ซีสต์เต้านม ศัตรูของสาวๆ

ซีสต์เต้านม ศัตรูของสาวๆ


สาวๆลองคลำสำรวจความผิดปกติของเต้านมบ้างหรือเปล่า

วิธีตรวจเต้านมด้วยตนเองก็ไม่ยาก เพียงนอนลง ยกแขนข้างหนึ่งแล้วใช้ปลายนิ้วมืออีกข้างหนึ่งคลำให้ทั่ว หากคลำพบสิ่งผิดปกติ เช่น มีก้อนเล็กหรือก้อนใหญ่ที่เต้านมก็ควรไปพบแพทย์ อย่าได้นิ่งนอนใจหรืออายหมอเพราะมันอาจไม่ใช่ซีสต์ธรรมดาที่ยุบไปได้เอง แต่มันอาจเป็นซีสต์ที่ยุบหนอพองหนอเรื้อรัง หรือเป็นมะเร็งเต้านมก็ได้ ซึ่งในปัจจุบันมีสาวๆที่เป็นซีสต์เต้านมกันมากจนน่าหวั่นใจ เราจึงควรมาทำความรู้จักกับซีสต์เต้านมว่าเป็นอย่างไร มีอันตรายมากน้อยแค่ไหน

ซีสต์เกิดขึ้นได้อย่างไร

เป็นผู้หญิงก็คงหนีไม่พ้นวงจรรอบเดือนในแต่ละเดือน และรอบเดือนนี่แหละที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้ฮอร์โมนเพิ่มมากขึ้นในช่วงนี้ และตัวรังไข่จะถูกกระตุ้นให้การเปลี่ยนแปลงเพื่อเตรียมพร้อมที่จะมีไข่ตกและเตรียมให้มีการฝังตัวของรังไข่เมื่อมีการตั้งครรภ์ ต่อมน้ำนมก็จะพองตัวขึ้นด้วยเพื่อเตรียมผลิตน้ำนม และเมื่อฮอร์โมนลดลง ประจำเดือนหมด ต่อมน้ำนมก็จะยุบลง แต่ถ้าต่อมน้ำนมพองตัวแล้วไม่ยุบลงก็จะเกิดเป็นซีสต์ขึ้นมา ซึ่งซีสต์จะมีหลายขนาด คือมีขนาดตั้งแต่ 1 มิลลิเมตรจนถึงหลายๆ ซม. ถ้าเป็นซีสต์ขนาดเล็กก็มักจะยุบเองได้ แต่ซีสต์บางชนิดมีความผิดปกติ คือไม่ยุบตัวจึงจำเป็นต้องรักษา หรือซีสต์บางชนิดก็จะไม่หายเอง จะเป็นเรื้อรัง และถ้ามีความผิดปกติเกินความความคุมของระบบในร่างกายก็อาจกลายเป็นมะเร็งได้

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดซีสต์

 • มีการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินไป (แต่ถ้าขาดฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้ผู้หญิงเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนได้)

• สิ่งแวดล้อมและอาหารปนเปื้อนสารเคมีไปช่วยกระตุ้นให้มีการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนมากขึ้น

อาการของซีสต์

ซีสต์เพิ่มจำนวนขึ้นเนื่องมาจากฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งอยู่ในเซลล์ของเต้านม พร้อมกันนี้เซลล์จะเติบโตขึ้นในต่อมน้ำนม และจะรู้สึกเจ็บก่อนมีประจำเดือนทำให้รู้สึกตึงเต้านมเล็กน้อย จนกระทั่งเจ็บเมื่อสัมผัสแตะต้อง ผู้หญิงอาจกังวลว่าเป็นมะเร็งเต้านมหรือไม่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วซีสต์ส่วนใหญ่จะไม่กลายเป็นมะเร็ง โดยสังเกตได้คร่าวๆด้วยตัวเองคือ ซีสต์จะโตๆยุบๆตามรอบเดือน แต่มะเร็งจะโตขึ้นเรื่อยๆ อาการของซีสต์เต้านมจะเจ็บปวด ส่วนมะเร็งจะไม่มีอาการเจ็บปวด นอกจากนี้ซีสต์จะมีลักษณะเป็นก้อนนุ่มๆ แต่มะเร็งจะเป็นก้อนแข็งๆ

การรักษา

หากรู้สึกเป็นกังวลและต้องการรู้ว่าเป็นอะไรกันแน่ควรไปพบแพทย์ ซึ่งขั้นแรกแพทย์อาจใช้เข็มฉีดยาเจาะและดูดออกมา หากน้ำที่ออกมาเป็นสีขุ่นใส่ๆหรือสีน้ำนม หรือสีเทาออกเขียวก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ถ้าน้ำเป็นสีเลือดจางๆก็ต้องระวังเพราะอาจมีเซลล์มะเร็งมาเกี่ยวข้อง แต่ถ้าแพทย์แน่ใจว่าซีสต์ที่ตรวจพบไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่เป็นมะเร็ง ก็ไม่จำเป็นต้องผ่าตักให้มีแผลเป็น แต่จะใช้วิธีเจาะและดูดให้ก้อนซีสต์ยุบตัวลง แต่หากซีสต์ที่พบมีเนื้อปนอยู่หรือเป็นซีสต์เนื้อ แพทย์จะต้องผ่าตัดหรือเจาะเนื้อเพื่อนำไปพิสูจน์ว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ (ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ๆในการเจาะชิ้นเนื้อไปตรวจโดยไม่ต้องผ่าตัด) และเมื่อเคยเป็นซีสต์มาแล้วก็อาจะเป็นใหม่ที่จุดเดิม หรือที่ใหม่ก็ต้องหมั่นตรวจเช็กตามแพทย์นัด

เมื่อไหร่ควรอัลตราซาวนด์และทำแมมโมแกรม

หากเจาะและดูดแล้วซีสต์ไม่หายไปก็อาจะต้องทำอัลตราซาวนด์และแมมโมแกรม ซึ่งมักทำทั้งสองอย่างควบไปด้วยกัน ความต่างก็คือ อัลตราซาวนด์บอกได้เพียงว่าเป็นซีสต์หรือเป็นก้อนตัน คือสามารถเห็นซีสต์ที่มีอยู่ แต่การทำแมมโมแกรมจะบอกไม่ได้ว่าเป็นก้อนตันหรือซีสต์ แต่จะเห็นเป็นก้อนขาวๆ ซึ่งบอกได้ว่ามันเป็นก้อนธรรมดาหรือมีแคลเซียมเกาะ ถ้าซีสต์ไม่ลึกมาก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็สามารถตรวจได้ด้วยนิ้วเพื่อดูความหยุ่นเหมือนลูกโป่ง ซึ่งคุณอาจไม่ต้องทำแมมโมแกรมหรืออัลตราซาวนด์ก็ได้ คือเจาะแล้วดูดออกเท่านั้น ซีสต์ก็๗ยุบหายไป และเมื่อเอาไปตรวจแล้วไม่พบเซลล์มะเร็ง ซีสต์ไม่โผล่ขึ้นมาอีกก็หายห่วงได้เลย แต่กรณีที่เจาะแล้วยุบไม่หมด มีเลือด ไม่ว่าจะเป็นเซลล์แบบไหนก็จะให้ทำแมมโมแกรม

มะเร็ง..ภัยเต้านมของผู้หญิง

นอกจากซีสต์จอมวุ่นที่คอยรุกรานความสงบสุขของเต้านมผู้หญิงแล้ว ก็ยังมีมะเร็งที่เป็นศัตรูตัวร้ายของผู้หญิง ซึ่งนับวันยิ่งเพิ่มจำนวนผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมากขึ้น ทำสถิติแข่งกับมะเร็งปากมดลูกทีเดียว ดังนั้นหากสาวๆคลำพบความผิดปกติของเต้านมก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรไปพบแพทย์ด่วน เพราะถ้าก้อนเนื้อร้ายยังเล็กอยู่ (ไม่เกิน 1 ซม.) ก็สามารถรักษาให้หายได้ถึง 90%

ผู้ที่มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม

 น้ำหนักเกิน เพราะมีการเพิ่มฮอร์โฒนเอสโตรเจนมากขึ้นในเซลล์ และฮอร์โมนตัวนี้เป็นตัวทำให้เกิดเซลล์มะเร็งที่เต้านม
• ไม่มีบุตร
 •มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง
• มีประจำเดือนตั้งแต่อายุ 12 ปีและจนอายุ 45 ปีขึ้นไปก็ยังไม่หมด
 •มีลูกคนแรกอายุ 35 ปีขึ้นไป
• กินฮอร์โมนเป็นประจำ ยกเว้นแพทย์สั่ง

ที่มา จาก ผู้หญิงนะคะดอทคอม

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์