รักที่ได้แค่เพื่อน

รักที่ได้แค่เพื่อน

รักที่ได้แค่เพื่อน

รักที่ได้แค่เพื่อน


ซาคุ


 


 


คืนนี้ช่างเป็นค่ำคืนที่แสนเหน็บหนาวที่สุดที่ผมได้สัมผัส ที่ต้องถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียวในเวลาที่สำคัญอย่างนี้ ทุกๆ สิ่งจากรอบกายมันช่างดูเงียบงัน จนผมเกิดความรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ ในใจอย่างบอกไม่ถูก นาฬิกาที่ตั้งโชว์อยู่ที่บนหัวเตียงบ่งบอกเวลาว่า ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว และเมื่อเข็มยาวเลยไปเลขสิบสอง ผมก็จะแก่ขึ้นอีกหนึ่งปีเมื่อมันได้เข้าสู่วันที่ 6 มกราคม 2552


ผมต้องอยู่เพียงลำพังให้ห้องเช่าเล็กๆ ที่มีรูปร่างคล้ายกับสี่เหลี่ยมผืนผ้า และผมก็ไม่อายที่จะผมเรียกมันอย่างเต็มปากเต็มคำว่า บ้าน เวลานี้ไม่มีใครอยู่กับผมเลยแม้แต่คนเดียว มันช่างแตกต่างกับทุกๆ ปีที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง ไม่มีเสียงหัวเราะของเพื่อนหนึ่งหนุ่มและอีกหนึ่งสาวที่ทั้งคู่มักจะมาร่วมฉลองและอยู่เป็นเพื่อนผมจนกระทั่งถึงเช้า


แสงเทียนเพียงแค่เล่มเดียวที่กำลังส่องสว่างอยู่บนเค้กก้อนเล็กๆ ที่แป้งนำมาให้ผมในวันนี้สำหรับฉลองวันเกิดผมกับนัด ก็ต้องมีอันดับลงไป เมื่อผมตั้งใจเป่าลมออกจากปากไปที่มัน ไม่แปลกเลยที่ว่าตอนนี้ห้องทั้งห้องจะตกอยู่ในความมืดสนิทหลังจากที่เทียนนั้นได้ดับไปแล้ว แต่ว่าจิตใจของผมกลับไม่ได้ดับตามเทียนเล่มนั้นลงไป จิตใจของผมยังคงว้าวุ่นอยู่ เพราะเรื่องราวที่ผมยังคงเฝ้าแต่นึกถึงความรู้สึกที่ผิดหวัง จากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านมาเพียงไม่กี่วันนี้เอง


 


เรื่องราวของผม มันเริ่มต้นมาตั้งแต่ค่ำคืนวันที่ 31 มกราคม 2551


วันนี้เป็นวันที่เราทั้งสามคนได้อยู่รวมกันเมื่อเช่นทุกปีอีกครั้ง นัด แป้ง และตัวผม วี สองหนุ่มกับหนึ่งสาวที่มักจะไปไหนด้วยกันตลอดเวลา เพราะเราทั้งสามคนเป็นเพื่อนเรียนกันตั้งแต่เรียนอยู่มหาลัยจนกระทั่งตอนนี้พวกเราทั้งสามคนต่างก็มีงานทำเป็นของตัวเอง จนในบางครั้งการที่เราทั้งสามได้อยู่ใกล้กันก็ทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ ต่อกัน โดยเฉพาะผมที่แอบมีใจให้กับแป้ง


มันเป็นช่วงเวลาที่แสนสุขสำหรับพวกเรา ที่ตอนนี้กำลังทำสิ่งที่ตื่นเต้นเมื่อกำลังเข้าสู่ปี 2552 เราทั้งสามเตรียมตัวเฉลิมฉลองให้กับปีใหม่ที่จะมาถึงในอีกเสี้ยววิ การนับถอยหลังของพวกเรานั้นเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้คนอื่นที่ได้มาด้วยในบริเวณนี้ ใช่แล้ว ตอนนี้ผมอยู่ที่ Central World กับพวกเขาทั้งสองคน


เสียงนับถอยหลังสิ้นสุดลงพร้อมกับเสียงเฮร้องด้วยความดีใจ แสงสว่างจากพลุมากมายต่างถูกจุดขึ้นเมื่อถึงพุทธศักราชใหม่ รวมไปถึงเราสามคนที่ตะโกนร้องกับปีใหม่ที่ได้เข้ามาแล้ว


และสิ่งที่ผมต้องทำมักจะหลังจากเข้าสู่เช้าวันที่ 1 มกราคม ของทุกปีก็คือการที่ผมมักจะให้ของขวัญกับพวกเขาทั้งสองคนเป็นประจำ สำหรับนัดเป็นเพื่อนหนุ่มที่เกิดวัน เดือน ปีเดียวกับผม ซึ่งน้อยคนมากที่จะมีเพื่อนเกิดวันเดียวกัน ผมเลือกที่จะให้นาฬิกาเรือนสวยให้กับเขา ถึงแม้มันจะไม่แพงมากก็ตามที แต่นัดก็ดูจะชอบนาฬิกาเรือนนั้นด้วยเช่นกัน และสำหรับแป้ง หญิงสาวคนเดียวในกลุ่ม คนที่ผมเห็นแวบแรกในห้องเรียนแล้วรู้สึกถูกชะตาอย่างมาก แป้งมีความน่ารัก สดใส และเป็นกันเองมาก และนั้นก็คือสิ่งที่ผมมักรู้สึกอ่อนไหวเวลาอยู่กับเธอ ผมยื่นกล่องกำมะยี่สีแดงให้กับเธออย่างไม่ลังเล


“อะไรเหรอวี”


แป้งมองผมอย่างสงสัย แต่ไม่ใช่แป้งคนเดียว ยังมีนัดที่มองกล่องนั้นด้วยแววหน้าที่แปลกๆ


“ลองเปิดดูสิ”


แป้งไม่พูดอะไร ได้แต่หันไปมองนัดที่ยืนข้างๆ ผมเฝ้ามองสองคนนี้ด้วยความรู้สึกเจ็บๆ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือป่าวว่าสองคนนี้มีอะไรแปลกๆ แต่ผมก็ต้องเลิกคิดเพราะตลอดระยะเวลาที่รู้จักกัน นัดไม่เคยแสดงท่าทางว่าชอบแป้งเลยนอกจากผมคนเดียว


ช่วงระยะเวลาที่ผมได้รู้จักกับแป้งผมมักจะคอยดูแลและเทคแคร์อยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงผมยังเคยบอกถึงความรู้สึกที่อยู่ภายในใจให้แป้งได้รู้ แต่ก็ได้รับคำปฏิเสธกลับมา แต่ถึงยังไงก็แล้วแต่ผมยังไม่เลิกที่จะหยุดชอบเธอได้


แป้งเปิดกล่องกำมะยี่อย่างช้าๆ เพื่อให้ได้เห็นของสิ่งนั้น สิ่งที่ฉายความสวยอยู่ภายในกล่องคือสร้อยเส้นสวยพร้อมจี้รูปปลาโลมา ซึ่งมันเป็นสิ่งที่แป้งชอบ


ผมยังจำมันได้ดี เพราะวันที่แป้งเสียใจด้วยปัญหาบางอย่าง ผมได้พาเธอไปดูปลาโลมา และแป้งก็ชอบมันมาก แถมยังบอกว่า เธออยากเป็นปลาโลมาเพราะได้กระโดดเล่นน้ำอย่างสบายใจ ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องมาคิดมากเหมือนเธอ


“เป็นไงชอบไหม”


ผมถามไป เพื่อต้องการคำตอบจากเธอ


แต่ไม่รู้ว่าผมคิดเองไปหรือป่าวว่าแป้งไม่ได้ดีใจกับของขวัญผมเลยแม้แต่น้อย แต่สีหน้าของแป้งตอนนี้กำลังบอกว่าเธอรู้สึกลำบากใจกับสิ่งของในกล่อง แป้งหันไปมองนัดเพื่อสื่อสารอะไรบ้างอย่างก่อนที่นัดจะพยักหน้าเป็นเชิงตกลง ผมต้องทนดูการกระทำของทั้งสองคนนี้อย่างสงสัยว่าพวกเขาเป็นอะไรกันแน่ แต่แล้วผมก็ได้คำตอบนั้นมา


“ขอบคุณนะวี สำหรับของขวัญปีใหม่”


“เราเต็มใจให้นะ”


“อืม”


“ไงก็ขอบใจมากนะเพื่อน”


นัดที่ได้แต่ยืนเงียบ ๆ เอ่ยขึ้น


“เราไปหาอะไรกินดีกว่านะ นี่ก็ Count Down เสร็จแล้ว”


“ไปสิ”


แป้งรีบเสริมทันที และไม่ต้องรอคำตอบจากผม ทั้งสองคนก็เดินนำไปโดยที่ผมยังไม่ได้ปริปากพูดอะไรเลย ความรู้สึกของผมมันเหมือนกับว่าผมได้กลายเป็นธาตุอากาศไปแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อกี๋ผมยังมีตัวตนอยู่


ไม่นานเราก็มาถึงร้านอาหารริมคลองขนาดใหญ่ ช่วงนี้ภายในร้านยังคงมีคนอยู่เต็มร้านเพราะว่ายังมีคนเลี้ยงส่งปีเก่ากันไม่เลิก ด้วยระยะเวลาที่ไม่นานอาหารที่ถูกสั่งก็นำมาเสิร์ฟทันทีหลังจากที่สั่งไปเพียงสิบห้านาที บทสนทนาบนโต๊ะดูเหมือนจะหายไปหมด จากที่ปกติเรามักจะคุยกันตลอด แต่ผมเองก็คงจะไม่ให้มันเป็นเช่นนั้นได้ตลอด เพราะหลังจากที่ผมให้ของขวัญไป มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมเริ่มสับสนกับสองคนตรงหน้านี้


“พวกนายสองคนมีอะไรปิดบังหรือป่าว”


แป้งและนัดมองหน้ากันเหมือนกับว่าตนเองโดนจับได้ว่าทำอะไรผิดไว้ แต่แล้วสิ่งที่ผมคิดก็เป็นจริง เพราะสีหน้าของทั้งสองคนตอนนี้มันฉายเด่นชัด ชัดเสียจนทำให้ผมเริ่มเอะใจ


“รีบกินก่อนเถอะวี เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน” นัดเอ่ยขึ้นมา


“ใช่วี อย่าเพิ่งคิดมากนะ” แป้งรีบพูดเสริมทันที


สีหน้าของแป้งตอนนี้มันฉายเด่นชัดมาก ว่าเธอกำลังปกปิดอะไรผมเอาไว้ แต่ผมก็ต้องยอมทำตามที่เธอบอก เผื่อที่ผมจะได้รู้ว่าสองคนนี้กำลังทำอะไรกันแน่


 


แป้งเลือกที่จะมาศาลาริมน้ำ เพราะคิดว่ามันเงียบและไร้ซึ่งผู้คน สายลมเล็กๆ พัดผ่านมาเป็นระลอกในบริเวณที่พวกเรายืนอยู่ ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากปากของเพื่อนทั้งสองของผม แม้ความหนาวเหน็บที่พัดผ่านมาจะกระทบเข้ากับผิวกายจนสั่นสะท้าน แต่นั่นก็ไม่หนาวเหน็บเท่ากับหัวใจของผมหลังจากที่แป้งพูดประโยคแรกออกมา


“วี เราขอโทษนะที่ปกปิดเรื่องนี้มาโดยตลอด”


“เรื่องอะไรเหรอ”


ผมทำเป็นไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสายลมที่พัดมา หรือนัด ที่ยืนอยู่ห่างๆ แต่สิ่งที่ผมสนใจอยู่ตอนนี้คือหญิงสาวเบื้องหน้า หญิงสาวที่ผมมีใจให้กับเธอไปเกินกว่าครึ่งแล้ว


“คือว่าแป้งกับนัด...”


แป้งหยุดแต่เพียงเท่านั้นก่อนที่ชายอีกคนจะเดินเข้ามา


“โทษทีนะวี เราไม่อยากปกปิดนายอีก เราสองคนคบกันมานานแล้วล่ะ แต่เราไม่อยากให้นายเสียใจ ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันใช่ไหม”


ความคิดทั้งหมดของผมมันดับวูบทันที ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ตกลงแล้วผมโดนหลอกมาโดยตลอด ทั้งความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีให้แป้ง รวมไปถึงความห่วงใยของผม และที่แป้งทำตอบกลับกับผมมามันเหมือนกับว่าทุกอย่างล้วนแต่เป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น แป้งไม่เคยจริงใจกับผมเลย เพราะคนที่เขาจริงใจนั้นคือคนที่อยู่ตรงหน้าผม


“นัด...”


ผมพูดได้แต่เพียงเท่านั้น ผมไม่อาจเอ่ยคำอื่นออกมาได้อีกเลยแม้แต่คำเดียว ทุกอย่างรอบด้านดูราวกับวิ่งวนไปหมด มือทั้งสองข้างสั่นอย่างแรงก่อนที่ผมจะกำมันให้แน่นด้วยความเจ็บปวดที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ว่าผมโดนทั้งสองคนหลอก


แรงหมัดจากกำปั้นของผมที่เต็มไปด้วยความแค้นถูกปล่อยออกไป และใบหน้าของนัดก็ต้องโดนเข้าอย่างเต็มแรงเพราะไม่ได้ตั้งตัว ร่างกายที่ไร้ซึ่งการป้องกันล้มลงกับพื้นอย่างแรง สีหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวดของนัดตอนนี้มันไม่อาจเท่ากับหัวใจของผมที่เจ็บได้เลย แป้งรีบถลาลงไปดูอาการก่อนจะเดินมาหาผมแล้วตบเข้ากับใบหน้าจนผมรู้สึกชา


“ทำไมวีทำแบบนี้ล่ะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ”


“เพื่อนงั้นเหรอ?


ผมมองภาพเบื้องหน้าอย่างเจ็บใจ ถึงจะไม่สะใจที่ได้ทำแบบนั้น แต่มันก็คงจะเหมาะสำหรับเพื่อนแบบนี้ ผมไม่สนใจเสียงร้องของแป้งที่ต่อว่าผมอยู่ตรงนั้น แต่ผมกลับรีบสาวเท้าหนีออกไปจากพื้นที่แห่งนั้น พื้นที่ที่ทำให้ผมได้รู้ความจริง ได้รู้ว่าตลอดเวลาผมโดนพวกเขาหลอก


 


ผมกลับมาถึงห้องพักก่อนจะนอนลงอย่างอ่อนแรง ความสับสนที่เคยอยู่ในใจตอนนี้มันได้หายไปหมดแล้ว เหลือไว้แต่เพียงความเสียใจ ที่โดนเพื่อนสองคนหลอกเอาไว้


โทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสิ่งที่แสดงอยู่บนหน้าจอก็คือสายเข้าจากแป้ง ผมไม่สามารถที่จะรับสายได้เลย เพราะตอนนี้ผมไม่อาจที่จะยอมรับความจริงที่เป็นอยู่ได้ ยังไงซะผมก็ขออยู่คนเดียวแบบนี้ไปก่อน ขอเวลาให้ผมได้ทำใจกับสิ่งนี้สักพัก


 


ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่สำหรับผมหลังจากเกิดเหตุวันนี้ เวลามันผ่านไปเร็วราวกับโกหก ตลอด 5 วันหลังจากปีใหม่ ผมอยู่เพียงแต่ในห้องที่นับวันยิ่งรกขึ้นเพราะความขี้เกียจของผม กระป๋องเบียร์หลากยี่ห้อถูกวางเกลื่อนกลาดไปหมด เพียงเพราะความรู้สึกว่าการที่ได้เมามันอาจจะลืมความเจ็บปวดเหล่านั้นได้ แต่มันกลับไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย เพราะความรู้สึกเหล่านั้นยิ่งรุนแรงมากขึ้น แต่สิ่งที่ผมไม่คิดก็ต้องเกิดขึ้นเมื่อผมได้ยินเสียงเคาะจากหน้าประตู


“ใครครับ” ผมร้องขานออกไป ทั้งที่ร่างกายยังเต็มไปด้วยกลิ่นเบียร์


“วี เปิดประตูหน่อย นี่แป้งเองนะ”


“มีอะไรเหรอ”


“เปิดประตูเถอะ แป้งขอคุยกับวีหน่อยนะ”


ผมเปิดประตูอ้าพอที่จะให้หญิงสาวตรงหน้าประตูได้เข้าห้องมา  แป้งเดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกับถุงกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กมาให้มือ เธอหาที่วางก่อนจะมองสำรวจตัวผมที่เต็มไปด้วยกลิ่นของเบียร์ เสื้อผ้าที่ยับยู่ยี้ รวมไปถึงห้องที่รกไปด้วยกองกระป๋องเบียร์ทั้งหลาย แล้วทำหน้าไม่พอใจกับสิ่งที่ได้เห็น


“วี เป็นอะไรมากไหม”


ผมไม่ตอบอะไร แต่เดินตรงเข้าไปข้างในเพื่อที่จะเคลียพื้นที่ให้มีที่ว่างที่พอจะให้แป้งได้มีที่นั่ง แต่เพียงผมขยับนิดหน่อยแป้งก็บอกให้ผมหยุด ก่อนจะทำความสะอาดห้องผมทุกอย่างพลางไล่ผมให้ไปอาบน้ำก่อนจะออกมาคุยกัน


ตอนนี้สภาพห้องของผมกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง เช่นเดียวกับตัวผมที่กลับมามีชีวิตชีวา แต่สิ่งที่ไม่กลับมาเหมือนเดิมคือหัวใจของผมที่ตอนนี้มันได้แตกสลายไปแล้ว


“แล้วนัดล่ะ”


“เขาติดงานนะ”


“งั้นเหรอ รู้สึกว่าจะรู้ไปหมดเลยนะว่าเขาทำอะไร”


เพียงแค่สิ้นคำพูดของผม แป้งก็นิ่งเงียบราวกับโดนมนต์สะกด หรือไม่รู้ว่าผมพูดแรงไปหรือป่าวเกี่ยวกับเขาทั้งสองคน


“แป้งขอโทษนะที่ไม่ได้บอกความจริง”


“ขอโทษงั้นหรอ แป้งรู้ไหมว่าเราเจ็บแค่ไหน”


ผมในตอนนี้ค่อยๆ คืนสภาพเดิมอีกครั้ง มือข้างขวาจับเข้าที่หน้าอกซ้ายของตัวเองอย่างทรมาน น้ำตามากมายทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง ความรู้สึกเสียใจทั้งหมดตอนนี้มันต่างค่อยๆ ไหลออกมาพร้อมกับน้ำตาอย่างทุกข์ทรมานใจ


“วีจะให้แป้งทำยังไงล่ะ”


แป้งเริ่มทำสีหน้าไม่ถูก เมื่อต้องทนเห็นผมร้องไห้ออกมา


“แป้งกลับไปเถอะ ไปหาเจ้านัดมัน ไปอยู่กับคนที่แป้งชอบเถอะ ทิ้งเราไว้แบบนี้แหละ เราไม่เป็นอะไรมากหรอก” ถึงปากจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ใจมันกลับโดนตอกย้ำกับความเสียใจเข้าไปอีก ทั้งที่พยายามหนีพวกเขามาได้แล้ว แต่เธอกลับมาหาผมเพื่อพูดคุย และทำให้ผมเจ็บใจ


“วี...”


“เราบอกให้ไปไง ไปสิ”


ผมไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นกับสิ่งที่ผมกำลังทำตอนนี้ แต่ผมรู้เพียงแต่ว่าผมกำลังไล่ผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่ผมเคยรักเธอมาก รักเสียจนต้องเจ็บเพราะเพื่อนทั้งสองรักกันแทน


ตอนนี้แป้งออกไปแล้ว เหลือเพียงแต่ผมเพียงลำพังเท่านั้น รอบด้านเงียบลงอีกครั้ง แต่ผมกลับยังส่งเสียงซิกๆ ร้องไห้กับความเสียใจทั้งหมดที่เป็นอยู่


“ทำไม...ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ทำไม...”


เสียงแห่งความเจ็บปวดหายไปหมดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา ผมกลับมานั่งทำใจบนเตียงอีกครั้งก่อนจะเห็นกล่องสีขาวขนาดเล็กบนโต๊ะไม่ไกลนัก ผมหยิบขึ้นดูก่อนจะพบกับขนมเค้กก้อนเล็กที่แป้งซื้อมาให้ บนกล่องยังมีกระดาษโน๊ตเล็กๆ เขียนติดเอาไว้ว่า


‘Happy Birthday นะวี ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะ


ผมมองกล่องนั้นด้วยน้ำตาอีกครั้ง เพราะแป้งยังคงไม่ลืมวันนี้ของผมได้ ซึ่งนั่นก็คือวันเกิดของผม แต่เธอกลับโดนผมไล่กลับไปแล้ว เหลือไว้แต่เพียงเค้กก้อนนี้เท่านั้น ผมหันกลับไปนาฬิกาบนหัวเตียงก่อนจะรู้ว่าตอนนี้เวลาบ่ายสามแล้ว เหลืออีกเพียงเก้าชั่วโมงเท่านั้นก็จะถึงวันเกิดของผม รวมไปถึง ชายอีกคนที่เกิดวันเดียวกับผม...นัด



ขอขอบคุณ  http://www.o2pluz.com/story.index.php?id=277


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์