สิ่งที่ใครก็เอาไปจากเราไม่ได้

สิ่งที่ใครก็เอาไปจากเราไม่ได้


สิ่งที่ใครก็เอาไปจากเราไม่ได้


เมื่อผมไปเรียนต่อที่อเมริกา ผมพบเพื่อนนักศึกษาชาวเยอรมันคนหนึ่งซึ่งเล่าว่า ครอบครัวของเธอไปตั้งรกรากในสหรัฐฯหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง พ่อแม่ของเธอสูญเสียทุกอย่างไปในสงคราม ตั้งแต่ บ้าน ทรัพย์สิน ครอบครัว พวกเขาเลือกไปเริ่มต้นใหม่ในประเทศที่ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน

พ่อแม่ของเธอย้ำนักย้ำหนากับเธอว่า ความรู้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต หลังสงครามพวกเขาเหลือสิ่งเดียวติดตัวคือความรู้ พวกเขาบอกว่า เสียอะไรก็เสียไป หาใหม่ได้ตราบที่มีความรู้ติดตัว

ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ใครก็เอาไปจากเราไม่ได้

หลังจากย้ายไปตั้งหลักที่อเมริกา พวกเขาก็สร้างตัวขึ้นมาใหม่สำเร็จด้วยดี

พวกเขาเชื่อในความเท่าเทียมกันของการศึกษา ปฏิเสธความคิดเก่าๆ ที่ว่า ผู้หญิงไม่ต้องเรียนสูง เพราะความรู้ก็เช่นอาหาร เป็นของจำเป็นสำหรับทุกๆ คน


เมื่ออายุเลยเลขหลัก 4 ผมกลับเข้ารั้วมหาวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่ง

ผมคิดว่าตนเองคงจะเป็นคนที่มีอายุมากที่สุดในชั้นเรียน แต่ผิดคาด ใครคนหนึ่งอายุมากกว่าผมร่วมยี่สิบปี

ในวัยเกือบหกสิบและใกล้เกษียณเต็มทน เขาหอบสังขารไปเล่าเรียนอีกครั้ง บางคนถาม "เรียนไปทำไม เรียนจบก็เกษียณพอดี"

แต่เหตุผลในการเข้าโรงเรียนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน โชคดีที่เขาไม่ได้เรียนเพื่อปริญญาบัตร

แน่นอน เขาไม่ได้เรียนเพื่อปริญญาบัตร คนที่เรียนเพราะค่านิยมปลอมๆ ของปริญญาบัตรไม่มีทางมีรอยยิ้มและความสุขบนใบหน้าในเวลาเรียนเช่นนั้นได้

เขาเรียนเพราะอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

ยิ่งอายุมากขึ้น ผมก็ยิ่งพบว่าโลกเรามีความรู้อีกมากมายที่ผมอยากรู้ ความรู้เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา แต่ก็รู้ว่าในชั่วชีวิตนี้ไม่มีทางเรียนได้ทุกวิชาที่อยากรู้

ในยุคที่ห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดของโลกที่เรียกว่า อินเทอร์เน็ต อยู่ห่างจากเราแค่ปลายนิ้ว เราทุกคนมีศักยภาพในการเรียนรู้มากกว่าคนยุคก่อนนับล้านเท่า แต่แปลกที่ผู้คนไม่ได้รักการเรียนรู้มากกว่าเดิม


เพื่อนเรียนวัยชราตายไปไม่กี่ปีหลังเรียนจบ

เขาพิสูจน์ว่า ชีวิตมีค่าหรือไม่อยู่ที่ตัวเอง ไม่มีใครแก่เกินเรียน


สมองของคนเราไม่ได้หยุดทำงานเมื่อถึงวัยที่สังคมบอกว่า "เรียนไปทำไมกัน?"

คนที่รู้จริงคือคนที่รู้ว่า ตนเองรู้ไม่เคยพอ


ผมไม่ได้เรียนหนังสือกับหญิงสาวชาวเยอรมันคนนั้นจนจบ เงินของผมหมดลงก่อน แต่ตลอดระยะเวลาที่ผมหาเงินจากการทำงานในนิวยอร์ก ผมผ่านราตรีด้วยการเรียนวิชาต่างๆ ที่อยากรู้ แล้วก็กลับบ้าน

จริงอย่างที่พ่อแม่ของเธอว่า ความรู้เป็นทรัพย์สินเดียวที่ไม่มีใครเอาไปจากเราได้


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บทความโดย : วินทร์ เลียววาริณ
พิมพ์ครั้งแรก: เปรียว 2549



ขอบคุณบทความจาก ทำดีดอทเน็ต(ป้าแก้ว)

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์