สัญญาณอันตราย เงินในกระเป๋า

สัญญาณอันตราย เงินในกระเป๋า



คนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับคำว่า "เงินไม่ใช่พระเจ้า" แต่หลายคนหลายครั้งก็ปล่อยให้เงินมาบงการชีวิต ให้ต้องดิ้นรนตะเกียกตะกายหาเงินมากๆ มาใช้จ่ายหรือใช้หนี้ก็ตาม สิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า เราปล่อยให้เงินเข้ามาบงการชีวิต คือเราไม่สามารถจัดการสถานการณ์การเงินในแต่ละเดือน หรือแต่ละรอบการใช้จ่ายให้อยู่มือ จนเกิดวิกฤติ เป็นหนี้สินรอบตัว

อย่ารอให้ถึงวิกฤตเลย ลองมองหาสัญญาณอันตรายทางการเงินในกระเป๋าของเราเสียก่อน สำรวจดูซิว่าคุณกำลังตกอยู่ในภาวะอย่างนี้บ้างหรือไม่

  • ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนสูงกว่ารายได้
  • ยอดใช้จ่ายในบัตรเครดิตสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่รายได้คงที่หรือลดลง
  • ยอดหนี้สินที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
  • คุณไม่สามารถชำระยอดเงินในบัตรเครดิตได้เต็มจำนวน ชำระเพียงยอดชำระขั้นต่ำเท่านั้น
  • คุณคิดจะทำบัตรเครดิตเพิ่มอีกใบเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ค้างชำระในบัตรเครดิตใบเก่า
  • ยอดเงินคงเหลือจากวงเงินบัตรเครดิตเหลือน้อยเต็มที
  • แต่ละเดือนคุณต้องจ่ายค่าบัตรเครดิตเป็นจำนวนมากจนเหลือเงินไม่พอใช้จ่ายอย่างอื่น
  • คุณค้างชำระค่าสาธารณูปโภค (ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ฯลฯ)
  • คุณใช้เงินไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจอยากจะรู้ว่าเหลือเงินในบัญชีเท่าไร
  • คุณถูกทวงถามเรื่องค่าใช้จ่ายจากหน่วยงานต่างๆ
  • คุณไม่มีเงินเก็บเลย
  • คุณเพิ่งตกงานและไม่มีเงินเก็บสำรองค่าใช้จ่าย
  • คุณใช้บัตรเครดิตจ่ายของกินของใช้ประจำวัน
  • คุณ/สามี (หรือภรรยา) ปกปิดค่าใช้จ่ายที่แท้จริง
  • คุณมีบัตรเครดิตหลายใบ และต้องชำระหนี้ทุกใบ

มีสัญญาณเหล่านี้ตั้งแต่ 1 ข้อขึ้นไป ถือว่าเป็นลางบอกเหตุว่า สถานการณ์การเงินของคุณท่าจะมีปัญหาเสียแล้วละ แม้คุณคิดว่า "พอจะหมุนเงินต่อไปได้น่า..." แต่อีกไม่นานเกลียวปัญหาก็จะขันแน่นขึ้น จนคุณดิ้นไม่หลุด

ให้ทบทวนว่าเป็นเพราะอะไร เป็นภาวะชั่วคราวเพราะมีเหตุอะไรบางอย่างเข้ามาทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น หรือเราไม่ใส่ใจดูแลการเงินให้ดี ขอให้ตอบอย่างซื่อสัตย์ต่อตัวเอง... ถ้าเป็นอย่างหลังต้องยอมรับก่อนว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย

ถ้าพฤติกรรมที่เป็นปัญหานั้นมาจากคนอื่นในบ้าน ก็ต้องมานั่งพูดคุยกัน ขอให้ร่วมมือกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งความยากอยู่ตรงนี้เอง อาจทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของทุกคนในบ้าน แล้วเอามาดูกันให้รู้ปัญหาร่วมกัน หากทุกคนยอมรับได้ถือว่าการแก้ปัญหาเดินหน้าไปถึงครึ่งแล้วละ

ต่อจากนั้นขอให้ทุกคนทำบัญชีค่าใช้จ่ายประจำวันของตัวเอง เพื่อจะได้ควบคุมการใช้จ่าย ที่สำคัญคนที่มีหน้าที่ดูแลค่าใช้จ่ายในบ้านต้องมีวินัยในการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่าเอาเงินส่วนต่างๆ มาใช้จ่ายกับเรื่องที่ไม่ได้วางแผนไว้

แต่ถ้าปัญหาของเราหนักหนาสาหัสจนมองไม่เห็นทางออก ที่ปรึกษาทางด้านการเงินเป็นอีกตัวช่วย

...เริ่มมองหาสัญญาณอันตรายเสียแต่วันนี้ ยังมีทางแก้





ขอบคุณ kids&family


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์