เล็บสวย สุขภาพดี ด้วยสมุนไพรไทย

เล็บสวย สุขภาพดี ด้วยสมุนไพรไทย


เล็บเป็นอวัยวะส่วนเล็กที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าใดนัก แต่เมื่อเวลาเล็บมีปัญหากลับส่งผลกระทบต่อเราอย่างมาก เช่น หยิบจับไม่สะดวกเมื่อเล็บฉีก เดินไม่สะดวกเมื่อเล็บเท้าขบ เล็บแตกเป็นชั้น ปลายเล็บดำดูสกปรก เป็นต้น ดังนั้นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรหลงลืมคือ ดูแลเล็บให้สะอาด ไม่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค เพื่อให้เล็บแข็งแรงสุขภาพดี ซึ่งสมุนไพรในครัวที่เรามีช่วยได้

        เล็บมีส่วนประกอบหลักคือเคราติน ซึ่งเป็นคอลลาเจนชนิดหนึ่งที่ต้องอาศัยโปรตีนในการเจริญเติบโตสร้างเนื้อเยื่อขึ้นใหม่ เป็นอวัยวะที่ไม่มีปลายประสาท อัตราการงอกของเล็บมือประมาณ 0.01 มิลลิเมตรต่อวัน แต่เล็บเท้าจะงอกช้ากว่าเล็บมือประมาณ 2-3 เท่า แต่ยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้น การไหลเวียนโลหิตช้าลงจะส่งผลให้เล็บเจริญเติบโตช้าลงตามไปด้วย หน้าที่สำคัญของเล็บคือช่วยรักษารูปทรงของนิ้วมือ นิ้วเท้า และช่วยรับส่งความรู้สึกเมื่อเวลาหยิบจับวัตถุสิ่งของ

       สมุนไพรในครัวแก้เล็บมีปัญหา

         ปัญหาของเล็บอาจเนื่องมาจากแบคทีเรีย และเชื้อราจำพวกกลากหรือแคนดิดา (Candida) หรือเกิดจากกิจวัตรประจำวันของเรา อย่างเช่น แคะ แกะ เกา ซักผ้าด้วยมือ ล้างจาน สวมถุงมือ สวมรองเท้าที่คับเกินไป โดนหนีบ หรือโดนกระแทกด้วยของแข็ง เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้เป็นปัจจัยทำให้เล็บมีปัญหา ซึ่งบางครั้งเราสามารถแก้ไขในเบื้องต้นได้

         แต่ถ้าหากอาการยังต่อเนื่องลุกลามไปถึงขั้นเสียรูปทรงเล็บ อาจจะต้องบำรุงจากภายในทั้งการรับประทานอาหาร และการฟื้นฟูจากภายนอกโดยการบำรุงด้วยสมุนไพรในระยะหนึ่ง ซึ่งสมุนไพรที่จะช่วยบำรุงเล็บของเราให้ดูสุขภาพดีแข็งแรงนั้นก็หาได้ง่ายในครัวของเรา ได้แก่ ผลมะกรูดไพล ใบพลู และใบฝรั่ง ดังนี้

    รักษาเชื้อราด้วยน้ำมะกรูด

         สาเหตุ
: เชื้อราเป็นโรคอันดับต้น ๆ ที่สามารถเป็นได้ง่ายมาก มักเกิดจากการที่เล็บมือหรือเล็บเท้าอยู่ในที่อับชื้น อากาศไม่ถ่ายเทเป็นระยะเวลานาน เชื้อราส่วนใหญ่เกิดกับเล็บเท้ามากกว่าเล็บมือ เพราะเล็บมือเราแห้งอยู่ตลอดเวลา แต่เล็บเท้าบางครั้งเราสวมรองเท้าและถุงเท้านานเกือบตลอดทั้งวัน โดยที่ไม่ได้ถอดรองเท้าระบายอากาศบ้าง เมื่อเหงื่อออกเท้าเกิดความชื้นก็สามารถก่อให้เกิดเชื้อราที่เล็บและมีกลิ่นเท้าได้

        บริเวณที่เป็น : อาจเริ่มต้นจากบริเวณจมูกเล็บ (Nail Groove) และลามกินแผ่นเล็บ (Nail Plate) ไปเรื่อย ๆ เป็นบริเวณกว้างหรืออาจจะทั้งแผ่นเล็บก็ได้ ส่งผลทำให้เล็บมีสีเหลือง อาจมีกลิ่น และบริเวณที่เป็นเชื้อราจะมีลักษณะขรุขระ แนวทางแก้ไขเบื้องต้นคือ ต้องคอยเล็มส่วนที่เป็นเชื้อราทิ้งไปให้หมด จนกว่าเซลล์เล็บที่เกิดใหม่ไม่มีลักษณะเป็นเชื้อราอีก ถ้าหากยังเป็นอยู่ควรไปพบแพทย์

        บำรุงด้วยสมุนไพร :

        1. นำผลมะกรูดมาคั้นน้ำ และใช้สำลีชุบน้ำมะกรูดทาบริเวณที่ติดเชื้อให้บ่อยครั้ง น้ำมะกรูดจะช่วยฆ่าเชื้อราให้ลดลงจนหมดไป

        2. เน้นบริโภคผักสวนครัวจำพวกกระเทียม หัวหอม ถั่วฝักยาว พริก และบร็อคโคลีหรือผักใบเขียว อาหารทะเลจำพวกหอย ปลา แซลมอน ปลาทูน่า และผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะขาม แตงโม เป็นต้น อาหารเหล่านี้จะช่วยยับยั้งเซลล์แบคทีเรีย และเชื้อราบนผิวหนังให้มีจำนวนลดลงจนหายไปในที่สุด

    ไพล ใบพลู และใบฝรั่งแก้อาการเล็บขบ ช้ำ และเป็นหนอง

       สาเหตุ
: เมื่อเล็บยาวขึ้น แล้วตัดเล็บผิดรูปทรงคือ ตัดให้มีลักษณะปลายโค้งงอเป็นรูปไข่ ทำให้เล็บที่งอกใหม่ไปเจริญฝังและกดแนวจมูกเล็บ หรือสวมรองเท้าที่คับแน่นเท้าจนเกินไป จนทำให้รู้สึกปวดมากเมื่อถูกกดทับ หากปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้ช้ำและอักเสบจนเป็นหนองได้

        บริเวณที่เป็น : อาการนี้เป็นได้กับทั้งเล็บมือและเล็บเท้าในบริเวณจมูกเล็บแนวทางแก้ไข เบื้องต้นคือ หมั่นเล็มขอบเล็บให้บ่อยครั้ง หลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าที่บีบรัดหน้าเท้า และอย่าตัดขอบเล็บให้ลึกจนเข้าไปกินเนื้อ เพราะหากขอบเล็บเกิดแผล เล็บที่งอกใหม่จะเจริญจนไปฝังตัวทิ่มบริเวณที่เป็นแผล

        บำรุงด้วยสมุนไพร :

         1. ใช้แง่งไพลสด 1 แง่ง (ยาวประมาณ 2 นิ้ว) โขลกรวมกับเกลือประมาณ 1 หยิบมือ และข้าวสุกประมาณ 1 กำมือ โขลกจนรวมตัวกันเข้าที่ แล้วนำไปพอกเล็บที่ขบทิ้งไว้ ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออก

         2. ใช้ใบพลูหรือใบฝรั่งประมาณ 3-5 ใบ นำมาตำรวมกับเกลือประมาณ 1 หยิบมือและพอกไว้บริเวณที่เล็บขบ ใช้ผ้าพันเพื่อปิดแผลไว้ ควรพอกอย่างต่อเนื่องประมาณ 5-7 วัน อาการช้ำและเล็บขบจะค่อย ๆ ทุเลาลงจนหายดี และเพื่อความสะอาดควรเปลี่ยนผ้าพันทุกวัน วันละสองเวลาเช้าและเย็น

    เน้นบำรุงโปรตีน เมื่อเล็บบางบิ่นลอกเป็นชั้น เปราะหักง่าย

        สาเหตุ : เกิดขึ้นเนื่องจากพฤติกรรมบางอย่าง เช่น กัดเล็บ การแคะ แกะ เกา ซักผ้า ล้างจาน ทาเล็บเป็นประจำ ต่อเล็บด้วยอะคริลิค สูบบุหรี่ เป็นต้น

        บริเวณที่เป็น : ขอบเล็บ ซึ่งเป็นส่วนที่งอกติดกับแผ่นเล็บ ซึ่งเป็นส่วนที่เราตัดทิ้งได้บ่อยครั้ง แนวทางแก้ไขเบื้องต้นคือ หลีกเลี่ยงการแกะหรือแคะสิ่งแข็ง ๆ เช่น การเปิดฝาน้ำอัดลม เปิดอาหารกระป๋อง หากเล็บไม่แข็งแรงควรใช้อุปกรณ์ช่วยเปิดเพื่อป้องกันไม่ให้เล็บบิ่นหรือฉีกได้ หากเล็บเกิดบิ่นหรือฉีกควรตัดทิ้ง เพื่อไม่ให้รอยบิ่นหรือฉีกลามหนักไปกว่าเดิม และเว้นช่วงไม่ทาเล็บ เพ้นท์เล็บ หรือต่อเล็บ เพื่อให้เล็บได้พักบ้าง การแต่งเล็บเป็นประจำอาจทำให้เล็บอ่อนแอจนเหลืองและเปราะบาง เพราะสารเคมีที่ใช้กับเล็บ เช่น กาวต่อเล็บ หรืออะคริลิค

        วิธีบำรุง : เน้นบริโภคอาหารจำพวกโปรตีน วิตามินเอ วิตามินเอช (ไบโอติน) ซึ่งพบมากในไข่แดง นม ถั่วเหลือง ตับ เห็ด เพื่อเร่งกระบวนการสร้างเล็บขึ้นมาใหม่ให้แข็งกว่าเดิม และอาหารจำพวกแคลเซียมบำรุงเลือดให้ไหลเวียน เช่น ไข่ ถั่วแดง โยเกิร์ต ชีส ผัก โขม เป็นต้น

    บำรุงสังกะสีและวิตามินบี เมื่อเกิดดอกเล็บ (White spots)

        สาเหตุ
: เป็นที่รู้กันดีว่าจุดขาวเล็ก ๆ ใต้แผ่นเล็บ คือดอกเล็บ และไม่ใช่อาการผิดปกติที่ร้ายแรง แต่เป็นเพียงแค่อาการที่ร่างกายเตือนว่ากำลังขาดสารอาหารจำพวกสังกะสี หรือได้รับบาดเจ็บ ได้รับแรงกระทบกระเทือนบริเวณหนังกำพร้าที่ฐานเล็บ หรืออาจได้รับสารเคมีที่เป็นอันตรายเข้าสู่เล็บ ซึ่งไม่ว่าจะโดยสาเหตุใดก็ตาม ดอกเล็บนี้จะหายไปเองเมื่อถึงเวลา

        บริเวณที่เป็น : ใต้แผ่นเล็บ (Nail Plate) มีลักษณะเป็นจุดสีขาว สามารถเกิดพร้อมกันได้ทุกนิ้ว แต่หากบนแผ่นเล็บปรากฏลักษณะเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวสีขาว หรือลูนุลา (Lunula) เกิดขึ้นบริเวณฐานเล็บ (Nail Base) แสดงว่าขณะนั้นยังไม่มีเซลล์เล็บเกิดใหม่นั่นเอง แต่ถ้าไม่มีปรากฏให้เห็นก็ไม่เป็นอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย

        วิธีบำรุง : เน้นบริโภคอาหารจำพวกแร่ธาตุสังกะสีและวิตามินบี เช่น เนื้อสัตว์ปีก อาหารทะเล ถั่วเปลือกแข็ง ผักใบเขียว ข้าวซ้อมมือ และธัญพืชไม่ขัดสี เป็นต้น

        เล็บมือและเล็บเท้าของเราเป็นส่วนสำคัญที่ค่อนข้างบอบบาง ดังนั้นเราควรหมั่นดูแลทำความสะอาดอยู่เสมอ เพราะสุขภาพเล็บสะท้อนได้ถึงสุขภาพกายของเรา ซึ่งไม่จำเป็นว่าเล็บจะสั้นหรือยาวเท่านั้นที่จะทำให้มือเราดูดี หากเราตัดแต่งเล็บให้เป็นรูปทรงอยู่เสมอ นิ้วมือและนิ้วเท้าของเราก็จะดูดีน่ามองได้เช่นกันค่ะ



    การตัดเล็บอย่างถูกวิธี

      1. แช่มือในน้ำ เพื่อทำให้เล็บอ่อนตัวลง ตัดได้ง่ายขึ้น
      2. เริ่มตัดตรงกลางเล็บในแนวเส้นตรง แล้วค่อย ๆ เล็มเก็บมุมทีละด้าน ทรงเล็บที่ถูกต้องควรเป็นขอบตัดคล้ายรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เพื่อป้องกันเล็บที่เกิดใหม่ไม่ให้ไปฝังตัวบริเวณจมูกเล็บ ทำให้เกิดเล็บขบได้ง่าย
      3. ค่อย ๆ ตัดเล็มขอบเล็บให้สั้นลง เพื่อรักษาทรงเล็บเอาไว้ แทนที่จะตัดให้สั้นในครั้งเดียว และเมื่อตัดเสร็จข้างหนึ่งแล้ว ให้คว่ำฝ่ามือดูเล็บว่าตัดเท่ากันหรือไม่
      4. ตะไบขอบเล็บเพื่อลบความคมของรอยตัด โดยเริ่มจากมุมข้างใดข้างหนึ่งไปเรื่อย ๆ
      5. ล้างมือและเช็ดให้แห้ง หรืออาจจะบำรุงด้วยครีมบำรุงเล็บและมือเพิ่มเติมก็ได้

   
5 นาที แก้ไขเล็บถอดด้วยถุงชา

          ถุงชาที่มีอยู่ในครัวนั้นสามารถเป็นเฝือกให้กับเล็บเราได้เป็นอย่างดีค่ะ

         สิ่งที่ต้องเตรียม

         1. ที่ตัดเล็บ
         2. ตะไบเล็บ
         3. ถุงชาที่ทำความสะอาดแล้ว
         4. น้ำยาเคลือบเล็บ

         วิธีทำ

         1. ตัดชิ้นส่วนเล็บที่ฉีกออกอย่างเบามือ แล้วตะไบเล็บลดความคมของรอยตัด
         2. ตัดถุงชาด้วยกรรไกรตัดหนังให้พอดีกับเล็บ
         3. ทาน้ำยาเคลือบเล็บ แล้วนำชิ้นเล็บวางบนถุงชาที่ตัดเตรียมไว้ ในขณะที่น้ำยาเคลือบเล็บยังไม่แห้ง นำถุงชามาแปะไว้กับเล็บ
         4. ทาน้ำยาเคลือบเล็บซ้ำประมาณ 2 รอบ เพื่อให้ถุงชาสมานยึดกับชิ้นเล็บที่หลุด





ที่มา ... สุขกายสบายใจ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์