ก่อนนอน...ฟังลูกคุยดีกว่าเล่านิทานให้ฟัง?

ช่วยพัฒนาด้านภาษาเร็วขึ้นกว่า 6 เท่า



 
       นักวิจัยเผย หากอยากให้ทักษะทางด้านภาษาของลูกเก่งขึ้น อย่ามัวแต่เล่านิทานให้เขาฟัง พ่อแม่ควรพูดคุยและให้โอกาสเขาเป็นผู้พูดมากกว่าผู้ฟังด้วย
      
       ก่อนที่จะมีการวิจัยครั้งนี้ออกมา พ่อแม่หลายครอบครัวมักเข้าใจกันว่า การที่พวกเขาซื้อหนังสือนิทานมาอ่านให้ลูกฟังก่อนนอน หรือเล่าเรื่องอะไรก็ตามนั้น จะเป็นวิธีหนึ่งที่ลูกได้ซึมซับในเรื่องของภาษาไปในตัว ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ค่านิยมอ่านหรือเล่านิทานให้ลูกฟังนั้นกลับไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดแต่อย่างใด
 
       อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยไม่ได้ชี้ชัดว่า การเล่านิทานให้ลูกฟังไม่มีประโยชน์ แต่ทีมงานกลับแนะว่า หากพ่อแม่ต้องการให้ลูกฝึกทักษะด้านภาษามากกว่าที่เป็นอยู่ สิ่งที่ควรทำนอกเหนือไปจากการอ่านเพื่อลูก ควรเปลี่ยนเป็นการพูดคุยและแบ่งปันเรื่องราวระหว่างพ่อ แม่ และลูก โดยที่ผู้ใหญึควรเป็นผู้ฟังเด็กๆเสียมากกว่า
      
       ดร. Frederick Zimmerman นักวิจัยจาก UCLA School of Public Health ใน California และทีมงานแนะว่า การที่เด็กได้ฟังนิทานก่อนเข้านอน แม้ว่าพวกเขาจะได้ทั้งภาษาและจินตนาการ แต่ทักษะการพูดและการใช้ภาษาของเขาจะได้ประโยชน์น้อยกว่าการที่เขาได้เป็นผู้พูดเอง ซึ่งการที่พ่อแม่เปิดโอกาสให้ลูกเล่าเรื่องราวต่างๆ หรือให้เขาพูดในสิ่งที่เขาต้องการจะพูด แม้จะไม่เป็นภาษาก็ตาม ก็ควรให้เขาได้ฝึกทักษะการใช้ภาษาด้วยตัวของเขาเอง โดยวิธีนี้จะส่งผลให้พัฒนาการของเขาเร็วขึ้นถึง 6 เท่า เมื่อเทียบกับการฟังนิทานจากพ่อแม่เพียงอย่างเดียว
      
       “การเล่านิทานหรือเรื่องราวที่ต้องอาศัยเสียงเพื่อสะท้อนถึงอารมณ์ของตัวละครนั้น ไม่ได้ส่งผลให้เด็กเข้าใจในหลักการของภาษาหรือทำให้เขาพูดเก่งและรู้เรื่องมากขึ้น ในทางกลับกัน การที่เด็กได้พูดเอง เสียงอ้อแอ้ของเขา หรือรูปประโยคที่ผิดๆ ถูกๆ ของเขา กลับเป็นแบบฝึกหัดให้พัฒนาการของเขาดียิ่งขึ้นกว่าเดิม”
      
       ทั้งนี้ การวิจัยในครั้งนี้ได้สำรวจครอบครัวที่มีเด็กอายุ 4 ขวบขึ้นไป 275 ครอบครัว พบว่า เด็กๆ ที่ได้รับการส่งเสริมจากการพูดคุยระหว่างพ่อแม่และลูก จะมีการพัฒนาทางด้านภาษาเร็วกว่าเด็กทั่วไปที่ฟังนิทานอย่างเห็นได้ชัด
 


ขอบคุณที่มา : thaihealth.or.th


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์