คุณค่าของความผิดหวัง

คุณค่าของความผิดหวัง


คงไม่มีชาวลอนดอนคนไหนไม่รู้จัก A-Z Maps หนังสือแผนที่ที่แม้แต่นักท่องเที่ยวที่คิดจะอยู่มหานครแห่งนี้เพียงชั่วเวลาสั้นๆ ก็ยังต้องมีไว้คู่กาย

แต่ถึงแม้คุณไม่เคยไปลอนดอน คุณก็ต้องรู้จักหรือได้ยินชื่อ ฮอลิเดย์อินน์ กับแอร์เอเชียแน่นอน อาจจะเคยใช้บริการของทั้งสองแล้วด้วยซ้ำ

ทราบหรือไม่ว่า A-Z Maps ฮอลิเดย์อินน์ และแอร์เอเชีย มีอะไรอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน นอกเหนือจากการเป็นสินค้าหรือบริการที่นักเดินทางที่ติดต่อหรืออาศัยอยู่ในซีกโลกตะวันตกรู้จักดี


คำตอบก็คือ ทั้งสามมีจุดเริ่มต้นมาจาก‘ปัญหา’ หรือ‘ความผิดหวัง’

วันหนึ่งในปี 1935 ฟิลลิส เพียร์ซอลได้รับเชิญไปร่วมงานปาร์ตี้แห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน เธอรู้ดีว่ามหานครแห่งนี้มีตรอกซอกซอยซับซ้อนมาก เมื่อถึงวันงานเธอจึงเอาแผนที่ติดตัวไปด้วย แต่มันก็ไม่ช่วยให้เธอไปถึงบ้านเจ้าภาพได้ทันเวลาเลย เธอหลงทางอยู่พักใหญ่เนื่องจากแผนที่นั้นหยาบและล้าสมัยแล้ว นั่นคือจุดเริ่มต้นให้เธอคิดทำหนังสือแผนที่กรุงลอนดอนที่ครอบคลุมทุกถนนและตรอกซอกซอยอย่างละเอียด นับแต่วันนั้นชีวิตของเธอก็เปลี่ยนแปลงไป จากนักวาดรูปเหมือนกลายเป็นนักทำแผนที่และนักออกแบบตัวอักษรที่โด่งดังทั่วอังกฤษ กลางปี 1952 เคมมอนส์ วิลสัน ขับรถพาครอบครัวไปกรุงวอชิงตัน ระหว่างทางต้องนอนค้างแรมตามโรงแรมริมทาง เขารู้สึกผิดหวังมากกับโรงแรมทุกแห่งที่เข้าพักเพราะนอกจากจะไม่สะอาดแล้ว บริการก็ย่ำแย่ เอาแน่เอานอนไม่ได้ เขาจึงเกิดความคิดที่จะสร้างโรงแรมที่สะอาดบริการได้มาตรฐาน เป็นมิตรกับครอบครัว ราคาไม่แพงและเข้าถึงง่าย จากอาชีพนักสร้างบ้านเขากลายเป็นผู้บริหารโรงแรม ในชั่วเวลาไม่กี่ปีโรงแรมได้ขยายสาขาไปอย่างรวดเร็วจนเป็นที่รู้จักทั่วโลก


โทนี เฟอร์นันเดซ ไปเรียนอังกฤษตั้งแต่อายุ 12 ความสุขของเขาในวัยเยาว์คือการได้กลับไปเยี่ยมบ้านที่กัวลาลัมเปอร์วันหนึ่งหนุ่มโทนีขออนุญาตพ่อกลับไปเที่ยวบ้านกลางภาคเรียน แต่พ่อไม่อนุญาตเหตุผลก็เพราะค่าเครื่องบินแพงมาก ด้วยความรู้สึกผิดหวัง เขาจึงชดเชยด้วยการไปเดินแกร่วแถวสนามบินฮีทโธรว์ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห ์ เพื่อดูเครื่องบินขึ้นลง นั่นคือจุดเริ่มต้นของความฝันที่จะเป็นเจ้าของสายการบินต้นทุนต่ำ ในที่สุดฝันของเขาเป็นจริงเมื่ออายุ 37 ปี ก่อนเหตุการณ์ 11 กันยาฯแค่ 3 วันเท่านั้น

 เมื่อพบกับปัญหาหรือความไม่สมหวังเรามักเกิดความหงุดหงิด ขุ่นเคือง หรือโมโหโกรธา หลายคนอาจซ้ำเติมด้วยการโทษชะตากรรมหรือ‘ความซวย’ของตน แต่นั่นก็มีแต่จะทำให้เราทุกข์มากขึ้น และไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย แต่ถ้าหากเราหยุดคร่ำครวญ แล้วหันมาใคร่ครวญสิ่งที่เกิดขึ้นเราอาจจะได้คิดและเกิดปัญญาขึ้นมา

ทั้งสามกรณีข้างต้นเป็นตัวอย่างของคนที่ไม่มัวหัวเสียกับเรื่องที่ไม่สมหวัง แต่กลับมาตั้งคำถามว่า ปัญหาคืออะไร มีสาเหตุอยู่ที่ตรงไหน และจะแก้ไขได้หรือไม่ ด้วยท่าทีเช่นนี้ ‘ปัญหา’จึงกลายเป็นตัวกระตุ้น‘ปัญญา’ ทำให้เกิดความคิดที่จะทำสิ่งใหม่ๆขึ้นมา แต่ทั้งสามคนไม่ได้หยุดเท่านี้ พวกเขาไม่เพียงแต่คิดหรือฝันเท่านั้น แต่ยังลงมือทำด้วย จะว่าไปแล้วความผิดหวังทำให้พวกเขามีแรงผลักหรือความมุ่งมั่นที่จะทำความฝันให้เป็นความจริงขึ้นมา หากไม่เคยผิดหวังหรือเจ็บปวดด้วยตนเอง พวกเขาก็อาจแค่คิด แต่ไม่กระตือรือร้นที่จะลงมือทำ

หลังจากหลงทางวันนั้น วันรุ่งขึ้นฟิลลิสเริ่มทำการสำรวจกรุงลอนดอน กว่าเธอจะทำแผนที่มหานครแห่งนี้เสร็จ เธอเดินเป็นระยะทางถึง 4,800 กิโลเมตร (เกือบ 7 เท่าของระยะทางจากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่) ตระเวนตามถนนและตรอกซอกซอยไม่น้อยกว่า 23,000 สาย โดยตื่นตั้งแต่ตี 5 และกลับบ้าน 18 ชั่วโมงหลังจากนั้น

ทุกวันนี้แม้จะเป็นเจ้าของสายการบินแล้วโทนียังทำงานขนกระเป๋าผู้โดยสารเดือนละวัน อีกหนึ่งวันในทุกสองเดือนเขาจะไปเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และทำหน้าที่พนักงานเช็กอินอีกหนึ่งวันในทุกสามเดือน เขาจึงรู้ดีว่าลูกค้าต้องการอะไร

นักวิทยาศาสตร์ผู้หนึ่งเคยกล่าวว่า“คนเราเมื่อล้มแล้วต้องหยิบอะไรขึ้นมาสักอย่าง” เมื่อคุณประสบปัญหาหรือความผิดหวังลองมองดูสิว่ามันมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
 เมื่อเห็นแล้ว อย่าอยู่เฉย ควรลงมือทำให้เกิดผลด้วย


 


จาก image

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์