แต่เมื่อใดก็ตาม ที่ลูกสามารถประดิษฐานมารดาบิดาบังเกิดเกล้าของตนไว้ในดินแดนแห่งธรรม เมื่อนั่นแหละ จึงจะนับว่า ลูกได้ทำความดีที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง”

ขอเป็นกำลังใจให้คุณ พยายามทำความดีตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ให้ประเสริฐเลิศล้ำยิ่งๆ ขึ้นไป ทั้งนี้เพราะ - -

“การประสบความสำเร็จในฐานะลูกกตัญญูนั้น เป็นการประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าการเป็นรัฐบุรุษของโลกอย่างไม่มีทาง เทียบกันได้เลย”



ขอบคุณบทความจากทำดีดอทเน็ต

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์