4 ข้อที่ไม่ควรละเลยกับผู้ชายของคุณ

4 ข้อที่ไม่ควรละเลยกับผู้ชายของคุณ

สามีภรรยาจำนวนไม่น้อยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนานๆ ความหวานรักความตื่นเต้นซึ่งกันและกันก็เริ่มหดหายเหือดแห้งไปตามกาลเวลา ราวกับเป็นเพื่อนร่วมห้อง อยู่กันไปตามหน้าที่ วุ่นแต่เรื่องลูก ถกแต่เรื่องเงิน จู้จี้แต่เรื่องบ้าน โดยลืมไปว่าระหว่างตัวคุณกับสามีนั่นแหล่ะ ที่ต้องหมั่นเติมน้ำมันใส่ตะเกียงรักของพวกคุณกันด้วย เริ่มด้วยวิธีง่ายๆดังนี้

ข้อ1 : ติดปาก “รบกวนช่วย...” “ขอบคุณ” เสมอ

ไม่ใช่แค่มีมารยาทพูด “รบกวนช่วยทำ…ให้หน่อยนะคะ” เวลาที่คุณต้องการให้เขาทำอะไรให้คุณ หากจงติดปาก “ขอบคุณ” ทุกครั้งหลังจากเขาทำอะไรให้คุณแล้วด้วย เนื่องจากคำพูดเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า คุณซึ้งน้ำใจที่เขาทำให้จริงๆ ไม่ใช่เออทำมาเหอะ เป็นหน้าที่ ยังไงก็ต้องทำอยู่แล้ว

ลองกลับไปคิดสมัยอินเลิฟออกเดทกันสิคะ เวลาคุณผู้หญิงอยากได้อะไรก็มักออดอ้อนขอเขาด้วยคำพูดไพเราะอ่อนหวานมิใช่หรือ (คุณผู้ชายก็เช่นกัน ตอนคุณขอสาวเจ้าแต่งงาน คุณพูดอย่างไรกับเธอล่ะ ถึงทำให้เธอโอเคเซย์เยสได้) ก็แค่ย้อนกลับไปใช้กลเม็ดเด็ดพรายมธุรสวาจาเดิม แล้วเขาก็จะพร้อมยินดีทำอะไรๆ ให้คุณสุดใจขาดดิ้นเลย


4 ข้อที่ไม่ควรละเลยกับผู้ชายของคุณ

ข้อ2 : จูบทุกเช้า
      
ทุกเช้าคุณอาจยุ่ง ต้องรีบแต่งตัวฝ่ารถติดไปทำงาน ทว่าเจียดเวลาสักนิด จุ๊บ จุ๊บ สามีหน่อยปะไร เพราะการจูบทำให้รู้สึกถึงความรักความอ่อนโยน เป็นรอยสัมผัสที่นำไปสู่ความเสน่หา นักจิตวิทยา Paul Zeal บอกว่า การจูบทำให้คุณนับถือตัวเองมากขึ้น “เมื่อคุณถูกจูบ คุณจะรู้สึกเป็นสุข และรู้ว่ามีใครสักคนต้องการคุณ และนั่นทำให้คุณรู้สึกดีๆ กับตัวเอง”

ยิ่งกว่านั้น การจูบยังทำให้ร่างกายหลั่งสารอะดรีนาลีน (Adrenaline) ที่จะเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และเพิ่มการสูบฉีดเลือด ร่างกายจึงฟิตมากขึ้น"จูบช่วยทำให้คุณฟิตขึ้น" DR Susan Hotchkies ฟันธงไว้ Michelle Kay Mcnabb ที่ปรึกษาในการลดความเครียด ก็เผยข้อดีอีกว่า “จูบเป็นเทคนิคอย่างหนี่งในการลดความเครียด เพราะตำแหน่งของปากในขณะที่จูบนั้น จะอยู่ในตำแหน่งใกล้จะยิ้ม ซึ่งในภาวะอย่างนี้จะพลอยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายไปด้วย”

ถือว่า เป็นการเติมพลังซึ่งกันและกันตั้งแต่เช้า ทว่าไม่ต้องจัดเต็มนะคะ เดี๋ยวเครื่องติด! มิต้องออกไปทำงานกันพอดี

ข้อ3 : หมั่นกอดด้วยความรักใคร่
      
       อานุภาพของการกอดมหาศาลนะคะ เมื่อมือของคุณยื่นออกไปกอดผู้อื่นยามมีปัญหานั้น มีพลังมากกว่าที่คุณคิด ในคอลัมน์ข่าวสารการวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพ หนังสืออาหาร&สุขภาพ ปีที่19 ฉบับที่122 พ.ศ.2549 ถ่ายทอดไว้ว่ามีการค้นพบใหม่จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเวอร์จิเนีย และมหาวิทยาลัยแห่งรัฐวิสคอนซินว่า การกอดช่วยทำให้สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตื่นตัวมีความเยือกเย็นลง นักประสาทวิทยาได้ให้สตรีที่สมรสแล้ว 16 คน มาอยู่ในสถานการณ์ที่มีความเครียด(พวกเธอทราบดีว่าได้รับการช็อคด้วยไฟฟ้าอ่อนๆ) และพอให้อาสาสมัครชายที่มีความเป็นเพื่อนเข้ามาจับมือสตรีเหล่านั้นผลสแกนพบว่าส่วนของสมองที่ตอบสนองต่ออันตรายนั้นมีกิจกรรมลดน้อยลง และผลยิ่งมากขึ้นได้อีกเมื่อผู้ที่ยื่นมือให้จับเป็นคู่สมรสของสตรีเหล่านี้เอง“การสัมผัสในรูปแบบการกอด, โอบไหล่ ช่วยลดความกระวนกระวาย และลดปริมาณฮอร์โมนความเครียดที่สมองผลิตลงได้”

ด็อกเตอร์ เจมส์ โคแอน, Ph.D. หัวหน้านักวิจัย และศาสตราจารย์ภาควิชาจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์ด้านประสาทจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเวอร์จิเนีย ยังระบุว่า"ที่จิตใจผ่อนคลายลงอาจเป็นเพราะมีใครบางคนอยู่ที่นั่นคอยช่วยเหลืออยู่" ใครบางคนอยู่ที่นั่น ก็คือ คู่สมรส

ดังนั้นคนรักกันต้องหมั่นกอดกันเป็นประจำนะคะ อย่ามัวเขินอาย เกรงใจลูกกันอยู่เลย แล้วคุณจะรู้สึกดี๊ดี ไม่เหงา ไม่กลัว ตรงกันข้าม กลับเกิดความภาคภูมิใจ มีใครสักคนรักเรา ห่วงเรา พร้อมมอบความอบอุ่นให้เราตลอดเวลา


4 ข้อที่ไม่ควรละเลยกับผู้ชายของคุณ

ข้อ4 : ใช้สรรพนามให้เกียรติกัน
      
หมายไปถึงทั้งบุรุษที่หนึ่ง-สอง-สาม ซึ่งขึ้นกับแต่ละคู่อายุห่างกันขนาดไหน คบกันในสถานภาพสังคมใด เริ่มต้นคบเรียกกันยังไง “แรกๆ คบกันเรียก ‘พี่’ อยู่ด้วยกันแล้วเริ่มคุ้นเคยเรียก ‘ตัวเอง’ จะใช้งานเรียก ‘ที่รัก’ อารมณ์ไม่ดีทะเลาะกัน ‘ชั้น-เธอ’ มาเลย” สาวนางนี้บอกยังไม่ถึงขั้นขึ้น ‘กรู-มรึง’!ค่ะ การใช้สรรพนามระหว่างสามีภรรยามักหนีไม่พ้นช่วงเวลาความคุ้นเคยสถานภาพที่เปลี่ยนไป ทว่ามักหนีไม่พ้นภาวะอารมณ์เป็นเงื่อนไข ยิ่งเวลาเม้าท์มอยกับเพื่อนสาวด้วยกัน บางนางเรียกสามีซึ่งเป็นบุรุษที่สามว่า ‘มัน’ ซะงั้น

“ปิยวาจา พูดกันด้วยวาจาไพเราะ” ขอคัดคำสอนจากมงคลชีวิตในประเด็นนี้มาบอก “แม้การตักเตือนกัน ก็ต้องระมัดระวังคำพูด ถ้าถือเป็นกันเองมากเกินไป อาจจะเกิดทิฐิ ทำให้ครอบครัวไม่สงบสุข โดยถือหลักว่า ก่อนแต่งงานเคยพูดไพเราะอย่างไร หลังแต่งงานก็พูดให้เพราะๆอย่างนั้น”

ดูคู่สามีภรรยาน่าอิจฉา อย่าง เคน ธีรเดช - หน่อย บุษกร แต่ไหนแต่ไร เราจะเห็นเคนเรียก ‘คุณหน่อย’ อย่างให้เกียรติทุกครั้งที่ถูกถามถึง หรือแม้แต่ชมพู่-อารยา แม้ยังไม่แต่งงานกับเศรษฐีหลอดไฟ นางก็เรียก ‘คุณน็อต’ ทุกคำเวลาให้สัมภาษณ์ ซึ่งนอกจากบ่งแสดงถึงความรักและเคารพต่ออีกฝ่ายแล้ว ยังสะท้อนมารยาทความเป็นผู้ดีมีเสน่ห์ของผู้พูดเองด้วย

จำไว้นะคะ หากคุณพูดให้เกียรติชายคนรักของคุณ คุณก็จะได้รับเกียรตินั้นกลับคืนมาค่ะ


ขอบคุณ Celeb Online

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์