เดอะ โซดิแอค คิลเลอร์ ฆาตกรจักรราศี (ตอนที่3)

แคธลีน จอห์นส์


        
         22 มีนาคม 1970 ซาน ฮิวควิน เคาน์ตี้ แคลิฟฟอร์เนีย


          บ่ายแก่ ๆ วันนั้น แคธลีน จอห์นส์ ชาวเมืองแวลลีโฮ ขับรถตามถนนไฮเวย์ 13 ในเขต ซาน ฮิวควิน เคาน์ตี้ มีเจนนิเฟอร์ลูกสาวตัวน้อยวัยสิบเดือนอยู่ข้าง ๆ


          ขับมาดี ๆ จู่ๆก็มีรถคนหนึ่งจี้มาข้างหลัง เป็นเซฟโรเลต สีอ่อน มีผู้ชายเป็นคนขับ เขาเปิดไฟสูงใส่และไล่เธอด้วยเสียงแตรที่ดังลั่น


           คนแปลกหน้าแซงรถมาเทียบข้าง และตะโกนบอกว่าล้อเธอแกว่ง


           แคธลีน ไม่อยากเชื่อนัก แต่ตอนนี้เขาแล่นอยู่ข้างหน้าเธอแล้วละ ทำท่าเหมือนอยากให้เธอจอดรถข้างทาง


           มองซ้ายมองขวาดูสถานการณ์รอบ ๆ หญิงสาวก็คิดว่าไม่มีอันตรายอะไร เพราะถนนไฮเวย์ ช่วงนั้นรถราแล่นขวักไขว่ ดังนั้นเธอจึงยอดจอดรถข้างทาง และชายคนนั้นก็เข้ามาจอดรถหลังรถเธอ


           หญิงสาวมองเขาเดินลงมา เธอนึกระแวงสงสัยชายคนนี้ไม่น้อยเลย เขาเดินถือกุญแจปากตาย ตรงมาไขน็อตที่ล้อยางด้านข้างซ้าย


           เธอไม่รู้หรอกว่า เขาแสร้งไขให้มันแน่น แต่ความจริงคือเขาไขมันออก


           เขาลุกขึ้น บอกว่าเขาขอขับรถเธอดูหน่อย เพื่อทดสอบว่ามันเรียบร้อยดีหรือยัง


           แคธลีน ให้เขานั่งรถ พอเขาเคลื่อนรถ เธอก็ได้ยินเสียงปกติที่ด้านหน้ารถ ล้อของเธอหลุดออกมา!


          "แย่แล้วล่ะ สงสัยรถผิดปกติ เดี๋ยวผมส่งคุณไปหาอู่ดีกว่าน่ะ"ชายคนนั้นอาสา


           หญิงสาวไม่มีทางเลือก อุ้มลูกน้อยไปนั่งรถเขา และเขาก็พาเธอแล่นไปเรื่อยๆ


            ยิ่งเวลาผ่านไปเธอก็ยิ่งเครียด และกลัวมากขึ้นเป็นลำดับ เพราะชายแปลกหน้าทำเหมือนขับรถแล่นอย่างไม่มีจุดมุ่งหมาย เขาผ่านปั๊มและอู่ตั้งมากมายแต่ไม่ ยอมเลี้ยวเข้าไปแม้แต่หันมามอง


            แคทลีนทำใจดีสู้เสือ เธอถามเขาว่า


        "นี้คุณมักช่วยเหลือคนอื่นบนท้องถนนแบบนี้เสมอหรือ"


            เขาตอบว่า


            "บางคนเขาก็ไม่อยากข้องแวะด้วยหรอก…"พวกนั้นไม่ต้องการให้ผมช่วย"


            การสนทนาชักเครียดขึ้นทุกขณะ จนกระทั้งชายคนนั้นจู่ ๆ ก็ขู่ฆ่าแคธลีน และตวาดว่าให้จับหนูน้อยของเธอเหวี่ยงออกนอกรถ แคธลีนกลัวจนใจจะขาด เธอกอดลูกน้อยไว้แนบอก ปลอบไม่ให้แกร้องไห้โยเย


            รถแล่นต่อไปนานถึงสามชั่วโมง ค่ำมืดแล้ว แคธลีนตัดสินใจเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เมื่อเธอสังเกตว่าสองข้างทางตอนนี้เป็นท้องทุ่ง


            หญิงสาวกระชับลูกไว้แนบอก รอรถชะลอ และรีบกระโจมออกนอกรถ เธอออกวิ่งแบบไม่คิดเข้าไปแอบมูนดินทางที่มืดมิด ใจแทบจะขาดรอน ๆ


             แต่แล้วชายคนนั้นก็เคลื่อนรถขับออกไปเฉย ๆ ไม่ได้ลงตามมาฆ่าอย่างที่เธอนึกเอาไว้


             แคธลีนอุ้มลูกหนีกระเซอะกระเซิงมาถึงสถานีตำรวจใกล้ ๆ ระแวกนั้นจนได้ เธอแจ้งข้อความทันทีข้อหาลักพาตัวและขู่ฆ่าโดยชายแปลกหน้าคนหนึ่ง


             ทันใดนั้นเอง เธอเหลือบไปเห็นป้ายประกาศจับรูปวาดของ เดอะ โซติแอค คิลเลอร์


             เท่านั้นแหละครับ เธอร้องลั่นทุ่งเลย


           "คนนี้แหละค่ะ…ไอ้คนนี้ไงที่ขู่ฆ่าฉันและลูก แม้เป็นเพียงภาพวาด แต่ดูแล้วใช่เลย!"


             ตำรวจพาแคธลีนไปที่จุดที่เธอจอดรถไฟ พอไปถึงที่นั้นปรากฏว้ารถของเธอถูกไฟไหม้ เชื่อกันว่า เดอะ โซติแอค ย้อนกลับมาทำลายรถเธอเพื่อทำลายหลักฐาน


             ถ้าหากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ตอนนี้ตำรวจได้พยานบุคคลที่เจ๋งที่สุดเท่าที่มีมา เธอได้เห็นหน้ามันเต็ม ๆ ไม่มีฮู้ดอะไรปิด ๆ บัง ๆ มิหนำซ้ำยังได้นั่งบนรถของมันเป็นชั่วโมง แต่ที่เหลือเชื่อของเธอรอดตายจากเงื่อมมือโซติแอค ทำไมมันถึงไม่สนใจเหยื่อรายนี้


             เวลาล่วงไปหลายเดือน จนกระทั้ง……..


           
            จดหมายฉบับที่หก 2 ฉบับ


             จู่ ๆ หนังสือพิมพ์ฟานฟรานซิสโก โครนิเคิล ได้รับจดหมายอีก 2 ฉบับ โดยฉบับแรกส่งเมื่อ 20 เมษายน 1970 และถึงมือ บก.ในวันถัดมา


            ในจดหมายมีรหัสเป็นสัญลักษณ์อยู่หลายชุด และเป็นครั้งแรกที่ในวงกลมปูมโหรนั้น มีตัวเลขกำกับด้วยเป็นเลข 8 ในวงกลม


             ในจดหมายกำกับบอกว่า ถ้าอ่านดี ๆ ในรหัสลับนั้นเป็นชื่อจริงของมันเอง แต่จนแล้วจนรอด หลายฝ่ายก็ไม่สามรถไขปริศนานี้ได้สักที


              ข้อความในจดหมาย เล่ามาว่า


              "ผมวางระเบิดรถบัสคนหนึ่ง แต่ฝนตก ระเบิดเลยด้าน"


              แล้วก็โม้อีก


             " ตอนนี้ผมฆ่าไปสิบศพแล้วนะ และเร็วนี้ผู้คนจะไส้ทะลักกันยกใหญ่ด้วยอำนาจแรงระเบิด"


              ลงท้ายจดหมายด้วยสัญลักษณ์จักรราศี รูปปูมโหรวงกลม มีตัวหนังสือกำกับว่า Zodiac-10 SFPD-0


              จดหมายฉบับที่สองมาถึงกองบก. วันที่ 29 เมษายน เขียนด้วยการ์ดแบบตลกขบขัน เป็นคำสั่งจากโซติแอคบอกให้ประชาชนทราบว่าเขาจะวางระเบิดรถโรงเรียน (หลังจากตำรวจขอให้ปิดข่าวไว้เพราะกลัวประชาชนแตกตื่น)


              ตำรวจจำต้องออกแถลงข่าวเตื่อนเรื่องให้ระวังการวางระเบิดรถโรงเรียนและให้ประชาชนสอดส่องดูแลกันและกัน


              เจ้าโซติแอคบอกต่อไปอีกว่า มันอยากให้ทำกระดุมแบบเด็กวัยรุ่นสะสมกัน เป็นแผ่นวงกลมบาง ๆ พิมพ์รูปโซติแอคเพื่อวางจำหน่ายเป็นของที่ระลึก


             ใครจะบ้าทำขายฟ่ะ(ยกเว้นคนเขียนมั้ง)


             
              จดหมายฉบับที่เจ็ด


              จดหมายของโซติแอคฉบับนี้ส่งมาที่หนังสือพิมพ์โครนิเคลในวันที่ 29 มิถุนายน 1970 คร่ำคราญมาว่า


              "ผิดหวังเหลือเกิน ผิดหวังมากที่ประชาชนไม่ฮิตเข็มกลัดโซติแอค ฉะนั้นต้องมีการลงโทษล่ะ"


              คราวนี้มันขู่จะทำโทษชาวเมืองซานฟรานซิสโก ไม่ใช้ด้วยระเบิด แต่จะฆ่าด้วยปืน .38 มันอ้างด้วยว่าเหยื่อที่มันฆ่าพุ่งไป 12 คนแล้ว แต่มันยังไม่ลืมเริองระเบิดหรอก มันจะทำแน่ แล้วก็ส่งแผนที่ทางหลวงแนบมาด้วยว่ามันจะวางระเบิดตรงไหน


             จดหมายจบด้วยปริศนาด้วยรหัสลับอีก 32 ชุด


            
            จดหมายฉบับที่แปด


             24 กรกฎาคม โครนิเคลได้รับจดหมายอีกแล้ว มันก็บ่นเรื่องเข็มขัดแบบกระดุมอีก ถ้าประชาชนไม่ติดมันล่ะก็ มันจะไปทรมานทาสทั้ง 13 วิญญาณที่มันฆ่าที่ไปรอมันบนสวรรค์โน่น


             ท่าจะบ้า!!


             สังเกตว่าจำนวนเหยื่อที่มันฆ่ากลายเป็น 13 ไม่ใช้ 12 แล้ว


             ฆาตกรยังโม้อีกเรื่องการไม่ฆ่าแคธลีน


             "ผมปล่อยเธอไปเพราะไม่สนใจเธอเท่าไหร่ ผมชอบฆ่าคู่รักที่แอบมาจ้ำจี้ที่ลับตาคนมากกว่า คืนนั้นผมตามไปฆ่ามันคู่หนึ่ง"


           
            จดหมายฉบับที่เก้า


             สองวันถัดมา โครนิเคลได้รับจดหมายส่งมาอีก เนื้อหาสาระก็ยังเป็นจำนวนวิญญาณที่เป็นทาสทั้ง 13 ราย แต่คราวนี้มาแปลกมันคัดโครงบทละคร กิลเบิร์ต แอนด์ ซัลลิแวนส์ มาให้อ่าน ชื่อโครงบทนี้คือ เล็ท เดอะ พันนิชเม้นท์ ฟิต เดอะ ไคร์ม"จาก เดอะ มิคาโด และเนื้อเพลงอีกจากละครเดียวกัน ชื่อเพลง "อีฟ ก็อท อะลิทเทิ้ล ลิสต์"


             จดหมายนี้เต็มไปด้วยแผนที่ รหัส และวาดรูปวงกลมแบ่งรหัสมี 360 องศา ออกมาอย่างละเอียด


              ตำรวจตระหนักแล้วว่า เดอะ โซดิแอค ไม่ใช้ฆาตกรกระจอก มันมีการศึกษาและรสนิยมดีเหลือเชื่อขนาดรู้เรื่องบทละคร กิลเบิร์ต แอนด์ ซัลลิแวนส์ ได้แตกฉาน มีความรู้ด้านแผนที่ และพีชคณิตและเรขาคณิต


              อัจฉริยะชัด ๆ


            
             จดหมายฉบับที่สิบ ถึง พอล อเวรี่ ผู้สื่อข่าวสำนักพิมพ์โครนิเคิล


            
              อเวรี่เป็นนักเขียนข่าวของของ เดอะ โซดิแอค มาตั้งแต่จดหมายลงวันที่ 28 ตุลาคม 1970 จ่าหน้าซองระบุชื่อของเขาตรง ๆ ภายในเป็นการ์ดฮาโลวีน มันวาดรูปจักรราศีแปลก ๆ เป็นรหัสลับมาให้ดูเป็นรูปนัยน์ตา 13 ดวง และมีคำว่า


              "จ๊ะเอ๋ ! แกถูกปราบพินาศย่อยยับแล้ว"


              ดูเหมือนว่ามันจะขู่ พอล อเวรี่ และเจตนาคุกคามเขา


              หลังจากได้จดหมายฉบับนี้แล้ว ทางตำรวจอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้เขาพกพาอาวุธปืน ทั้งตำรวจยังสอนเขาให้ฝึกมันเต็มที่ ป้องกันอันตรายอย่างมีประสิทธิภาพด้วย


              
               คดี เชอริ โจ เบทส์


               พอล อเวรี่ ได้รับจดหมายที่ส่งมาถึงเขาโดยเฉพาะฉบับที่สอง มันแนะนำบอกใบ้ว่าให้กลับไปรื้อฟื้นแฟ้มคดีฆาตกรรมเชอรี่ โจ เบนส์ ตุลาคม ปี 1966 โน่น เพื่อเปรียบเทียบผลงานของ เดอะ โซติแอค


               เซอริเป็นนักศึกษา UCR มหาวิทยาลัยริเวอร์ไซด์ แคลิฟอร์เนีย เป็นเด็กสาวสวยมาก อายุ เพียง 18 ปี เธอถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในมหาวิทยาลัยที่เธอเรียนนั้นแหละ


               คืนนั้นที่ลานจอดรถมหาวิทยาลัย มีมือลึกลับตัดสายไฟรถของเธอ เบทส์ถูกลากไปฆ่าตรงมุมมืดทางเข้าประตู มันแทงหน้าอกเธออย่างรุนแรงสองแผลและข้างหลังอีกหนึ่ง คอเธอถูกมันเชือดลึกจนเกือบขาดจากร่าง


               ตำรวจได้หลักฐานเป็นนาฬิกาไทแม็กซ์ของผู้ตายขาดตกอยู่ทั่ว เรือนของมันเป็นรอยระบายสีเลอะเทอะ ในที่เกิดเหตุมีรอยเท้าเปื้อนเลือดเดินสับสนและในซอกเล็บของเชอริก็มีเศษเนื้อหนังของฆาตกรติดอยู่เต็ม


               หนึ่งเดือนต่อมา มีจดหมาย "สารภาพ" ส่งถึงหนังสือพิมพ์และสถานีตำรวจประจำเมือง เล่าอย่างละเอียดว่ามันตัดสายรถเชอรีได้ยังไง และลงมือฆ่าแบบไหน มันร่ายยาวถึงวินาทีสังหารอย่างน่าขนลุกและจบด้วยการขู่ว่า จะฆ่าผู้หญิงอีก


               หกเดือนหลังจากเหตุฆาตกรรมเชอริ มีจดหมายที่ทำก็อปปี้กระดาษ 3 ฉบับ ส่งให้หนังสือพิมพ์ ตำรวจ และพ่อชองเชอริ บอกว่า "เธอจำเป็นต้องตาย และมันจะมีมากกว่านี้อีก"


               ต้นเดือน 1967 ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยริเวอร์ไซด์ โต๊ะตัวหนึ่งถูกขีดเขียนสลักเป็นบทกวี เรียงร้อยถ้อยคำแปลกๆ


               "เลือดสาดกระเซ็นหยาดหยดลงทั่วกระโปรงชุดใหม่ของหล่อน"


               ก่อนจบด้วยวรรคที่เขียนว่า "แค่รอจนกว่าจะถึงครั้งต่อไป"


               อาจเป็นตัวฆาตกรเองที่เขียนโต๊ะตัวนั้น หรือไม่ก็คนที่ประทับใจกับความตายของเชอริ หรืออาจเป็นพวกแกล้งกันให้คนอื่นตกใจเล่นก็ได้….


              ผลจากการที่ พอล อเรวี่ ได้รับจดหมายครั้งล่าสุดนี้ ทำให้ตำรวจจากเมืองริเวอร์ไซด์กับตำรวจจากเมืองแวลลีโฮและเมืองอื่นๆ ที่ฆาตกรไปก่อกรรมทำเข็นไว้มาประชุมร่วมกัน


              ผลจากการประชุมคือ ฆาตกรที่สังหาร เชอริ โจ เบทส์ มันมีส่วนเชื่อมโยงกับ เดอะ โซดิแอค


              ปี 1998 ตำรวจเมืองริเวอร์ไซต์จับฆาตกรที่สังหาร เชอริ โจ เบทส์ ได้แต่ผลปรากฏก็ออกมาอีกคือมันไม่ใช้ เดอะ โซติแอค คดีถึงทางตันอีกครั้ง



(ติดตามตอนต่อไป)


เครดิต CAMMY


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์