อันตราย...จากอุจจาระตกค้าง

อันตราย...จากอุจจาระตกค้าง


• ทราบหรือไม่ว่า...    

          หากเราเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด กินอาหารที่มีกากใยน้อย มีพยาธิหรือ เชื้อรา ระบบดูดซึมเสีย ไม่ถ่ายอุจจาระตอนเช้าระหว่างเวลา 05.00-07.00 น. ลำไส้จะบีบให้อุจจาระขึ้นไปข้างบน เวลาถ่ายจะถ่ายไม่หมด อุจจาระที่ค้างก็จะเกาะผนังลำไส้ พอมีอุจจาระใหม่ที่เหลวกว่าก็จะแซงหน้าไปก่อน แต่ก็ไม่สามารถดันพวก ที่ค้างแข็งให้ออกไปได้ พวกที่ค้างแข็งไว้นี่ เมื่อเกาะติดแน่นไปเรื่อยๆ อุจจาระตกค้างจะไปทับเส้นเลือด ต่างๆ ในกระเพาะและกดทับกระดูกบริเวณหลัง ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ ตามมา เช่นท้องอืด ปวดหลัง ปวด ขา ปวดกล้ามเนื้อที่ไหล่และสะบัก เวียนหัว อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เป็นฝ้า ไมเกรน เป็นต้น

         นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการสถาบันเวช ศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ได้อธิบายเพิ่มเติมไว้ว่า เราสามารถตรวจสัญญาณอุจจาระค้างในลำไส้ได้เองง่ายๆ
โดยการนอนหงายแล้วเอามือคลำท้องด้านซ้ายล่าง เลยสะดือทางซ้ายไปหน่อย แล้วเอานิ้วทั้ง 5 ลองกดดูจนลึกและเลื่อนไปมา หากมีค้างอยู่จะคลำได้เป็น แท่งยาวๆ อยู่ตามรูปลักษณ์ของลำไส้ (สำหรับคนผอมอาจคลำง่ายหน่อย แต่สำหรับคนมีพุง แนะนำให้ แขม่วพุงช่วยแล้วค่อยคลำจะได้ผลชัดขึ้น)

   • กลุ่มคนที่มักมีปัญหาอุจจาระค้าง    

     1. เด็กเล็กที่ให้กินนมแล้วนอนเลย ไม่พาอุ้มพาดบ่าลูบหลัง หรือไม่พาขยับตัวกลิ้งไปมาสักเล็กน้อยให้ลำ ไส้ได้บีบตัวบ้าง

ในเด็กที่อุจจาระแข็งมาก อาจสามารถบาดรูทวารจนเกิดแผลได้ ทำให้ครั้งต่อไปเด็กไม่อยากถ่ายอีกเพราะ กลัวเจ็บ เมื่อยิ่งกลั้น อุจจาระก็จะยิ่งแข็งค้างไปเรื่อยๆ

     2. คนที่ผ่าตัดบ่อย จะมีพังผืดไปรัดลำไส้ข้างใน ทำให้บีบตัวได้ไม่ดี อาจมีอุจจาระค้างอยู่ตามซอกต่างๆ จนบางคนกลายเป็นลำไส้อุดตันไปเลยก็มี

     3. ผู้สูงอายุและคนไข้นอนโรงพยาบาล เนื่องจากไม่ค่อยได้ขยับตัวลุกเดิน 

     4. คนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายหรือมีเหตุให้ต้องกลั้นอุจจาระบ่อยๆ โดยเฉพาะคนทำงานออฟฟิศที่วันๆ นั่งแหมะอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์ 

     5. คนที่มีลำไส้ยาว เพราะยิ่งยาวยิ่งสามารถเก็บอุจจาระไว้ได้นาน สังเกตว่าบางคนกินผักเยอะแต่ถ่ายแค่ สัปดาห์ละครั้งสองครั้งเท่านั้น


   Try This! : เคล็ดลับ ‘อึให้ดี ไม่มีตกค้าง’    

        อย่าอั้นอุจจาระตอนเช้า เพราะถ้าเลยช่วงเช้าไปแล้ว กว่าร่างกายจะส่งสัญญาณให้ปวดอีกอาจจะนานจน ผิดเวลา

        รอจังหวะขณะอุจจาระ ถ้าไม่ปวดอย่าแบ่ง ให้ลองสังเกตว่าจะมีการปวดเป็นช่วงๆ และก็คลายก่อนที่จะ กลับมาปวดใหม่ นั่นเป็นเพราะลำไส้บีบตัวเป็นลูกคลื่นเหมือนงูเลื้อย ถ้าเลื้อยมาตรงที่มีอุจจาระพอดีก็จะ ปวดขึ้นมา ดังนั้นหากเบ่งตอนไม่ปวดจะเหมือนเป็นการแกล้งลำไส้ให้เกิดแรงดันขึ้นมาโดย ใช่เหตุ เป็นผล ให้ลำไส้เกิดโป่งพองขึ้นมา ได้ริดสีดวงทวารเป็นของแถม

        นวดลำไส้ ถ้าในเด็กให้นวดรอบสะดือ ในผู้ใหญ่ให้นวดตรงท้อง ด้านล่างซ้ายเลยสะดือไป นวดเบาๆ ไป มาแล้วทิ้งไว้สักพักจะรู้สึกปวดท้องอยากถ่าย

        เอามือกดท้องด้านล่างซ้ายขณะถ่าย หรือจะลุกขึ้นนั่งยองเอาหน้าขาเป็นตัวกดไล่อุจจาระออกมา เพราะที่ จริงแล้ว การถ่ายตามธรรมชาติของคนคือ ‘นั่งยอง’ เพราะจะได้มีแรงกดจากหน้าขาด้วย การนำการนั่งถ่าย แบบโถเข้ามา ทำให้เราเป็นทั้งริดสีดวงและท้องผูกมากขึ้น

        ลุกขึ้นเดินไปมาจะทำให้ลำไส้บีบตัวได้ดี สักพักลำไส้จะบีบรีดเอา ‘อุจจาระท้ายขบวน’ ที่เหมือนออกมาแล้ว เราจะรู้สึกปวดอุจจาระอีกที ไม่ว่าใครก็ตาม หากมีความถี่ในการถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ถือว่า ‘ท้อง ผูก’ นะคะ

ที่มา ... เปรียว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์