มารู้จักน้ำตาลเทียมกัน!!

มารู้จักน้ำตาลเทียมกัน!!


น้ำตาลเทียม เช่น Aspartame หรือ Saccharin เป็นสารสังเคราะห์ที่ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล แต่ให้พลังงานหรือแคลอรี่ต่ำ จึงมักเป็นส่วนผสมอยู่ในอาหารชนิดไดเอต ซึ่งเป็นที่นิยมของผู้ที่อยากผอม 


นอกจากนี้ยังเป็นสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลที่แพทย์มักแนะนำให้ใช้ในรายที่ เป็นเบาหวาน ซึ่งควรกินภายใต้การดูแลของแพทย์ เพราะผู้บริโภคบางรายมีอาการไมเกรน คลื่นเหียน ท้องร่วง และถ้าใช้ในระยะยาวอาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรค มะเร็ง 

สำหรับสารอาหารที่ให้รสหวาน ธรรมชาติและเหมาะจะใช้แทนน้ำตาลก็คือหญ้าหวาน (Stevia) ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดในแถบบราซิล และมีการนำมาปลูกทางภาคเหนือของไทย วิธีใช้คือ นำใบที่ตากแห้งมาใส่ในอาหารแทนน้ำตาล ซึ่งจะให้รสชาติอาหารที่กลมกล่อมขึ้นด้วย แต่ไม่ควรใส่มากเพราะจะให้รสที่หวานมาก เนื่องจากในใบมีสารหวานที่หวานกว่าน้ำตาลทราย 250-300 เท่า แต่ไม่ทำให้อ้วน

เนื่องจากร่างกายต้องใช้กลูโคสเป็นพลังงาน คนจึงเชื่อว่าดื่มน้ำหวาน น้ำผลไม้ หรือน้ำอัดลมแล้ว จะทำให้สดชื่น และให้พลังงาน แต่น้ำตาลที่เข้าสู่ร่างกายต้องเป็นปริมาณที่เหมาะสม กลูโคสที่ให้ผลดีต่อร่างกายคือ กลูโคสที่เกิดจากคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (Complex Carbohydrate) เช่น ข้าว ข้ากล้อง ข้าวโพด ขนมปัง ธัญพืช และถั่วต่างๆ ซึ่งร่างกายจะค่อยๆ ย่อยและดูดซึมไปใช้ แต่กลูโคสจากน้ำตาลเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกดูดซึมไปทั้งหมด กลูโคสจึงอยู่ในภาวะล้นท่วมเซลล์ก่อให้เกิดอันตรายและร่างกายต้องทำงานหนัก แต่จะไม่แสดงอาการในทันที เพราะร่างกายสามารถทนรับได้นาน 5-10 ปี จึงจะแสดงอาการของโรค ดังนั้นในระยะยาวคนที่กินหวานจะมีโอกาสเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้มากกว่าคนไม่ กินหวาน

องค์การอนามัยโลกได้กำหนดปริมาณน้ำตาลไว้ว่าไม่ควร เกินร้อยละ 10 ของปริมาณพลังงานที่ได้รับในแต่ละวัน การบริโภคน้ำตาลในปริมาณที่พอเหมาะและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายคือ ไม่เกินวันละ 10 ช้อนชา แต่ปริมาณแนะนำที่มีการรณรงค์สำหรับคนไทยก็คือ ไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม เผื่อไว้สำหรับการกินอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลอยู่แล้วโดยไม่ทราบปริมาณ

ดังนั้น เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี  เพื่อนๆ ควรหันมาใส่ใจในอาหารการกิน ฝึกลดและเลิกเติมน้ำตาลลงในอาหารตั้งแต่วันนี้โดยเลือกกินอาหารที่มีน้ำตาลน้อย จนถึงชนิดซูการ์ฟรี ที่ไม่มีน้ำตาลเจือปน  แล้วจะพบว่านอกจากอาหารที่กินนั้นจะมีรสชาติดีอยู่แล้ว  ยังส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมทั้งร่างกายและจิตใจด้วยค่ะ



ที่มาเดคคอร์ลีฟวิ่งดอทคอม

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์