ทำอย่างไรเมื่อ(ใจ)เป็นหนี้



        ยุคข้าวยากหมากแพง บ้านเมืองไม่สงบ ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความรู้สึกค่านิยมของคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเรื่อง "เงิน" เป็นหลัก ในสังคมทุนนิยมแบบนี้ ยามไม่มีเงินก็คงลำบาก เมื่อเงินมีใช้ไม่พอต้องหยิบยืมจนเป็น "หนี้" คืออุปสรรคในชีวิตของคนส่วนใหญ่

เวลาที่คนเราเป็นหนี้ เชื่อว่าจำนวนไม่น้อย ไม่ได้คิดว่าตนเองเป็นหนี้เฉพาะตัวหรือด้านเงินทอง แต่ "ใจ" ก็เป็นหนี้ไปด้วย

         "ใจเป็นหนี้" ในความหมายของตน การที่เอาอารมณ์ความรู้สึกเข้าไปผูกกับการอยู่ในสถานะการเป็นลูกหนี้ เป็นสิ่งทำให้เหมือนไม่มีอิสระในชีวิต ใครสักคนมีอำนาจในการจัดการเราได้ เพราะไปเอาของของเขามา จึงไม่มีความเป็นตัวของตัวเองมากนัก หลายคนพาลนอนก่ายหน้าผาก คิด มาก จนเป็นคนวิตกกังวล หรือโรคซึมเศร้าถามหา


ทำอย่างไรเมื่อ(ใจ)เป็นหนี้



ความกังวลของคนที่มีหนี้ให้ "เงิน" เป็นตัวกำหนดความสุขทุกข์ตามมานั้น ก็บั่นทอนความสุขของเรา

ทั้งที่... "หนี้" เรื่องไม่ใหญ่อย่างที่ใจคิด
มีคนถามว่า การเป็นหนี้ มีเรื่องจิตวิทยาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ...ผมคิดว่ามี เพราะหนีความ กังวลในความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผู้อื่นและความรู้สึกไม่ได้ ใครเจอสถานการณ์แบบนี้ ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่เห็นว่าจะต้องเครียดให้เหนื่อยใจเปล่าๆ

มีความกังวลอยู่บ้างกับการรับผิดชอบให้บอกตัวเองเสมอว่าจะต้องค่อยๆ ทำงานหาเงินชดใช้หนี้ไปตามกาลเวลาที่กำหนดไว้ ป่วยการที่จะไปทุกข์ใจกับเรื่องการเป็นหนี้ เพราะทุกข์ไป เงินก็ไม่งอกเงยขึ้นมาให้ฟรีๆ อาจยิ่งทำให้หมดแรงในการหาเงินมาใช้หนี้เสียอีก ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
น.พ.กัมปนาท ตันสิถบุตร

อีกประเภท พวกทองไม่รู้ร้อน อยากได้ของเขา พอได้มาก็ไม่คิดว่าจะต้องรับผิดชอบอะไร คิดเข้าข้างตัวเองว่าเงินทองแบ่งกันใช้ แม้ตนเองไม่ได้หามา เลยไม่รู้สึกต้องจ่ายคืนขอหยิบยืม แต่ไม่คืน คนจำพวกนี้น่ากลัว และถือว่าเป็นคนไม่ดี


ทำอย่างไรเมื่อ(ใจ)เป็นหนี้



รับมือกับการเป็นหนี้อย่างไร

คำแนะนำนี้อาจใช้ได้สำหรับหลายคน แต่มีอีกหลายคนไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่
ถ้ามุ่งประเด็นที่ "ใจ" ของเรา อยู่อย่างใจสงบ อิสระจากการถูกมัดจากเรื่องภายนอก คิดว่าทุกอย่างที่เป็นเงื่อนไขที่เกิดขึ้น ควรปฏิบัติดังนี้

           1. มองโลกในแง่ดีให้มาก คิดว่าการที่ติดหนี้สิน เพื่อการพัฒนา พิสูจน์ความสามารถในการบริหารจัดการเงิน แต่ก็ห้ามคิดว่าพัฒนามากเกินไปจนกลายเป็นฟุ้งเฟ้อ ไม่รู้จักพอ ที่แย่คือคิดเอาเงินในอนาคตมาใช้ โดยไม่รู้จักบริหารจัดการให้ดี อย่างนี้ก็เป็นหนี้หัวโต

          2. อย่าเป็นคนรักษาหน้ามาก บางคนมองการเป็นหนี้คนอื่น เป็นการบอกว่าเราด้อย ไม่มีเงิน ไม่มีทรัพย์สมบัติ ทนไม่ได้ที่ต้องเป็นหนี้ ก็เลยไม่กล้าลงทุนทำอะไร หรือยอมไปหาเงินมาจากที่อื่นๆ ที่ไม่เหมาะสมแทน เช่น เล่นการพนัน เสี่ยงโชค ยอมขายตัวขายศักดิ์ศรีแลกเงิน แย่กว่าการเป็นหนี้สถาบันการเงินเสียอีก

           3. มองว่าการมีหนี้ก็เพื่อการฝึกควบคุมตนเองและฝึกการบริหารจัดการเรื่องเงินเรื่องทองให้ได้ ถ้าทำได้ ฝ่าฟันได้จะเป็นผู้มีประสบการณ์แกร่งขึ้น

           4. บอกตัวเองเสมอว่าคนที่เครียดควรเป็นเจ้าหนี้ อย่ามองเพียงแค่ว่าเจ้าหนี้มีความสุขจากการได้ดอกเบี้ยเงินกู้อย่างเดียว มีเจ้าหนี้จำนวนมากก็ขาดทุนไปไม่น้อย ซึ่งควรจะช่วยกันทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย อย่าเอาเปรียบกันดีที่สุด

           5. เผื่อใจสำหรับการใช้หนี้ไม่ได้ อาจต้องยอมขายหรือเสียอะไรบางอย่างบ้าง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการหนี้ได้ อย่าเป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบยึดติดกับวัตถุมากเกินไป เงินทองของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ได้ อย่าไปปักใจอยู่กับคุณค่าของวัตถุมากเกินไป เพราะคุณค่าที่เกิดขึ้นเกิดจากใจของเราต่างหากที่ไปสร้างเงื่อนไขทางความคิดตัวเอง 

         

ทำอย่างไรเมื่อ(ใจ)เป็นหนี้



          6. ผู้ไม่มีทรัพย์สินอะไรให้ขายชดใช้หนี้ อย่าลืม "ทรัพย์สินทางปัญญา" ต้องพยายามหาออกมาใช้ให้มากที่สุดเชื่อว่าไม่มีทรัพย์ใดจะมีค่ามากไปกว่าปัญญาของเราเอง

           7. คิดหาทางเลือกอื่นๆ ไว้เมื่อหนี้มีปัญหา อย่าคิดสั้นๆ อย่าลืมว่าปัญหามักจะมีทางออกสำหรับผู้ที่ฝึกคิดเสมอ

           8. การเป็นหนี้ในแง่ดีคือว่าคุณยังเป็นคนที่มีเครดิตอยู่ อย่างไรก็ตาม ถ้าขอใครแล้วเขาไม่ให้ยืมก็กลับมาทบทวนบอกตัวเองว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" อย่าไปหวังใครจะมาช่วยเรา ถ้าเรายังไม่เริ่มต้นคิดช่วยเหลือตนเอง

           9. ฝึกตนเองมุ่งมั่นในการทำงานไปเรื่อยๆ ไม่ต้องคิดเรื่องการเป็นหนี้อยู่ในสมองให้มากนัก มีความรับผิดชอบต่อชีวิตและหนี้สิน เมื่อนั้นจะรู้สึกมีความสุขมาก และจะภูมิใจที่เราเป็นคนที่มีความรับผิดชอบที่ดี ให้ชมตัวเองบ่อยๆได้

           10. ถ้าโดนเจ้าหนี้ทวงอยู่เรื่อยๆ ใช้วิชาการเจรจาต่อรอง แสดงความจริงใจว่าจะผ่อนส่งให้ ถ้าเขาอยากได้มากกว่าที่เราสามารถให้ได้ ก็ตอบไปตรงๆ ว่าไม่สามารถทำได้ในเวลานั้น (แต่จะพยายามหามาให้) เพราะเขาเองก็กลัวจะไม่ได้เหมือนกัน ฉะนั้น หาข้อตกลงรอมชอมดีที่สุด อย่าเครียดไปก่อนเพราะกลัวว่าจะทนต่อการถูกทวงไม่ไหว อย่าลืมว่าเจ้าหนี้บางรายเป็นพวกจู้จี้จุกจิก ย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งควรเห็นใจเขา เพราะเงินของใคร ก็หวงห่วงเป็นธรรมดา

           11. คนที่ค่อนข้างเครียดคิดมากเรื่องการเป็นหนี้ ให้สำรวจตนเองว่าเป็นคนวิตกกังวลเกินไปหรือไม่ ส่งผลต่อชีวิตอย่างไร เช่น ทำให้ขยันขึ้น ทำให้หมดเรี่ยวแรงในการต่อสู้กับปัญหากันไหม ถ้าเป็นประเด็นหลังอาจต้องรับการบำบัดรักษาทางด้านสุขภาพจิตจะดีกว่า หากปล่อยไว้ ชีวิตจะค่อยๆ หมดพลังในการดำเนินชีวิตในที่สุด

            "ผมคิดว่าไม่จำเป็นอย่ามีหนี้ดีที่สุด หากต้องมีขอให้มีหนี้สินเพื่อเป็นทรัพย์สินที่มั่นคงในอนาคตมากกว่าหนี้สูญ เช่น หนี้จากการฟุ่มเฟือยใช้จ่ายในสิ่งที่ไร้สาระ หาความสุขที่มากเกินพอดี การเล่นการพนัน ติดยาเสพติด เป็นต้น ดูๆ ไปก็น่าเหนื่อยใจไม่น้อย ขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังมีหนี้อยู่ด้วย ว่าความพยายาม อดทน อยู่ที่ไหนหนี้ทางใจก็จะไม่อยู่ที่นั่นอีกต่อไป"

แต่ถ้าไม่สามารถจัดการได้ คุณอาจจะ "ป่วย" เพราะหนี้ได้เช่นกัน



ข้อมูลโดย
Matichon Online

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์