แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ (Jack The Ripper) จอมชำแหละพิสดาร (ตอนที่ 2)

ความจริงแล้วคำว่า แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ไม่ใช้ฉายาที่ตั้งโดยตำรวจหรือผู้เชี่ยวชาญแต่อย่างไร แต่มันเป็นนามปากกา จากจดหมายลึกลับฉบับหนึ่ง


                ทำไมเขาถึงตั้งฉายาแบบนี้ นักวิเคราะห์ตอบง่าย ๆ ว่าคำว่า "แจ๊ค" เป็นชื่อสามัญที่เรารู้จักกันดี และยังเป็นการได้รับแรงบันดารใจจากฆาตกรผู้โด่งดัง คือ แจ๊ค สันเท้าสปิงค์ ส่วน  "ริปเปอร์" แปลว่า ผู้ตัด ฉีก ทิ้ง อันเป็นพฤติกรรมที่กระทำต่อเหยื่อเขานั้นเอง


                หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งแรกในไว้ท์แช็พเพล ตำรวจและเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ได้รับจดหมายเป็นจำนวนนับพันฉบับ แต่จดหมาย(และไปรษณียบัตร)จากผู้อ้างตัวเป็นฆาตกรได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุดมี 3 ฉบับ เท่านั้นคือ เจ้านายที่เคารพ แจ๊คจอมซ่า และจากนรก แต่ใช้ว่าทั้งสามฉบับนี้เป็นจดหมายสำหรับคนเดียวกัน ทั้งคนเขียนจดหมายทั้งสามฉบับอาจไม่ใช้ฆาตกรก็ได้ แต่ทั้งสามฉบับนี้มีเนื้อหาที่น่าสนใจเท่านั้นเอง


                และเนื้อหาจดหมายมันเขียนว่าอะไรล่ะ ...............



               จดหมาย "เจ้านายที่เคารพ"


                จดหมาย "เจ้านายที่เคารพ" เป็นฉบับแรก ที่กล่าวถึง นามว่า "แจ๊ด เดอะ ริปเปอร์ เป็นจดหมายลงวันที่ 28 กันยายน 1888  ไปยังสำนักข่าวเซ็นทรัล หลังจากฆาตกรรม แอนนี่ แซ็ปแมน 17 วัน เขียนด้วยลายมือหมึกแดง มีข้อความดังนี้


                                                                                                                               
              25 กันยายน 1888


               เจ้านายที่เคารพ


                ผมได้ยินอยู่เรื่อยว่าตำรวจจะจับผม แต่พวกเขายังหาตัวผมไม่ได้เลย ผมได้แต่หัวเราะเมื่อดูพวกเขาช่างฉลาดล้ำและคุยโวว่ากำลังตามตัวไปถูกทาง เรื่องตลกเกี่ยวกับ ผ้ากันเปื้อนหนัง ทำให้อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ ผมอยากกำจัดพวกโสเภณีและผมไม่สามารถหยุดเชือดพวกหล่อนได้จนกว่าจะเอาพวกหล่อนมาคาดรอบพุง งานชิ้นสุดท้ายช่าง ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ผมไม่ให้โอกาสสุภาพสตรีผู้นั้นร้องแม้แต่แอะเดียวตำรวจจะจับผมได้อย่างไรกัน ผมรักงานของผมและอยากจะลงมืออีก ในไม่ช้า คุณ จะได้ยินเรื่องราวของผมอีก เล็กๆน้อยๆ เป็นงานอันสนุกของผม ผมอุตส่าห์เก็บเลือดไว้ในขวดเบียร์เพื่อเอาไว้ใช้เขียน แต่มันข้นเหมือนกาวผมเลยใช้มันไม่ได้ แค่หมึกแดงก็เพียงพอแล้วสำหรับผม             ฮ่าๆๆๆ  งานต่อไปของผมก็คือ        ผมจะตัดหูของสุภาพสตรีส่งให้


                (ด้านหลัง) เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อความสนุกน่ะ คุณว่าไหมขอให้เก็บจดหมายนี่ไว้ก่อน จนกว่าผมจะทำงานเล็กๆน้อยๆเสร็จก่อน แล้วค่อยส่งให้ตำรวจทันที มีดของผมคมมากและน่าใช้ จนผมต้องออกไปทำงานเดียวนี้   ขอให้โชคดี



                                                                                                                                        ด้วยความจริงใจ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์



                คงไม่ว่านะที่ผมจะใช้ยี่ห้อประจำตัว


                ถัดลงมา ตรงมุมซ้ายของหน้ากระดาษ เขียนไว้ว่า


                คงไม่ดีนักที่จะส่งจดหมายนี้ก่อนที่หมึกแดงจะหลดออกจากมือ โชคยังไม่มีเลย อ้อ พวกเขาว่าผมเป็นหมดด้วยล่ะฮ่า ๆ


                
                ไปรษณีย์แจ็คจอมซ่า


                วันเดียวกับเดียวกับการเกิดคดีฆาตกรรมสองครั้งซ้อน สำนักข่าวเซ็นทรั่ลได้รับไปรษณียบัตรเปื้อนเลือดสกปรก ไม่ลงวันที่ แต่ประทับตราต้นทางไว้ที่ 1 ตุลาคม ลายมือและทำนองเหมือนฉบับแรกใจความว่า


                ฉันไม่ได้เข้าประจบนายเก่าของฉันตอนหรอกน่ะ  ที่ฉันให้รางวัลนี้แก่คุณเพิ่มคุณคงได้เห็นงานของแจ็คจอมซ่า  เมื่อวานนี้ คราวนี้ฉันทำถึงสองงานซ้อนเชียวนะ งานแรกมีเสียงร้องออกมานิดหน่อย งานเลยไม่เสร็จเรียบร้อย ไม่มีเวลาตัดหูมาให้ตำรวจเลย ขอบคุณที่เก็บจดหมายฉบับก่อนไว้จนฉันทำงานอีกครั้ง


                                                                                                แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์


 


                อย่างไรก็ตามคนเขียนไปรษณีย์บัตรนี้อาจไม่ใช้ฆาตกรก็ได้ เพราะอาจฟังข่าวในเช้าที่เกิดเหตุ และส่งถึงสำนักงานข่าวเซ็นทรัสเลยก็ได้


                ปัจจุบันไปรษณีย์ของจริงนี้สูญหายอย่างลึกลับ ไม่มีใครได้พบเห็นไปรษณีย์บัตรฉบับนั้นอีกเลย



                จากนรก


                  วันอังคารที่ 16 ตุลาคม 1888 จ๊อร์จ เอคิ่น ลัสก์ ประธานกรรมการป้องกันภัยของไวท์แช็พเพลได้รับพัสดุกล่องเล็ก ๆ ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล เมื่อเขาเปิดออกดเขาตกตะลึงเมื่อพบ......


                    ไตครึ่งซีกส่งกลิ่นเหม็นมันถูกตัดแบ่งเป็นทางยาว มีจดหมายแนบใจความว่า



                จากนรก


                                มิสเตอร์ลัสก์


                                ท่านที่เคารพ


                ผมได้ส่งครึ่งหนึ่งของไตที่เอามาจากผู้หญิงคนหนี่งและเก็บรักษาแบ่งให้คุณ ส่วนอีกส่วนได้ทอดและกินไปแล้ว มันช่างอร่อยมาก  ผมจะส่งมีดเปื้อนเลือดที่หั่นมันออกมา ถ้าคุณรออีกสักพัก   


                                                                                                                                                ลงชื่อ     จับฉันเลยเมื่อ


                                                                                                                                         คุณสามารถจับได้


                                                                                                                                     มิสเตอร์ลัสก์


               
                แต่เขาเก็บเรื่องนี้เอาไว้และบอกสมาชิกในคณะเช้ารุ่งขึ้น


                และจากการตรวจสอบก็พบว่ามันเป็นไตของคนจริง ๆ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของใดเป็นใครกันแน่ อาจเป็นศพที่โรงบาลแพทย์ หรือ อาจเป็นไตจากศพของนางคัทรีนที่ศพพบว่าไตหายได้สูญหายไป


                ตำรวจที่สืบสวนคดีนี้สืบหาที่มาของจดหมายทั้งสามฉบับ ทั้งตั้งรางวัลนำจับหรือแจ้งเบาะแสและ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ แต่จนแล้วจนรอดคดีก็ไม่คืบหน้า จนกระทั้ง.......................


                  
                 เหยื่อรายสุดท้าย


                พวกแฟนพันธุ์แท้ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ มักถกเถียงกันในเรื่อง เหยื่อของแจ๊ค อยู่เสนอ ว่าแท้ที่จริงแล้วแจ๊คสังหารผู้หญิงรวมทั้งหมดกี่คนกันแน่


                บ้างก็ว่า 7 บ้างก็ว่า 13 ราย บ้างก็ว่า 4 ราย (ซึ่งลำดับเหยื่อที่ผมมาไว้บทความนี้  พวกแฟนพันธุ์แท้มี ความเห็นตรงกันว่าเป็นฝีมือของฆาตกรคนเดียวกันอย่างแน่นอน) แต่อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายล้วนความเห็นตรงกันว่า แมรี่ เจน เคลลี่ คือเหยื่อคนหนึ่งของเขาแน่นอน ไม่ว่าเธอจะเป็นเหยื่ออันดับที่เท่าไร หรือเขาได้สังหารเหยื่อรวมกี่รายก็ตาม


                นี้เป็นการฆาตกรรมที่โหดสำหรับแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ และเป็นปริศนาทั้งหมด ทั้งปอง ที่ตามมว่า  เช่น เขาคือใคร ทำไมถึงต้องฆ่า เขาหายไปไหนกันแน่หลังจากฆ่าเหยื่อรายสุดท้าย


               


                แมรี่ เจน เคลลี่


                เธอเกิดเมื่อปี 186  เธอแต่งงานเมื่ออาย 1 6 ปี กับคนงานขุดถ่านหินชื่อ จอนห์ เดวี่ร์ แต่สามปีต่อมา เขาก็ตายเนื่องจากถ่านหินถล่ม และเธอจึงเริ่มยึดอาชีพ โสเภณี


                ต่อมาเคลลี่ก็ได้ทำงานในราชสำนักของอังกฤษ  เป็นพี่เลี้ยงให้ทารกสาวน้องให้แก่เจ้าชาย อัลเบิร์ต วิคเตอร์  แต่เธอถูกจับได้ว่าทำงานพิเศษเป็นโสเภณี  จึงถูกไล่ออก  และเข้ามาอาศัยในมิลเลอร์คอร์ด ห้องเดี่ยวหมายเลขที่ 13   และเธอค้างค่าเช่าห้องประจำ เมื่อจนแต้มเธอก็กลับยึดอาชีพ โสเภณีอีก


                ในปีที่ถูกฆาตกรรม แมรี่ เจน อยู่ในวัยเบญจเพสพอดี เธอสูง  5 ฟุต 7 นิ้ว เธอเป็นคนสวย ต่างจากเหยื่อรายอื่น ๆ ของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ที่มีแต่คนแก่ หน้าตาอัปลักษณ์


                และนี้คือคำถามต่อมาว่า ทำไมการลงมือครั้งนี้ของ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ถึงได้โหดเหี้ยมนัก เธอมีอะไรที่แปลกกว่าคนอื่นที่ผ่านมาของเขาหรือ หรือว่า.......................


               


                ผู้ชายคนสุดท้ายก่อนที่เธอจะตายคือ จอร์ซ ฮัทซิ่งสัน ผู้ที่เธอไปขอเงินเขา  แต่เขาไม่ให้ เธอจึงผละออกไปหาชายผู้สวมหมวกยาวสีดำ  ผอมสูง ปริศนา


             น่าแปลกที่จ๊อร์จไม่ให้ข้อมูลนี้แก่ตำรวจจนกระทั้งวันที่ 12พฤศจิกายน


                และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่เธอมีชีวิตอยู่..................


                เช้าวันที่ 9 พฤศจิกายน โธมัส ผู้ช่วยของจอห์น แม็คคาธี่ เจ้าของห้องเช่า เคาะห้องหมายเลข 13 เพื่อเรียกแมรี่ เจน เขาเคาะหลายที่แต่ไม่มีใครเปิดประตู จนกระทั้งเขาแอบมองรูกุญแจ และเอามือสอดเขาไปในกระจกและรูดม่านออก จนกระทั้งเขาก็ได้เห็น.............................


                เนื้อสด ๆ สองก้อนบนหัวเตียงและร่างชำแหละยับเยินของแมรี่ เจน!


                "มันเหมือนงานของปีศาจมากกว่าน้ำมือของมนุษย์"


                เมื่อพังประตูเข้าไปยิ่งเห็นสภาพศพชัดเจน


              แมรี่ เจน นอยหงายบนเตียงในชุดผ้าชั้นในผ้าลินิน ศีรษะหันไปทางซ้าย แขนขวาแนบลำตัวแต่ท่อนแขนวางทับท้องน้อย ส่วนแขนขวาวางบนในสภาพงอข้อศอกและกำหมัดแน่น หมอนและผ้าปูที่นอนชุ่มด้วยเลือด


                ในสภาพห้องยังมีจุดน่าสงสัยหลายจุดเช่น พบเศษเสื้อผ้าที่ถูกเผารวมกับหมวกสตรี กา และหูกาน้ำบนเตา ฆาตกรทำอย่างนี้ทำไม (สันนิษฐานว่าฆาตกรจุดเพื่อให้เกิดความสว่างในการแล่ศพได้ถนัด)


                จากการชันสูตรศพโดยนายแพทย์พิลิปส์เจ้าเก่าและคณะ ก็ได้ข้อมลที่น่าขนลุก


                เหยื่อถูกเชือดลำคอจากใต้หูหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง ลึกจนถึงกระดูกคอ ใบหน้าถูกทำลายยับเยินจนแทบจำไม่ได้ เต้านมถูกตัดออกทั้งสองข้าง แขนขามีแผลเหวอะหวะทั้งสองแผล ขาแยกออกจากกัน เนื้อท้องน้อยและต้นขาถูกเฉือน ท้องถูกชำแหละจนไม่เหลืออวัยวะใด ๆ กระเพาะปัสสาวะและไตถูกควักออกมาวางบนเต้าทั้งสองข้างที่อยู่ใต้ศีรษะ ลำไส้ถกวางอยู่ด้านขวา ม้านอยู่ด้านซ้าย เนื้อส่วนท้องถูกเฉือนและเนื้อต้นขวากองอยู่บนโต๊ะ............................


                จากการสืบสวนก็พบปริศนาหนึ่งคือฆาตกรหลบหนีไปได้อย่างไรเพราะห้องของแมรี่ เจน ติดกับห้องอื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่ตัวเต็มไปด้วยเลือดและอวัยวะที่ควักออกมากับศพ และเสี่ยงมากถ้ามีคนเปิดประตูไปเจอเขาออกจากห้อง ทำไมไม่มีใครได้ยินเสียงแปลก หรือสงสัยอะไรบ้าง มันเป็นไปได้อย่างไร..........


                การดำเนินคดีถึงทางตันและหยุดการสืบสวนในระยะเวลาต่อมา


                แมรี่ เจน เคลลี่ถูกฝังในสุสานแคธอลิเคลีย์สโตนในวันที่ 19 พฤศจิกายน 1888 


                และหลังจากสังหารแมรี่ เจน  แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ก็หยุดพฤติกรรมโหด และหายไปจากไวท์ตลอดกาล ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น หรือว่าเขาชำแหละแมรี่ เจน อย่างเมามันจนสนองความกระหายอย่างเต็มที่ หรือ เขาเดินทางหนีไปเมืองนอก หรือเขาฆ่าตัวตาย หรือตายแล้ว


                แต่บทสรุปที่ได้ในการสืบสวนของตำรวจคือ คดีฆาตกรรมในไวท์แช็พเพล ไม่สามารถคลี่คลายได้ ว่าใครคือฆาตกรต่อเนื่องที่ลึกลับ การค้นหาตัวฆาตกรเต็มไปด้วยความลำบากยากเย็น มืดมน สับสน ซับซ้อน แม้มี คนเห็นคนต้องสงสัย  แต่หลายคนกลับให้การไม่ตรงกัน ที่สำคัญฆาตกรก็ไม่ทิ้งหลักฐานใด ๆ ที่บ่งบอกถึงแรงจูงใจในการฆ่าเหยื่อทั้งห้ารายเลย  


                หรือว่าเพราะอิทธิพลของผู้มีอำนาจในขณะนั้นที่สั่งให้หยุดการสืบสวน และจัดฉากกันแน่


               
                "ลึก ๆ แล้วฉันเชื่อว่า แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ เป็นบุคคลสาธารณะ ที่มีชื่อเสียงไปแล้ว คำพูดของเขา บุคลิกของเขาเป็นข่าวควบคู่กับความโหดร้ายที่เดียว"


                เอ.เจ.แร๊ฟเฟลล์ นักเขียน


               
                 "แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ที่แสนน่ารักนั้นหรือ ผมไม่ต้องการให้เขาถูกจับเลย เขาทำให้หนังสือพิมพ์ผมขายได้มากกว่าตอนที่มีพิธีฝังของกษัตริย์และพิธีราชาภิเษกรวมกันเสียอีก"


                 ปีเต้อร์ ลัฟซี่ย์ ตัวละครจากเรื่องปัญหาในห้องพักหมายเลข 10


               
                จากคำบอกเล่าของพยานแต่ละฝ่ายพบว่า ผู้ต้องสงสัยที่พบกับเหยื่อ มีลักษณะแตกต่างกัน


ทำให้หลายฝ่ายต้องวาดภาพ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ว่าเขาเป็นคนเช่นใดกันแน่เพื่อหาผู้ต้องสงสัย เช่น


                แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ รู้จักลู่ทางในย่านอี๊สต์เอ็นด์เป็นอย่างดี สามารถหลบหนีได้คล่องตัวหลังก่อการฆาตกรรรม โดยเฉพาะคดีสองศพซ้อน


                แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ รู้จักเหยื่อทุกราย สามารถตีสนิทกับเหยิ่อได้ไม่ยาก เหยื่อตายโดยไม่ต่อสู้ขัดขื่นเลย


                แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ เป็นคนแข็งแรง มีความรู้ด้านกายวิภาคไม่น้อย


                แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ อายุราว 30 ปี สูง 5 ฟุต 7 นิ้ว รูปร่างสนทัด ผิวขาว และไว้หนวด


                แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ เป็นคนฉลาด แต่กับทำงานไม่สมกับความรู้


                แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ มาจากครอบครัวที่ล้มเหลว มีความเคลียดรุนแรง


ฯลฯแต่นั้นมันแค่การสันนิษฐานเพราะถึงอย่างไรสิ่งทำสำคัญที่สุดของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ คือไม่มีหลักฐานจะเอาผิดใด ๆ กับใครทั้งสิ้น



             จากการศึกษาของหลาย ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องพบว่าผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมไวท์มีมากเหลือเกิน บางคนเป็นหมอ โจร พ่อค้า คนเร่ร่อนคนไข้โรคจิต  หรือแม้แต่เจ้าชาย!


               
                เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด อัลเบิร์ต วิคเตอร์ (เบื้องหลังราชวงค์ที่นำไปทำหนัง)


                หรือเจ้าชายเอดดี ดยุคแห่งแคลเรนซ์ หนังสือหลายเล่มอ้างว่าพระองค์เคยเสด็จไปเที่ยวซ่องในย่านอีสต์เอนด์ และสันนิษฐานว่าพระองค์เรียนรู้เทคนิคในการชำแหละมาจากการล่าสัตว์ และทรงติดเชื้อซิฟิลิส ขณะที่สาเหตุอย่างเป็นทางการระบุว่าพระองค์สิ้นพระชนม์จากอาการปอดอักเสบ หนังสือหลายเล่มชี้ว่าพระองค์เป็นผู้ลงมือเองหรือไม่ก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมเพื่อปิดปังพฤติกรรมอันเหลวแหลก ทฤษฎีนี้แพร่หลายมากเพราะนักประวัติศาสตร์มีชื่อ อย่างไรก็ตามสาวกของแจ็คส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากบันทึกเกี่ยวกับพระกรณียกิจของเจ้าชายยืนยันว่าในขณะที่การฆาตกรรมเกิดขึ้นพระองค์ไม่ได้ประทับอยู่ในลอนดอนเลย อย่างไรก็ตามกลุ่มที่เชื่อทฤษฎีนี้โต้ว่าเจ้าชายเอดดีอาจจะแอบมาลอนดอน หรือมิเช่นนั้นบันทึกของทางการอาจจะเป็นสิ่งที่ "แต่ง" ขึ้นมาก็ได้


               
                 มองตากูว์ จอหน์ ดรูอิทท์ (การตายของเขาทำให้แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์หายไป)


                เขาเป็นครูและศึกษาด้านการแพทย์ขณะที่สอบได้เนติบัณทิตแล้ว ดริตต์มาจากครอบครัวที่ดีและมีการศึกษาแต่กลับมีอาการวิกลจริต สองวันหลังจากที่เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนแบล็กเฮลท์เขาก็ฆ่าตัวตายด้วยการถ่วงตัวเองให้จมน้ำด้วยหินที่ซุกไว้ตามกระเป๋า และทิ้งข้อความลาตายไว้ว่า "ตั้งแต่วันศุกร์แล้วผมรู้สึกว่ากำลังจะเป็น (บ้า)เหมือนแม่ และการตายคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมในตอนนี้" ตำรวจพบกระดาษโน้ตจากศพของเขาที่ลอยมาตามแม่น้ำเทมส์เมื่อ 31 ธันวาคม ปี 1888 ทั้งนี้ เขาหายตัวไปหลังจากที่พบศพเหยื่อรายที่ 5 ได้ไม่นาน การสอบสวนของตำรวจระบุว่าเขาฆ่าตัวตายเนื่องจากอาการซึมเศร้า และสรุปว่าเขาคือแจ็คเดอะริปเปอร์ ตำรวจปิดคดีได้สำเร็จโดยที่เขาตกเป็นแพะรับบาป มีคนตั้งข้อสงสัยว่าเขาฆ่าตัวตายหรือถูกฆาตกรรมเสียเองกันแน่ ขณะที่การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ซึ่งแสดงต่อศาลระบุว่าการตายของเคลลีและการตายของดริตต์มีความเกี่ยวโยงกัน บ้างระบุว่าดริตต์มีอาการป่วยทางจิตหลังจากการสังหารเหยื่อรายที่ 5 ของเขา


               
                อารอน โคสมินสกี้ (คนจรจัด)


                คนจรจัด ไม่มีใครทราบประวัติของเขามากนัก เขาเคยเป็นช่างตัดผมชาวยิว เคยเข้ารักษาโรงพยาบาลโรคจิต ชอบเดินเตร่เพื่อกินอาหารจากเศษขยะ และมักทำร้ายผู้คนด้วยมีด


               
                  เช้ฟริน โคงโซว์สกี้ 1865-1903


                ฆาตกรเลือดเย็น เป็นลูกช่างไม้ในโปแลนด์ เป็นคนสูงปานกลาง นัยน์ตาสีฟ้า ผมดำ ชอบใส่เสื้อโค้ทดำ รองเท้าบู๊ดหนังมันปลาทและสวมหมวกทรงสูง


                เขาเป็นเสือผู้หญิง แม้จะแต่งงานแล้วแต่เขายังไม่เลิกนิสัยเจ้าช้  เมษายน เขาซื้อยาพิษประเภทผลระยะยาวให้ภรรยากินทกวัน จนกระทั้งเสียชีวิต


                ต่อมาเขาฆ่าภรรยาคนที่สอง เบ๊สซี่ เทย์เล่อร์ และคนที่สาม โมด์ ม้าร์ช ด้วยวิธีคล้าย ๆ กัน


                และต่อมามีการชันสูตรศพทั้งสามและเขาถูกตัดสินแขวนคอในวันที่ 7 เมษายน  1903


               


                โจเซ้ฟ บาร์เน็ตต์


                คนรักเก่าของ แมรี่ เจน เคลลี่ คนขายและขนส่งปลาในตลาด เป็นการสันนิษฐานว่าเขาสังหารโสเภณีเพื่อขู่ให้ แมรี่ เจน เคลลี่ เพื่อขู่ให้เธอเลิกเป็นโสเภณี แต่หลังจากนั้นเขาก็ทะเลาะกับเธอ จนสติไม่อยู่ และลงมือสังหารเธออย่างโหดเหี้ยม


                ฯลฯ


               
                 แน่นอนพวกนี้คือผู้ต้องสงสัย และไม่มีหลักฐานใด ๆ บ่บอกว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่งคือ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์


ติดตามตอนต่อไป


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์