อิ่ม...แต่ไม่อ้วน

อิ่ม...แต่ไม่อ้วน


อดใจไม่ได้จะต้องกินของอร่อย แต่จะกินยังไงละที่จะไม่ทำให้อ้วน

         ป้าแต้มแก้มพอง หล่อนกำลังละเลียดรสละมุนของชีสเค้กเนื้อนุ่ม โรยหน้าไวต์ช็อกโกแลตขูดเป็นแผ่นสีนวลบาง ตัดกับฐานสีดำสนิทของคุ้กกี้รสโกโก้บดพอกรุบกรอบ อย่างทอดอาลัย ราวกับจะปลอบใจตัวเองและส่งท้ายความพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ด้วยน้ำหนัก 60 กว่ากิโลกรัม กับรูปร่างที่ขยายขนาดเป็นไซส์ LL, XL ไปจนถึง XXL ในช่วงเวลาสองสามเดือนที่กรำศึกปะทะเค้กและงานเลี้ยงสารพัดรูปแบบ จนหล่อนต้องประกาศไปในกลุ่มเพื่อนนักชิมของว่า ฉันจะต้องลดน้ำหนักให้ได้ ให้สมวัยที่กำลังย่างเลขสี่

        ....ไม่ต้องถึงขนาดใส่ชุดว่ายน้ำขึ้นเวทีประกวดนางงามหรอก ขอแค่ไม่อ้วนและเป็นอันตรายถึงสุขภาพก็พอแล้ว...หล่อนเกริ่นกับฉันไว้อย่างคนมักน้อย (แต่จริงแล้ว หล่อนยังแอบเก็บเสื้อผ้าสวยๆ ไซส์ S และ M ไว้ ด้วยฝันลมๆ แล้งๆ ว่าจะกลับมาใส่มันได้ในวันหนึ่ง...แน่ละเรื่องสวยๆ งามๆ มันก็ต้องมีซุ่มกันบ้าง )

        ป้าแต้มเคยลดน้ำหนักจาก 57 กก. ลดลงมาเหลือ 49 แต่นั่นมันก็เมื่อ 10 ปีมาแล้ว สมัยตกหลุมรักหลุมแรกๆ แต่จะว่าไป หล่อนก็ลดความอ้วนมาเกือบตลอดชีวิตนั่นล่ะบ่ายวันนี้ หล่อนมีแผนนัดพบกับโภชนากรของสถานเสริมความงามและสุขภาพชื่อก้องโลกไว้ เพื่อถามหาวิธีการลดน้ำหนักแบบใหม่ๆ พักนี้ไปที่ซูเปอร์มาเก็ตไหนๆ ก็ล้วนมีอาหารที่จัดตามสูตรลดน้ำหนักไว้ กล่าวกันว่าถ้ารับประทานเป็นเวลา 3 วัน จะลดน้ำหนักได้ 4-5 กก.

         "ในสูตรนะ มีขนมปัง มีแฮม มีชีส บางมื้อยังมีไอศกรีมให้กินด้วยนะเธอ แต่ที่ไม่อ้วนน่ะ เป็นเพราะเขาบอกว่าได้คำนวณแล้วว่ามันจะเข้าไปทำปฏิกิริยาทางเคมีเผาผลาญกันไปจนหมด ไม่หลงเหลือมาสะสมไว้ในร่างกาย ไปๆ มาๆ เขายังมีสูตรชวนกันกินเป็นคู่ เพราะจะยิ่งได้ผลทางกำลังใจเข้าไปใหญ่" คุณแม่ติ๋มจำเขามาเล่า

        แล้วจะให้ป้าแต้มวางเฉยได้กระไร ชอบนักละไอ้เรื่องกินแล้วสวย หรือสวยได้โดยไม่ต้องออกกำลังกายนี่

        คุณหม่องโภชนากรสาวได้อธิบายให้ป้าแต้มฟังว่า ...
       
จริงแล้วสูตรเหล่านี้เขาก็ได้จากการคำนวณว่าวันหนึ่งๆ คนเราต้องใช้แคลลอรี่ไปประมาณเท่าไหร่ เช่นสมมุติว่า วันหนึ่งเราไปทำงาน นั่งคุย พูดโทรศัพท์กัน จะใช้พลังงานไปประมาณ 1600 แคลลอรี่ เขาก็จะจัดอาหารที่คำนวณรวมกัน แล้วได้แคลอรี่น้อยกว่า เช่นสามมื้อรวมแล้วได้ 1,000 แคลลอรี่ ซึ่งถ้าเรารับประทานต่อเนื่องกันสามวันก็ต้องลดน้ำหนักได้อยู่แล้ว

         แต่ถ้ากลับมาบริโภคแบบเดิมๆ หลังจากนั้นสิ...ที่น่าจะเป็นปัญหา

         แต่อย่างไร การลดน้ำหนักได้ 3-4 กก.ในสามวัน มันก็เป็นกำลัง ใจอย่างหนึ่งที่จะทำให้ลดต่อไปได้ละนะ จริงๆ แล้วหลักทั่วไปของการลดน้ำหนักนั้นคือการคุมอาหาร แต่การออกกำลังกายนี้เพื่อเป็นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้มากขึ้น เพื่อให้มีการเผาผลาญอาหารที่สูงขึ้น มีสัดส่วนที่ดีขึ้น

         การควบคุมอาหาร ไม่ใช่การอดอาหาร แต่เป็นการเลือกกินให้ถูกส่วน

          อันป้าแต้มเคยเป็นสมาชิกเผ่าซูลู ซึ่งมาจากเชื้อสายสู่รู้ ดัดจริตงดไขมันกับแป้งแบบสิ้นเชิง กินแต่ผักกับเนื้อ ผลก็คือผอมสวยแต่ป่วยบ่อย และซูบซีดจนโทรมไปในที่สุด เพราะเกิดการเผาผลาญที่ไม่สมบูรณ์แบบ คุณหม่องเธอว่า จริงแล้วการเผาผลาญไขมันในร่างกายเรานี่ ขั้นตอนแรก คือต้องเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตก่อน เหมือนกับเป็นชนวนในการจุดไฟ

         บางคนไม่มีแป้งหรือน้ำตาลเลย การเผาผลาญไขมันก็จะไม่สมบูรณ์แบบ ร่างกายก็จะดึงส่วนที่เราสะสมมาเพื่อเป็นพลังฉุกเฉินเลยมาใช้ ทำให้ร่างกายมีสารพิษตกค้าง ทำให้เลือดเรามีความเป็นกรดเป็นด่างค่อนข้างสูง ซึ่งมีผลเสียต่อการไหลเวียนถ่ายเทออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายไม่ทั่วถึง ผลก็คือลดน้ำหนักได้แต่สุขภาพก็ไม่ดีเท่าไหร่

         ป้าแต้มก็พอจำที่คุณหมอเคยอธิบายให้ฟังว่า อย่างไรซะร่างกายเราก็ต้องการอาหารครบ ห้าหมู่อยู่ แต่ให้รับประทานให้ได้สัดส่วน เช่นรับประทานแป้งจากข้าว ธัญพืชราว 40% รับเกลือแร่ วิตามินจากผักผลไม้ สัก 35% รับโปรตีนจากสัตว์ (พยายามเลือกปลา) นม ชีสราว 20% ที่เหลือเป็นไขมัน 5% ก็พอ ให้พยายามหลีกเลี่ยง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และน้ำหวาน และให้รับประทานช้าๆ อย่างมีสติ จะทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง โดยอิ่มสบายท้อง

          คุณหม่องเธอยังแนะให้ป้าแต้มเอาสมุดจดบันทึกไว้ว่าวันหนึ่งๆ ตื่นขึ้นมาไปจนเข้านอนนี่รับประทานอะไรเข้าไปบ้าง แล้วให้มาคุยกันว่าอะไรจำเป็น อะไรไม่จำเป็น อันไหนลดหรือตัดออกได้บ้าง ป้าแต้มลองไปทำดูก็พบว่าหัวใจเกือบจะวาย เมื่อพบวันหนึ่งๆ เธอเผลอบริโภคอาหารเข้าไป รวมๆ เกือบทั้งตลาดสด

         "ทำอย่างไรล่ะคะ ดิฉันเขียนบทความอาหาร แล้วก็ต้องไปงานเลี้ยงบ่อยๆ" ...ป้าแต้มอ้าง...ข้างๆ คูๆ 

         
เธอจึงว่า เอาอย่างนี้สิคะ ในระยะแรก ที่ยังอดทันทีไมได้ ก็ให้ค่อยๆ ลดลงมา เช่นถ้าชอบกินขนมมาก ก็ขอให้ลดลงกินเพียงครึ่งหนึ่ง แล้วให้เพียงอาทิตย์ละครั้ง โดยพยายามกินในมื้อเช้า จะได้มีเวลาเผาผลาญไปได้ทั้งวัน 

          เวลาไปงานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ ถ้าชอบอาหารอะไรให้รับประทานก่อนเลย พออิ่มเราจะได้ไม่ไปรับประทานอย่างอื่นเพิ่มเท่าไหร่ แต่ถ้าไปรับประทานอย่างอื่นก่อน พอมาเจอของชอบ เราก็อดที่จะรับประทานเข้าไปอีกไม่ได้ (ข้อนี้ยกเว้นอาหารมันๆ พวกขาหมู ขนมหวานที่ต้องให้รับประทานให้น้อยที่สุด) 

          ก่อนนอนราว 4 ชม. พยายามหลีกเลี่ยงอาหารหนัก ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้หลังกลับจากงานเลี้ยง วันรุ่งขึ้นจะใช้วิธีสะสางร่างกายด้วยการงดอาหารเพื่อให้ระบบการย่อยได้พักผ่อน โดยดื่มแต่น้ำผลไม้ตลอด ราวสองวันแล้วเริ่มรับประทานอาหารอ่อนๆ อย่างซุปใสหรือแกงจืดในวันที่สามก็ได้ ยังมีเคล็ดเล็กๆ อื่นๆ เช่นว่าควรเลือกกินข้าวจะดีกว่ากินก๋วยเตี๋ยว เพราะในปริมาณที่เท่ากัน เราจะรู้สึกอิ่มท้องได้นานกว่า (อันนี้ว่ากันตามความรู้สึกของคนไทยนะ) 

        คุณหม่องยังแนะนำในเรื่องของการลดน้ำหนักโดยการศึกษาลักษณะของรูปร่างแบบต่างๆ แบ่งเป็นสี่แบบที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของฮอร์โมน ป้าเต้ยจำได้แต่ว่าถ้ารูปร่างประเภทที่ต้นขา สะโพกใหญ่กว่าส่วนบนซึ่งเป็นลักษณะของสาวเอเชียโดยมาก นี่จะมีการเผาผลาญมื้อเย็นสูงกว่ามื้อเช้าและกลางวัน ก็ให้ออกกำลังกายในช่วงเช้า และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ซึ่งจะทำให้ร่างกายอมน้ำจนบวมขึ้นเป็นพิเศษ และลดน้ำหนักได้ไม่ดีเท่าที่ควร

       
เธอยังมีสูตรอาหารที่อร่อยโดยไม่อ้วนด้วยการดัดแปลงวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร ทำให้อร่อยได้โดยไม่อ้วนอีกมาก เช่นทำมายองเนสโดยใช้แป้งแทนไขมันจากไข่ และยังมีอะไรๆ ให้เขียนหากินไปได้อีกหลายปี

นิตยสาร Life & Family

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์