ปิดเทอมสร้างสรรค์....หาอะไรทำกันดีกว่า

ปิดเทอมสร้างสรรค์....หาอะไรทำกันดีกว่า



"เดินห้าง ดูทีวี เล่นอินเทอร์เน็ตและเกมคอมพิวเตอร์" กิจกรรมหลักของเยาวชนไทยที่ใช้เวลาหมดในช่วงปิดเทอมใหญ่ผลสำรวจของเอแบคโพลในช่วงปี 2548 และ 2551 พบว่า นอกจากเด็กใช้เวลาอยู่หน้าจอตู้เกือบทุกวัน วันละ 4-6 ชั่วโมง กิจกรรมอื่นอีกที่ผลสำรวจพบคือ เกือบหนึ่งในสามมีกิจกรรมที่ไม่สร้างสรรค์ด้วยการมีเพศสัมพันธ์กับแฟน ส่วน 1 ใน 5 ของกลุ่มตัวอย่างเยาวชนใช้เวลาไปกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

"ส่วนที่เห็นเด็กนั่งขลุกอยู่กับคอมพิวเตอร์นานๆ เฉลี่ย 2 ชั่วโมง 42 นาทีต่อวัน จำนวนเงินที่จ่ายในการใช้อินเทอร์เน็ตแต่ละครั้งเฉลี่ยอยู่ที่ 45 บาท ที่น่าตกใจพวกเขาส่วนใหญ่เกินครึ่ง ใช้เพื่อดูภาพโป๊ เปลือย หรือดูวิดีโอหรือดีวีดีที่ไม่เหมาะสม แถมโอกาสของบุตรหลานที่ต้องพึ่งพาการใช้คอมพิวเตอร์จากร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ปัญหาที่ตามมาคือ การถูกข่มขู่ รีดไถ ถูกทำร้ายร่างกายตบ ตี ชก ต่อย และถูกลวนลามทางเพศ บางรายถูกล่อลวงไป ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของศูนย์เฝ้าระวังภัยเทคโนโลยี มูลนิธิกระจกเงาที่พบว่า ช่วงปีที่แล้วมีเด็กหายถึง 70 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง 11-15 ปี ด้วย"

ไม่เพียงแต่ปัญหาที่เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของตัวเด็กและเยาวชนแล้ว ปัญหาต่อสุขภาพที่คุณหมอเด็ก อย่าง นพ.สุริยเดว ทรีปาตรี ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีข้อมูลว่า เด็ก 70-80% จะน้ำหนักตัวเพิ่ม 3-4 กิโลกรัมต่อการเปิดเทอมครั้งหนึ่ง เพราะอยู่หน้าจอตู้ หน้าจอคอมพ์ กินอาหารไม่เป็นประโยชน์ ไม่ได้ออกไปวิ่งเล่นและเคลื่อนไหว ปัญหาสุขภาพทั้ง อ้วน สายตาสั้นเทียม ฟันผุ ลดทอนพัฒนาการ ติดเกม นำไปสู่ความก้าวร้าวจึงตามมาพัวพันอีก

เหตุทั้งหมดเพียงเพราะเราไม่มีพื้นที่และกิจกรรมที่เยาวชนที่ว่างเว้นจากการเรียนในช่วงปิดเทอมได้ทำกิจกรรมสร้างสรรค์

เพราะเด็กและเยาวชนสะท้อนผ่านการสำรวจ เรียกร้องให้รัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เร่งสร้างพื้นที่กิจกรรมมากขึ้น อันดับแรก คือ ลานกีฬา 38% รองมาอันดับ 2 ลานสาธารณะ/ลานพักผ่อน 26% และอันดับ 3 ลานดนตรี ศิลปวัฒนธรรม 26%

สสส. ในฐานะที่ได้ทำงานด้านเด็กและเยาวชนได้สนับสนุนกิจกรรมสร้างสรรค์ โดยทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. ได้เผยว่ารวม 32 กิจกรรม เป็นโครงการค่ายอาสา 4 โครงการเป็น 85 ค่าย, โครงการสื่อสร้างสรรค์ 13 โครงการ, โครงการออกกำลังและกีฬา 12 โครงการ และโครงการพัฒนาทักษะชีวิต 3 โครงการ

"กิจกรรมทั้งหมดเน้น 5 ด้าน คือ 1. สนุกสุดมันส์กับกิจกรรมสร้างสรรค์ อาทิ อบรมจัดทำหนังสั้น ผลิตเพลงและมิวสิกวิดีโอ ดนตรี ละคร ศิลปะ 2. แค่ขยับเท่ากับเริ่มออกกำลังกาย อาทิ อบรมสอนว่ายน้ำ กิจกรรมเดิน-วิ่ง 3. ฝึกทักษะสร้างอาชีพ 4. อบรมกิจกรรมเสริมปัญญา และ 5. ค่ายอาสาสร้างสุข อาทิ อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทาง www.happyschoolbreak.com"

ไม่เพียงแต่กำลังที่ สสส. ร่วมกับเครือข่ายเท่านั้น ยังหวังกระตุ้นให้ตั้งแต่ครอบครัว สลับสับเปลี่ยนกันทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยมี 6 ฐานกิจกรรมสำคัญ คือ  ดนตรี ดูหนัง ฟังเพลง  ศิลปะ วาดภาพ สร้างงานศิลปะ  สร้างปัญญา เช่น เที่ยวพิพิธภัณฑ์ เกมที่สร้างสรรค์และเกิดประโยชน์  จิตวิญญาณ เช่น การเที่ยววัด ให้เด็กได้เป็นมัคคุเทศก์น้อยในชุมชน  พลังกาย เพิ่มการออกกำลังกาย ผจญภัย ท่องเที่ยว  ฟรีเพลย์ คือ ทำสิ่งที่ชอบ โดยกิจกรรมเหล่านี้สามารถพัฒนาทักษะได้ทุกวัยถัดไปเป็น ชุมชน โรงเรียน และหน่วยงานต่างๆ สามารถมีส่วนร่วมได้ รวมถึงคณะกรรมการคุ้มครองเด็กระดับจังหวัดหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ มีนโยบายในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน อย่างการเปิดห้องสมุดโรงเรียนในช่วงปิดเทอม รวมถึงความร่วมมือกับภาคเอกชนในการสนับสนุนกิจกรรมปิดเทอมสร้างสรรค์ให้เป็นหนึ่งในมาตรการด้านสังคมหรือซีเอสอาร์ขององค์กรด้วย

เพราะการขยายกิจกรรม "ปิดเทอมสร้างสรรค์" ไม่ได้ทำเพื่อเด็กเพียงวันเดียว แต่ขยายไปให้ตลอดช่วงปิดเทอม หรือวันว่างของเด็กต่อไป


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์