ชาติหมามันอยู่ตรงไหน ?

ชาติหมามันอยู่ตรงไหน ?


ด้วยต้องการจะให้ชาวพุทธรู้จักพระพุทธศาสนาที่แท้จริงนี่เอง

ท่านหลวงพ่อจึงเทศน์ออกไปตรงๆ ดังๆ อย่างไม่เกรงใจใคร หรือไม่กลัวทั้งสิ้นว่าการเปิดเผยความจริงในหลักธรรมตามที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนไว้ จะไปกระทบใครให้ต้องกระเทือน แต่ถ้าหากท่านมัวแต่เกรงใจ หรือเกรงกลัวใครอยู่ สังคมไทยก็จะมืดบอด ศาสนาของพระพุทธองค์ก็จะถูกบิดเบือนเบี่ยงเบน 

ท่านก็จะถูกกล่าวหาว่า "เป็นคนอกตัญญู"

ที่เข้ามาพิงอาศัยชายคาพระศาสนาของพระพุทธองค์แล้ว กลับทำเป็นคนหูหนวก ตาบอด ไม่กล้าบอกความจริงแท้ในพระธรรมของพระพุทธองค์ให้แก่ประชาชนได้รับรู้ ทำให้ผู้คนเขาดูหมิ่นพระพุทธศาสนาได้ ว่าไม่ต่างอะไรกันกับลัทธิถือสางนางไม้ ก้อนหินดินจอมปลวก ที่อนารยชน (คนล้าสมัยไกลยุค) นับถือกันอยู่ ท่านหลวงพ่อจึงยอมมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จะขอทำหน้าที่อย่างถูกต้องที่สุด โดยไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดๆ พลังใจอันเด็ดเดี่ยวของท่านเช่นนี้ เกิดขึ้นเพราะท่านถือคติที่ว่า "ถ้าจะตายเพราะการพูดความจริง ชีวิตก็ยังน่าสรรเสริญกว่าการเป็นอยู่ที่หลอกลวงต้มตุ๋นคนให้หลงโง่งมงาย" การออกมาเปิดเผยความจริงของท่าน จึงทำให้บุคคลบางเหล่าที่เขาเห็นแก่ลาภ สักการะ ไม่รักความจริง ไม่ซื่อสัตย์ต่อหลักการของพระพุทธศาสนาเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก คนกลุ่มนี้ เขาคอยแต่จะกันคนให้ห่างไกลออกไปจากธรรมะที่ถูกต้องกระทำการหลอกลวงชักจูงชาวบ้านให้หลงงมงายอยู่กับพิธีรีตอง และเรื่องอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อันไร้สาระ ซึ่งนอกจากไม่ใช่หลักคำสอนของพระพุทธศาสนาแล้ว ยังจะเปรียบเสมือนกับกาฝาก ที่คอยแอบแฝงและทำลายพระพุทธศาสนาให้เฉาตายลงไปทีละน้อย

เมื่อพวกเขาเห็นว่าวิธีการสอนของท่านหลวงพ่อ

เป็นการปิดหนทางทำมาหากินของพวกตน จึงพากันออกมาโจมตีด่าว่าท่านต่างๆ นานา ทางจดหมายบ้าง ทางโทรศัพท์บ้าง สร้างบัตรสนเท่ห์บ้าง ตามแต่ที่สมองลีบๆ ของพวกเขาคิดจะทำได้ ในวิธีการต่างๆ เหล่านั้น พวกเขายังได้จัดพิมพ์หนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งกล่าวโจมตีท่านหลวงพ่อด้วยวาทะหยาบๆ เสียๆ ทั้งยังได้ลงรูปของท่าน แต่ได้เติมแต่งหูแต่งปากยื่นยาวออกไป และเขียนข้อความไว้ใต้ภาพนั้นว่า "ชาติหมา"  มีคนเอาหนังสือเล่มนั้นไปให้ดู ท่านหลวงพ่อเห็นแล้วก็นิ่งเฉย ไม่แสดงปฏิกิริยาโกรธตอบใดๆ เหมือนกับท่านจะรู้ล่วงหน้าแล้ว ว่าสักวันหนึ่งเหตุการณ์เช่นนี้จะต้องเกิดขึ้น แต่คนที่โกรธหนักและยอมไม่ได้ ก็คือบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของท่านเอง  พวกลูกศิษย์เหล่านั้น พากันมาขอให้ท่านหลวงพ่อไปแจ้งความ เพื่อจะได้ดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทกับบุคคลเหล่านี้  คนที่เขาด่าเรา ถ้าเราสงบเสีย ไม่ไปตอบโต้ใดๆ เขาก็หมดข้อมูลใหม่ๆ ที่จะมาใช้ด่าเรา แต่ถ้าเราไม่รู้จักยอมสงบเสียบ้าง ไปด่าตอบโต้เขา ก็จะทำให้เขาได้ข้อมูลใหม่ๆ มาด่าเราเพิ่ม มันเหมือนกับช่วยเปิดแผลที่ตัวเราให้เขาเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น

เวลาที่จมูกของเราได้กลิ่นเหม็นๆ ลอยมา เราสามารถปฏิบัติกับมันได้ 3 วิธี คือ

1. ปิดจมูกของเราเสีย
2. เดินหนีออกไปจากบริเวณนั้น
3. อดทนเข้าไว้ ไม่ต้องไปทำอะไรกับมัน ไม่นานกลิ่นนั้นมันก็จะหายไปเองกับสายลม อย่าไปบ้าถึงขนาดต้องวิ่งไล่ตีลมให้เมื่อยเลย

เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราก็เช่นกัน

1. ต้องรู้จักใช้สติปิดกั้นไมให้อารมย์เสียๆ เข้ามาทำร้ายจิตใจเราได้
2. หนีออกให้ห่าง คือไม่เอาใจไปดึงมันเข้ามาเป็นอารมณ์
3. นิ่งเฉยกับมันเสีย ไม่นานนัก มันก็จะดับลงไปได้เองตามกฏของอนิจจัง

" แต่พวกขาด่าหลวงพ่อนะครับ หลวงพ่อจะยอมพวกเขาไปทำไม?" ลูกศิษย์คนนั้นยังยืนยันที่จะเอาเรื่องอยู่ แม้อารมณ์จะเย็นลงได้บ้างแล้วก็ตาม "เขาด่าว่ายัง ?" ท่านหลวงพ่อถามเหมือนกับไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไร หลวงพ่อไม่เห็นหรือครับ ก็เขาด่าหลวงพ่อว่า 'ชาติหมา' นี่ไงครับ !" เขาตอบพร้อมกับเปิดรูปนั้นให้ท่านดู "คุณไปเอาแผนที่โลกมาดูซิ" ท่านหลวงพ่อสั่ง ลูกศิษย์คนนั้นทำท่างงๆ กับคำสั่งนั้น แต่ก็ทำตามโดยไม่รอคำอธิบาย เมือ่ได้แผนที่โลกมาแล้ว ท่านหลวงพ่อก็สั่งเขา (อีก)ว่า ไหนคุณลองชี้ให้หลวงพ่อดูซิว่า ชาติหมา มันอยู่ตรงส่วนใหนของโลก ลูกศิษย์คนนั้นตะลึง ไม่นึกว่าท่านหลวงพ่อจะมาไม้นี้ จะให้ชี้ได้อย่างไรล่ะ ก็ในเมื่อในแผนที่โลกนั้นไม่มี ชาติหมา ปรากฏอยู่เลย เราเองก็น่าใช้วิธีการเดียวกับท่านบ้าง ถ้ามีใครมาด่าเรา หัดชี้ออกไปจากตัวเองเสียบ้าง แล้วคำด่านั้นมันก็จะไม่ตกที่เรา แต่ถ้ามีใครมาพูดอะไรให้ขัดหู แล้วเราชี้ลงมาที่ตัวเองว่า "มันด่ากู" คำด่ามันก็จะลงที่ตัว (กู) ของเรา


ชาติหมามันอยู่ตรงไหน ?


ขอบคุณที่มา

เว๊ปไซต์ธรรมะไทย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์