ถ้ายังมี..วจีทุจริต...ย่อมไม่ใช่ พระโสดาบัน

ถ้ายังมี..วจีทุจริต...ย่อมไม่ใช่ พระโสดาบัน


พระพุทธเจ้าตรัสว่า
พระโสดาบัน เป็นผู้เข้าถึงกระแสพระนิพพาน


ตัดสังโยชน์ออกได้ 3 อย่าง ได้แก่


สักกายทิฏฐิ (ละความเห็นผิดได้ว่า กายนี้ไม่ใช่ของเรา)

วิจิกิจฉา (หมดความลังเลสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย)


สีลัพพตปรามาส (รักษาศีลบริสุทธิ์ , ไม่ถือปฏิบัติผิดๆ)


อยากรู้ว่า "ศีลบริสุทธิ์"...หรือไม่
พิจารณาง่ายๆ คือ หากยังประพฤติ ทุจริต 3 อยู่

ก็ย่อมได้ชื่อว่า "คนหรือพระทุศีล"


ทุจริต 3 = อกุศลกรรมบถ 10

ประกอบด้วย

1. กายทุจริต
-ปาณาติบาต ทำให้สัตว์ให้ตกล่าง คือ ฆ่าสัตว์
-อทินนาทาน ถือ เอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ ด้วย อาการแห่งขโมย
-กาเมสุ มิจฉาจาร ประพฤติผิดในกาม


2. วจีทุจริต
-มุสาวาท พูดเท็จ โกหก หลอกลวง
-ปิสุณาวาจา พูดส่อเสียด ยุให้แตกสามัคคี
-ผรุสวาจา ด่าว่าผู้อื่น พูดคำหยาบ
-สัมผัปปลาปะ พูดเพ้อเจ้อ พูดเรื่องไร้สาระ


3. มโนทุจริต 3
-อภิชญา โลภเพ็งเล็งอยากได้ของเขา
-พยาบาท ปองร้ายเขา
-มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดจากคลองธรรม


ผู้ประพฤติผิดทุจริต 3 นอกจากไม่ได้ชื่อว่า "พระโสดาบัน" แล้ว
ควรได้ยังชื่อว่า
"โมฆะบุรุษ"
เพราะเป็นผู้กระทำตน "ไม่มีประโยชน์" ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น


เมื่อ "โมฆบุรุษ" เป็นผู้ประพฤติทุจริต
ย่อมไม่ได้ชื่อว่า "ผู้ฝึกตน"
(ให้พ้นจากทุจริต 3)

โมฆบุรุษ....จึงยังไม่สามารถเป็นที่พึงแก่ตน และผู้อื่นได้

ดังนั้น ควรหรือที่ "ผู้ฝึกตน" ทั้งหลาย
จะน้อมนำ วจีกรรมของโมฆบุรุษนั้น มาสู่ตน



สำหรับผม มีความศรัทธาใน..........

.........หลวงพ่อปราโมทย์ฯ ว่า

เป็นผู้ไม่มีการประพฤติทุจริต 3 นี้โดดเด็ดขาดแล้ว


ส่วนผู้ที่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น

แล้วประพฤติทุจริตอย่างใดอย่างหนึ่ง

ก็ ..........."กรรมใคร กรรมมัน".....ครับ




ขอบคุณบทความจาก ธรรมจักร

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์