4 ปัญหา ติดอันดับคับหัวใจชาย

4 ปัญหา ติดอันดับคับหัวใจชาย


ผู้ชายเป็นเพศที่ถูกสร้างมาให้แข็งแรงกว่า การดูแลรักษาสุขภาพของผู้ชายก็ไม่ได้มีการพูดถึงมากเท่ากับในเรื่องการดูแลสุขภาพของเด็ก หรือผู้หญิง มีการประเมินถึงปัญหาสุขภาพชายที่ก่อปัญหากวนหัวใจ และคุณภาพชีวิตติดอันดับอยู่ 4 เรื่องด้วยกัน

1. หย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Impotence)

ศัพท์เฉพาะทางคือ male erectile dysfunction หรือที่เรียกกว่า อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ อวัยวะชายไม่แข็งตัว และไม่สามารถกระทำร่วมรักได้ราบรื่น ส่วนมากจะเกิดขึ้นกับชายวัยสูงอายุ ในปี ค.ศ. 1993 มีการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าร้อยละ 52 ของผู้ชายในช่วงอายุระหว่าง 40 และ 70 ปี หย่อนในสมรรถภาพทางเพศ

สาเหตุอันดับหนึ่งถึงร้อยละ 90 เกิดขึ้นจากปัญหาทางจิตใจ กังวล เครียด อารมณ์ผันผวนขี้โมโห ความสิ้นหวัง และหมดความมั่นใจ ฯลฯ แต่เมื่อไม่นานมานี้มีการค้นคว้าล่าสุดพบว่า ร้อยละ 50 เท่านั้นที่มีสาเหตุมาจากปัญหาทางจิตใจ ที่เหลือจะเกิดจากปัญหาทางกายภาพมากกว่า เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคที่เกี่ยวกับภาวะของประสาท จากอุบัติเหตุที่สมอง มีระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูง หรือ ระดับฮอร์โมนของเพศชายเทสเตอสเตอร์โรน (testosterone) ลดลง
การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือขาดการออกกำลังกายก็เป็นสาเหตุของอาการนี้ ประมาณหนึ่งในสี่ของชายที่หย่อนสมรรถภาพทางเพศ เกิดจากผลข้างเคียงของยารักษาโรคบางอย่าง รวมไปถึงการรับสารเสพติดบางชนิดด้วย

หนทางป้องกัน และเยียวยา

รับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทาง และจิตแพทย์ด้วย เปลี่ยนยารักษาโรคอื่นที่ใช้อยู่เปลี่ยนการบริโภคอาหารเน้น ไขมันต่ำ และไฟเบอร์สูง เสริมอาหารที่มีวิตามิน แร่ธาตุ และสมุนไพร เพิ่มมากขึ้นออกกำลังกายแบบแอโรบิค ให้เหนื่อยต่อเนื่องอย่างน้อย 30 นาที

2. หลั่งเร็ว (Premature Ejaculation)

การหลั่งเร็วเกิดขึ้นร้อยละ 10 ในผู้ชาย สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากจิตใจ บางคนเกิดขึ้นก่อนหรือระหว่างปฏิบัติการ ชายส่วนใหญ่มักจะถึงจุดสุดยอดในการร่วมรักในเวลาประมาณ 2 นาที หลังจากที่พาเจ้าน้องชายโลดแล่นสู่โลกแห่งความสุขของฝ่ายหญิง โดยธรรมชาติผู้หญิงมักจะถึงจุดสุดยอดช้ากว่าผู้ชาย ซึ่งความสมบูรณ์แบบอันน่าพึงใจของทั้งฝ่ายคือการไปถึงจุดสูงสุดพร้อมๆ กัน
ดังนั้นชายที่บรรลุจุดสุดยอดเร็วกว่าฝ่ายหญิง ส่วนใหญ่จะหลั่งเร็ว เรื่องนี้คุณสามารถปรึกษาแพทย์เฉพาะทางดีที่สุด

สาเหตุนั้นหลากหลาย แต่ส่วนมากมาจากความกังวล หรือคิดว่าตัวเองด้อยในเรื่องเพศ การหลั่งเร็วสะท้อนมาจากประสาทภายใต้การควบคุมของจิตใจ เสมือนกับการควบคุมกระเพาะปัสสาวะ ที่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ ดังนั้นกุญแจสำคัญจึงอยู่การรับรู้ของความรู้สึกทางร่างกาย และควบคุมของการหลั่งให้ได้

มีวิธีแก้ 3 ทางที่นิยมมากที่สุดที่คุณน่าจะลองดู คือ

- “หยุด แล้วค่อย เริ่มใหม่” ยุติปฏิบัติการ หรืออาจจะถึงขั้นถอนตัวน้องชายออกมาก็ได้ แล้วพักประมาณ 20-30 วินาทีจึงค่อยเริ่มใหม่
- “บีบ” ส่วนคอของอวัยวะเพศชาย นานประมาณ 3-4 วินาที เพื่อชะลอการหลั่ง
- วิธีการใช้ยาที่สามารถซื้อได้จากร้านขายยา เช่น ยาทา หรือสเปรย์ฉีด เพื่อทำให้อวัยวะเพศชาย รู้สึกชาชั่วครู่ การใช้ถุงยางอนามัยก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง เพื่อลดความรู้สึกทางเพศจากร่างกาย และ ชะลออาการถึงจุดสุดยอด

3. ต่อมลูกหมากโต (Prostate Enlargement)
ต่อมลูกหมากอยู่ใต้กระเพาะปัสสาวะ เกินกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ชาย ที่มีอายุเกิน 50 ปี จะมีอาการต่อมลูกหมากโต (HealthToday เคยเสนอไปแล้วในฉบับที่ 5) เนื่องจากมีความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ ในรายที่ไม่ใช่มะเร็ง ปัญหาของต่อมลูกหมากจะเบียดทางเดินปัสสาวะ (urethal canal) ทำให้ปัสสาวะไม่สะดวก อาการเจ็บปวดอาจจะมีไม่มาก แต่จะมีการสะสมของปัสสาวะ อาจทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะก็เป็นได้
การที่ต่อมลูกหมากโตมีโอกาสพัฒนาเป็น มะเร็งต่อมลูกหมากได้ (prostate cancer) ดังนั้นจึงควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษา เช่นการใช้ตัวยา finasteride เพื่อทำให้ต่อมลูกหมากหดลง การผ่าตัด การฝังเข็ม เพื่อลดอาการบวมหรือพอง การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำมัน หรือ ไขมันสูง เลี่ยงคาเฟอิน เลิกสุรา และบุหรี่

4. ต่อมลูกหมากอักเสบ (Prostatitis)
อาการอักเสบของต่อมลูกหมาก เป็นกันได้ทั้งในผู้ชายที่มีอายุน้อยตั้งแต่ 20 ปี – 50 ปี สาเหตุหลักเกิดจากการติดเชื้อ ที่มาจากส่วนอื่นของร่างกาย แล้วลุกลามไปถึงต่อมลูกหมาก อาการนี้ใกล้เคียงกับต่อมลูกหมากโต คือทางเดินปัสสาวะถูกกดทำให้ปัสสาวะลำบาก เจ็บ บวม อาจมีไข้หนาวสั่น ปัสสาวะบ่อยแต่น้อย และรู้สึกแสบ อาจตามด้วยอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า โรคกามตายด้าน และระบบปัสสาวะจะมีปัญหามากขึ้น หากไม่รักษาการอักเสบให้หาย

ดังนั้นจึงอย่ารอช้าที่จะไปพบหมอ ซึ่งเขาจะรักษาด้วย ยาปฏิชีวนะ (antibotics) และยาแก้ปวด พร้อมกับนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ดื่มน้ำให้มากขึ้นเพื่อปัสสาวะล้างสิ่งที่อยู่ในระบบปัสสาวะออกมาให้หมด และป้องกันแบคทีเรียไม่ให้เข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ ธาราบำบัด (Hydrotheraphy) เป็นการนวด เพื่อเพิ่มการหมุนเวียนบริเวณต่อมลูกหมาก โดย

1. นั่งแช่ในน้ำอุ่นๆ นานประมาณ 15 – 20 นาทีต่อครั้ง วันละ1-2 ครั้ง
2. ใช้น้ำอุ่นชะล้างช่วงท้องน้อย และเชิงกราน ประมาณ 3 นาที แล้วก็ใช้น้ำเย็นอีก 1 นาที
3. นั่งแช่น้ำอุ่น แต่ให้วางเท้าทั้งคู่ไว้ในอ่างน้ำเย็น ประมาณ 3 นาที แล้วก็ทำสลับกันอีก 1 นาที

นอกเหนือจาก 4 ปัญหาที่กล่าวมาแล้ว ยังมีอาการอีกมากที่อาจเกิดขึ้นได้กับเฉพาะผู้ชาย ดังนั้นการตรวจร่างกายเป็นประจำ จะทำให้คุณกำจัดปัญหาได้แต่เนิ่นๆ รักษาสุขภาพ ออกกำลังกาย และใส่ใจเรื่องอาหารการกิน คือสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม การดูแลสุขภาพไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้หญิง เพราะผู้ชายอย่างคุณๆ ก็ถึงเวลาที่จะต้องดูแลตัวเองมากขึ้นแล้ว


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์