ไขข้อข้องใจ ฟ้าทะลายโจร กับไข้หวัด

ไขข้อข้องใจ ฟ้าทะลายโจร กับไข้หวัด


ไขข้อข้องใจ ฟ้าทะลายโจร กับไข้หวัด‏


ฟ้า ทะลายโจรเป็นยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติของประเทศไทย  มีข้อบ่งใช้ในการบรรเทาอาการของโรคหวัด  (Common cold)  เช่น  เจ็บคอ  ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ  น้ำมูกไหล  และบรรเทาอาการท้องเสียไม่ติดเชื้อ

  

คำถาม:   ฟ้าทะลายโจรมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใดในการใช้เพื่อการรักาอาการเนื่องจากหวัด

คำตอบ:   ฟ้าทะลายโจรมีการทดสอบความเป็นพิษที่ครบถ้วนทั้ง 3 ระยะ  กล่าวคือ พิษเฉียบพลัน  พิษกึ่งเรื้อรังและพิษเรื้อรัง  พบว่าฟ้าทะลายโจรมีความปลอดภัยในการรับประทานในระยะยาว 

คำถาม:  ฟ้าทะลายโจรควรใช้เมื่อใด

คำตอบ:   ฟ้าทะลายโจรควรใช้เมื่อมีอาการของหวัดอาการใดอาการหนึ่ง เช่น  เจ็บคอ  ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ  หรือมีน้ำมูก  โดยอาการเจ็บคอรับประทานครั้งละ 3-6 กรัมวันละ 4  ครั้ง  ส่วนการบรรเทาอาการหวัดให้รับประทานครั้งละ 1.5-3 กรัมวันละ 4  ครั้ง  โดยแนะนำให้รับประทานติดต่อกันไม่เกิน 7 วัน  หากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์

คำถาม:  ฟ้าทะลายโจรออกฤทธิ์อย่างไรในการต้านหวัด

คำตอบ:   ฟ้าทะลายโจรมีกลไกการออกฤทธิ์ 3  กลไกล่าวคือ  ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ลดไข้  ต้านการอักเสบ  (Ant-inflammation)  และลดอาการจากการหวัด    มีฤทธิ์ลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสและทำให้ความสามารถของเชื้อไวรัสในการเกาะ ติดกับผนังเซลล์ลดลง  จึงทำให้เชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ยากขึ้น  และสุดท้ายฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน  ทำให้มีร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดีขึ้น

คำถาม:  ฟ้าทะลายโจรสามารถใช้ป้องกันการเกิดหวัดได้หรือไม่

คำตอบ:   ฟ้าทะลายโจรมีการใช้เพื่อการป้องกันหวัดมาอย่างยาวนานในประเทศจีน และมีรายงานการวิจัยว่าฟ้าทะลายโจรช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ทั้งแบบจำเพาะ คือ การสร้างแอนตี้บอดี้ (Antibody) เพื่อต่อต้านสิ่งแลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย  และภูมิคุ้มกันแบบไม่เฉพาะเจาะจง  คือ  การกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโคฟาจ  (Macrophage) ให้จับกินเชื้อโรคได้ดีขึ้น  มีการวิจัยในต่างประเทศที่ทำในเด็กนักเรียน 107  ราย  ให้รับประทานฟ้าทะลายโจรที่ควบคุมสารสำคัญ คือ  แอนโดรกราฟโฟไลด์  (Andrographolide) ให้มีความเข้มข้น 4%  ต่อวัน  ในฤดูหนาวนาน 3 เดือน  พบว่าอัตราการเกิดหวัดในกลุ่มที่ได้รับฟ้าทะลายโจรน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่าง มีนัยสำคัญ  (30%)  เทียบกับ 62% ในกลุ่มยาหลอก  ดังนั้นจึงแนะนำให้รับประทานฟ้าทะลายโดยเทียบกับปริมาณสารสำคัญคือ แอนโดรกราฟโฟไลด์  (Andrographolide)  ประมาณ 8%  ต่อวัน  หรือประมาณ 1-2  แคปซูลต่อวัน

คำถาม:  ฟ้าทะลายโจรมีข้อห้ามหรือข้อควรระวังในการใช้อะไรบ้าง

คำตอบ:   ห้ามใช้ในสตรีตั้งครรภ์และให้นมบุตร   เนื่องจากมีการศึกษาในหนูทดลองพบว่าน้ำต้มฟ้าทะลายโจรมีผลทำให้หนูแท้งได้  และห้ามใช้ในการบรรเทาอาการไข้หรือเจ็บคอจาการติดเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus group A  ซึ่งมีอาการรุนแรง ซึ่งการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มนี้อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น  ไข้รูห์มาติค  โรคหัวใจรูห์มาติคและไตอักเสบ

คำถาม:  รับประทานฟ้าทะลายโจรและทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง  หรือทำให้โลหิตจางจริงหรือไม่

คำตอบ:   ตามทฤษฏีการแพทย์แผนไทยและแผนจีนจัดฟ้าทะลายโจรเป็นยารสเย็น  หมายถึง  เมื่อรับประทานฟ้าทะลายโจรแล้วทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดลง  จึงนำมาใช้เป็นยาลดไข้  ซึ่งเมื่อรับประทานยาเย็นติดต่อกันนาน ๆ (แต่นานเท่าใด  ในทางการแพทย์ไม่สามารถระบุได้เนื่องจากขึ้นกับธาตุพื้นฐานของร่างกาย  ถ้าร่างกายมีความเย็นมากก็อาจเกิดได้เร็ว  แต่ถ้าร่างกายมีความร้อนสะสมมากก็อาจจะเกิดช้า)  ก็อาจจะทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ  แขนขาชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง  หรือความเข้มข้นของเลือดลดลง  อาการต่าง ๆ เหล่านี้สามารถกลับมาสู่ปกติได้เมื่อหยุดรับประทานยารสเย็น  ซึ่งจากรายงานการวิจัยต่าง ๆ ของฟ้าทะลายโจรก็ไม่พบผลข้างเคียงดังกล่าว  แต่อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคจึงขอแนะนำให้รับประทานฟ้า ทะลายโจรดังนี้ 

การรับประทานเพื่อการป้องกันหวัดให้รับประทานเพียงวันละ 1-2  แคปซูลเท่านั้น  และรับประทานได้ติดต่อกันไม่นานเกิน 3  เดือน 

การรับประทานเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอรับ ประทานครั้งละ 3-6 กรัมวันละ 4  ครั้ง  ส่วนการบรรเทาอาการหวัดให้รับประทานครั้งละ 1.5-3 กรัมวันละ 4  ครั้ง  โดยรับประทานติดต่อกันไม่เกิน 7 วัน 

  

....................
ขอบคุณข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลสมุนไพร 
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์