รักยิ่งใหญ่จากหัวใจดวงน้อยของ หนีตงเยี่ยน

รักยิ่งใหญ่จากหัวใจดวงน้อยของ หนีตงเยี่ยน



ณ หมู่บ้านฟางเจีย อำเภอเอ๋อฉือ หมู่บ้านที่ยากจนที่สุดของเมืองเฉียนเจียง นครฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน หนีตงเยี่ยน เด็กหญิงวัย 8 ขวบ รูปร่างแคระแกนกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน ประคองแม่ให้ลุกขึ้น ขณะที่ตนเองก็ไอไม่หยุด

ในวันที่หิมะเริ่มละลายเช่นนี้ เสื้อไหมพรมบางๆ เพียงตัวเดียวกับเสื้อกั๊กผ้าสำลีตัวโคร่งที่ใส่อยู่ แม้กระทั่งรองเท้าบู๊ท ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งของที่ได้จากการบริจาค คงไม่ช่วยป้องกันความหนาวเย็นได้สักเท่าใด

รักยิ่งใหญ่จากหัวใจดวงน้อยของ หนีตงเยี่ยน



เพิงไม้ผุพังคือบ้านของสองแม่ลูกชาวเผ่าถู่เจียคู่นี้ ภายในอืมครืม ใต้หลังคาแขวนเนื้ออบอยู่ 2-3 ชิ้น หนีตงเยี่ยน บอกว่ามันเป็นของขวัญเพียงอย่างเดียวที่พ่อทิ้งไว้ให้ครอบครัวก่อนจะจากไป

“แม่ นอนบนเตียงสิค่ะ อย่าลงไปคลานที่พื้น” หนีตงเยี่ยนพูด

เฉินอ้ายเอ๋อ แม่ของหนูน้อย มีความพิการทางสมองนอกจากนี้ร่างกายท่อนล่างยังเป็นอัมพาต เมื่อเวลาที่จะเคลื่อนตัวไปข้างหน้า จึงต้องใช้ไถลำตัวไปกับพื้น หากจะยืนขึ้นก็ต้องจับขอบกำแพงและออกแรงเต็มที่เพื่อพยุงตัวขึ้น

“แม่เป็นแบบนี้แหละ วันเดียวเสื้อผ้าก็สกปรกหมดแล้ว เสื้อผ้าของ 2 วันแล้วที่แล้วก็ยังไม่ได้ซัก จะเอาเวลาที่ไหนมาซัก ไหนจะต้องทำกับข้าว ไหนจะต้องทำการบ้าน” หนูน้อยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเหมือนกับโกรธตัวเองที่ดูแลแม่ได้ไม่ดี

เฉินอ้ายเอ๋อ มองดูลูกสาวร้องไห้แล้วยิ้ม ก่อนจะพูดว่า “หิว” เมื่อนักข่าวถามว่า อายุเท่าไรแล้ว เฉินอ้ายเอ๋อ ก็ไม่ตอบเอาแต่ส่ายหน้าขณะที่ ตาก็จ้องเขม็งไปที่ถุงแป้งมัน ซึ่งห้อยอยู่ที่ข้างเตา


หนูน้อยเอ่ยว่า “หนูจะทำให้แม่ทานก่อน”

กระทั่งทุกวันนี้หนูน้อย ยังไม่รู้ว่าหนีเยี่ยว์จง พ่อของเธอจากโลกนี้ไปด้วยโรคอะไร รู้แต่เพียงว่าพ่อเป็นเสาหลักของครอบครัว พ่อทำทุกอย่างตั้งแต่ทำนาจนถึงงานบ้าน

“แม่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่พ่อรักหนูมาก ชอบจับหนูนั่งที่ตักและเล่านิทานเสือกับกระต่ายน้อยให้ฟังเสมอ”

เนื่องจากความยากจนข้นแค้น ทำให้หนีเยี่ยว์ตง พ่อของหนีตงเยี่ยนไม่มีโอกาสแต่งงาน จนกระทั่งอายุ 58 ปี จึงได้ไปสู่ขอเฉินอ้ายเอ๋อ หญิงสาวผู้พิการที่อาศัยอยู่ในอำเภอใกล้เคียงมาเป็นภรรยาและในปีต่อมาเฉินอ้ายเอ๋อ ก็ได้ให้กำเนิดลูกสาวคนเดียว คือหนีตงเยี่ยน

แม้ว่า หนีตงเยี่ยนจะขาดความรักจากแม่ แต่หนูน้อยก็ได้ความรักจากพ่อมาเต็มเติม อย่างไรก็ตามโชคชะตาดูเหมือนมักจะไม่ค่อยปราณีปราศรัยชีวิตน้อยๆนี้นัก

ในวันที่ 7 ธันวาคม ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นวันที่หนูน้อยอายุครบรอบ 8 ปี หนีเยี่ยว์จงก็เกิดป่วยอย่างกะทันหัน ไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้

“ดูแลแม่ดีๆ” เป็นคำพูดสุดท้ายของหนีเยี่ยว์จง ก่อนสิ้นลมหายใจทั้งที่ตาไม่หลับ ขณะที่บรรดาเพื่อนบ้านต่างเชื่อว่าพ่อของหนูน้อยเสียชีวิตเนื่องจากเป็นโรคเลือดคั่งในสมอง

ต่อมาหน่วยงานรัฐของหมู่บ้านได้ยกที่ดินของครอบครัวให้แก่เพื่อนบ้านของเด็กน้อย โดยจะนำผลผลิตที่ไถหว่านได้จากที่ดินของครอบครัวมาแบ่งปันให้สองแม่ลูกอย่างเพียงพอ


อ่านหนังสือให้แม่ฟัง

“ดูแลแม่ให้ดีๆ” คำพูดสุดท้ายของพ่อยังคงฝังแน่นในจิตใจของหนูน้อย หนีตงเยี่ยนรู้ดีว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ครอบครัวมีเธอเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียว และการดูแลแม่ยังสำคัญกว่าการเรียนหนังสือ

ทุกเช้า ขณะที่ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่าง หนูน้อยก็จะลุกจากที่นอน เตรียมอาหารที่จะทานในวันนั้น หลังจากนั้นจึงเรียกแม่ตื่น แล้วยกอาหารมาให้แม่ทานที่เตียง เมื่อแม่ทานเสร็จเรียบร้อย จึงค่อยไปโรงเรียน จนถึงช่วงพักกลางวัน ก็จะรีบกลับมายังบ้านที่ห่างจากโรงเรียนราว 1 กิโลเมตร เพื่อป้อนข้าวแม่

หลังโรงเรียนเลิก หนูน้อยจะรีบกลับบ้านทันที เพราะว่ารู้สึกไม่วางใจที่จะปล่อยให้แม่อยู่บ้านคนเดียว

รักยิ่งใหญ่จากหัวใจดวงน้อยของ หนีตงเยี่ยน



เมื่อกลับถึงบ้าน สิ่งแรกที่หนีตงเยี่ยนทำคืนก่อฟืนหุงข้าว ขณะเดียวกันก็อาศัยแสงไฟจากกองฟืน อ่านหนังสือและทำการบ้าน

เมื่อทานข้าวเสร็จ ทุกเย็นหนูน้อยก็จะอ่านหนังสือให้แม่ฟัง ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าแม่ไม่มีวันเข้าใจในสิ่งที่เธออ่าน นอกจากนี้ หนูน้อยจะเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้แม่ และนำเสื้อผ้าชุดเก่าไปซักทุกสัปดาห์

มีอยู่ครั้งหนึ่ง เนื่องจากใช้เวลาซักผ้านานไปหน่อย หนูน้อยกลับมาพบว่าแม่นอนเกลือกอยู่กับพื้น หนำซ้ำกำลังหยิบข้าวสารใส่ปากกิน และไม่ว่าเธอห้ามอย่างไร แม่ก็ไม่ฟัง หนำซ้ำยังผลักเธออย่างแรงจนล้มลง

หนีตงเยี่ยน ไม่รู้จะจัดการอย่างไร ได้แต่วิ่งออกไปนอกบ้าน และทรุดตัวลงที่หน้าหลุมฝังศพพ่อที่อยู่หลังบ้าน ก่อนจะร้องไห้ไปพูดไปว่า “หนูรู้ไม่รู้จะยังไงดีจ๊ะพ่อ พ่อช่วยบอกทีว่าหนูควรทำยังไง”

เธอร้องไห้จนผลอยหลับไปที่หน้าหลุมศพของพ่อ เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้าและกลับไปยังบ้าน เธอกลับพบว่าแม่ไถตัวมาอยู่แถวธรณีประตูบ้าน รอยยิ้มที่ไม่ประสีประสาระบายลงที่ใบหน้าที่มอมแมมของแม่ เมื่อเห็นหน้าลูกสาว


จะไม่ไปไหน จะอยู่ดูแลแม่

เหอเสี่ยวตง คุณครูประจำชั้นของหนีตงเยี่ยน ในโรงเรียนเซิ่งลี่ เล่าให้ฟังว่า “โรงเรียนได้ยกเว้นค่าเล่าเรียนของหนีตงเยี่ยนทั้งหมด เธอเรียนหนังสือใช้ได้ แต่เป็นเด็กที่มีนิสัยไม่ค่อยแสดงออก ไม่ชอบพูด หยิ่งในศักดิ์ศรี ฉันเคยบอกว่ามีปัญหาอะไรให้มาหาครู แต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เธอไม่เคยเป็นฝ่ายมาหาฉันก่อนเลยสักครั้งเดียว”

เมื่อไม่นานมานี้ เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายหนึ่งแสดงความตั้งใจที่จะรับเลี้ยงดูหนูน้อย แต่หนีตงเยี่ยนได้ปฏิเสธอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “หนูไม่ไป พวกเราเสียพ่อไปคนนึงแล้ว หนูจะไปยอมเสียแม่ไปอีกคน ถึงแม้ว่าแม่จะไม่รู้เรื่องอะไร แต่แม่ก็เป็นแม่ของหนู อีกอย่างพ่อก็บอกให้หนูดูแลแม่ให้ดี”

นายอำเภอเติ้งแห่งอำเภอเอ๋อฉือ กล่าวว่า “เดิมที พวกเราคิดว่าจะส่งหนีตงเยี่ยนไปอยู่สถานสงเคราะห์ หลังจากนั้นจะยกให้กับคนในหมู่บ้านที่มีความพร้อมไปอุปการะ แต่ไม่ว่าพวกเราจะพูดหว่านล้อมอย่างไร ตงเยี่ยนก็ไม่ยอมห่างจากแม่ของเธอ เธอบอกว่าเวลานี้ มีเธอคนเดียวที่เข้าใจที่แม่พูด เธอไม่วางใจให้คนอื่นดูแล” นายอำเภอเติ้ง กล่าว




เรียบเรียงจากซิน่าเน็ต

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์