ก่อนจะเลี้ยงหมา...ต้องรู้อะไรบ้าง?

ก่อนจะเลี้ยงหมา...ต้องรู้อะไรบ้าง?


ตามตำราเขาว่า "ถ้าเริ่มต้นด้วยดี จะสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง" ก็ คงจะจริงถ้าต้องการเลี้ยงหมาให้ดี เนื่องจากผู้ที่จะเลี้ยงหมาให้ได้ดีจำเป็นต้องรู้เรื่องของหมาให้ดี เหมือนการเริ่มต้นการเลี้ยงที่ต้องเรียนรู้เรื่องหมาให้ดี เหมือนการเริ่มต้นการเลี้ยงที่ต้องเรียนรู้เรื่องหมาทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เนื่องจากการเลี้ยงหมาเป็นได้ทั้งวิชาการและศิลปะ มันมีชีวิตและจิตใจเหมือนกัน


การเริ่มเลี้ยงหมา ก่อนอื่นต้องรู้จักสายพันธุ์ของหมา ซึ่งมีอยู่มากมาย ทั้งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนไว้กับสมาคมฯ และไม่ได้ขึ้นทะเบียน เช่น หมาที่ใช้ในการกีฬา หมาที่ใช้ในการทำงานเป็นต้น เมื่อรู้แล้วก็ต้องถามตัวเองว่าชอบอะไร เท่านั้นก็คงไม่พอ เพราะการเลี้ยงหมาต้องมีคนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหลายคนโดยเฉพาะคนในครอบครัว ถ้าเราชอบอยู่คนเดียวคงไม่ดีแน่เนื่องจากเราไม่ได้อยู่กับหมาตลอดเวลา


เมื่อรู้แล้วว่าเราชอบอะไรก็ต้องหาวิธีศึกษาสายพันธุ์ ทำความรู้จักถึงประวัติ ที่มาที่ไป ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการเลี้ยงอย่างสูงสุด เนื่องจากหมาแต่ละสายพันธุ์ แต่ละตัวก็มีความแตกต่างกันไม่เหมือนกัน เราต้องศึกษาถึงถิ่นกำเนิด เนื่องจากหมาที่มาจากต่างถิ่นก็จะมีพื้นฐานที่ไม่เหมือนกัน เช่น หมาที่มาจากยุโรป หรือทางเอเชีย เพราะแต่ละทวีปย่อมมีความแตกต่างด้านอุณหภูมิภูมิคุ้มกันต่างๆ ของหมาก็ต่างกัน ดังนั้นความต้านทานต่อสิ่งรอบข้างของหมาย่อมต่างกัน การเลี้ยงดู การให้อาหาร การสร้างภูมิคุ้มกันก็ต้องต่างกัน


มาดูสิ่งที่เหมือนกัน คือ หมาทุกตัวจะมีสรีระที่เหมือนกันความต้องการพื้นฐานที่เหมือนกัน แม้อาจมีโรคภัยไข้เจ็บที่ต่างกันอยู่บ้าง เช่น หมาบางสายพันธุ์อาจมีความอ่อนไหวต่อโรคบางโรคมากกว่าหมาอีกสายพันธุ์หนึ่ง ขณะที่หมาอีกสายพันธุ์หนึ่งมีความต้านทานโรคหนึ่งได้ดีกว่า แต่อ่อนไหวต่ออีกโรคหนึ่ง ซึ่งเรื่องดังกล่าวผู้เลี้ยงจะต้องมีประสบการณ์ในการเลี้ยงมาเป็นอย่างดี


เรื่องการผสมพันธุ์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่การเลี้ยงหมาจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ อาจเรียกได้ว่าสำคัญที่สุดก็ได้ เพราะการผสมพันธุ์เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ดังที่กล่าวไปแล้ว เนื่องจากผู้เลี้ยงหมาไม่อาจเป็นผู้ผสมพันธุ์หมาได้ทั้งหมด ก่อนอื่นถ้าเรามาพิจารณาเอกสารใบพันธุ์ประวัติ จะมีช่องที่ระบุว่าใครเป็นผู้ผสมพันธุ์ ถ้าไม่มีความสำคัญคงไม่มีที่ให้ระบุไว้ ดังนั้นผู้ผสมพันธุ์จึงมีความสำคัญอย่างมาก อย่างน้อยชื่อของผู้ผสมพันธุ์จะต้องอยู่ในเอกสารใบพันธุ์ประวัติของหนาไปจนเอกสารนั้นหมดอายุหรือถูกยกเลิกไป นั่นก็คือหนาตัวนั้นหมดอายุหรือตายไปนั่นเอง


เมื่อผู้ผสมพันธุ์มีความสำคัญดังกล่าวแล้ว จึงทำให้มีความรู้สึกว่า ถ้าได้ทำความรู้จักกับผู้ผสมพันธุ์น่าจะได้ความรู้เพิ่มขึ้น ก็จริงอยู่ ถ้าผู้ผสมพันธุ์หมาท่านนั้นเป็นผู้ผสมพันธุ์ที่มีชื่อเสียงจริง แต่ในทางตรงข้าม จากที่ได้พบมาหลายท่านไม่เป็นเช่นนั้น ดังนั้นจึงต้องดูให้ดีว่าท่านกำลังพูดคุยอยู่กับใคร บางคนเพียงแต่นำชื่อไปใส่ไว้เท่านั้น การกระทำดังกล่าวถือเป็นการไม่ให้เกียรติวงการเป็นอย่างมาก สิ่งที่ผู้ผสมพันธุ์จะต้องแสดงออกให้วงการรู้ ได้แก่ ความรู้เรื่องการผสมพันธุ์ตามที่ตนเองมีอยู่ อย่างน้อยก็ความรู้เรื่องหมาที่ตัวเองเลี้ยงหรือเคยเลี้ยง เพราะบางครั้งธรรมชาติของหมาแต่ละสายพันธุ์ก็ไม่เหมือนกันหรือต่างกันอยู่แล้ว เช่น บางแก้ว พูเดิล เป็นต้น เรื่องดังกล่าวสำหรับผู้เลี้ยงบางแก้วและพูเดิลต่างก็ทราบดี ดังนั้นท่านที่ต้องการจะเลี้ยงหมาสองสายพันธุ์นี้จำเป็นจำต้องศึกษาให้ดี ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรการเลี้ยงหมาของท่านจึงจะประสบผลสำเร็จ


นอกจากจะต้องทราบความแตกต่างแล้ว อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน ได้แก่ การฝึกสอน เพราะการเลี้ยงหมา ถ้าจะว่าไปแล้ว ใครก็สามารถเลี้ยงได้ไม่แตกต่าง แต่การทำให้หมามีคุณค่านั้น เป็นอีกเรื่อง ซึ่งถ้าทำได้จะเกิดความแตกต่างและเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น การฝึกหมามีตำราให้เรียนรู้มากมาย ท่านที่สนใจก็สามารถนำมาศึกษาไดด้วยตนเอง เพราะไม่ได้ยากหรือเกินความสามารถที่จะทำได้ โดยมีเคล็ดลับในการฝึกสอนที่เหมือนกัน ได้แก่ ผู้ที่จะฝึกหมาจะต้องใจเย็นและไม่โมโหเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ก็ให้ปฏิบัติตามที่ได้เรียนรู้


เคล็ดลับอีกอย่างที่ผู้จะทำการฝึกหมาจะต้องรู้ ได้แก่ ธรรมชาติของหมาเป็นสัตว์ที่ต้องการเรียนรู้อยู่แล้ว มีความจงรักภักดี และอยากอยู่ใกล้ชิดผู้เป็นเจ้าของ ดังนั้นผู้ที่จะทำการฝึกสอนหมาที่ฉลาดจะต้องนำคุณสมบัติดังกล่าวออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์หรือแม้แต่ต้องค้นหาคุณสมบัติดังกล่าว แล้วนำออกมาใช้ก็จะประสบผลสำเร็จได้ไม่ยาก การนำธรรมชาติของหมาออกมาใช้ก่อนอื่นจะต้องรู้ว่าหมาที่จะนำมาฝึกสอนนั้นเป็นหมาที่มีคุณสมบัติอย่างไร เช่น หมาอารักขา ก็จะต้องฝึกใช้งานด้านอารักขา หมาทางด้านการกีฬาก้องฝึกให้ใช้งานทางด้านกีฬา เป็นต้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรูปร่างลักษณะของหมาแต่ละตัว หรือแต่ละสายพันธุ์เป็นสำคัญ ถ้าดูแล้วเห็นว่าเป็นสายพันธุ์อะไรก็ต้องฝึกสอนให้ไปทางนั้น นี่ก็เป็นเคล็ดที่ไม่ลับ ทว่าบางคนก็ไม่นำมาใช้ เพราะมักทำตามใจตัวเองก็จะไม่สำเร็จ ความใจเย็นในการฝึกสอนหมาก็เป็นหัวใจในการฝึกสอนด้วยเช่นกัน


จริงอยู่หมาทุกตัวมีสัญชาติญาณในการต่อสู้ โดยเฉพาะการต่อสู้เพื่อเจ้านาย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะรูปร่างของมันด้วยการนำพูเดิลไปฝึกเป็นหมาอารักขาก็น่าจะไม่แปลก เพราะหมาทุกตัวก็มีความเป็นหมาด้วยกันทั้งนั้น ทว่าที่แปลกก็คือพูเดิลไม่ได้มีสายเลือดอารักขาและรูปร่างก็ไม่เหมาะสม ดังนั้นพูเดิลก็ต้องฝึกให้เป็นพูเดิลครับ ส่วนหมาอารักขาก็มีอยู่มากมายที่จะนำมาฝึกใช้งานให้เป็นหมาอารักขาที่ดีได้ ไม่ว่าจะเป็น รอตต์ไวเลอร์เยอรมัน เชพเพิร์ด หรือโดเบอร์แมนน์


นอกจากหมาพวกนี้จะนำมาฝึกสอนให้เป็นหมาใช้งานด้านอารักขาแล้ว ยังสามารถนำมาฝึกใช้งานอย่างอื่นได้ เช่น นำมาฝึกสอนให้ช่วยเป็นหมานำทางคนตาบอด หรือหมาเฝ้ายามก็ได้


หมานั้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะนำมาใช้ประโยชน์อย่างไร หรือด้านใด ทั้งในทางที่ถูกและผิด ผู้เลี้ยงหมาต้องเป็นผู้ค้นหาในเรื่องทำนองนี้ ซึ่งก็จะทำให้หมาที่เลี้ยงมีคุณค่า ยิ่งถ้าเป็นการเลี้ยงเพื่อธุรกิจ การฝึกสอนก่อนการจำหน่ายมักจะทำให้จำหน่ายได้ในราคาที่สูงกว่า เนื่องจากหมาของเรามีคุณค่าที่สูงกว่าหมาที่มีขายทั่วไปในท้องตลาดเชื่อว่าผู้ซื้อก็ต้องพิจารณาคุณค่าก่อนหมาที่ไม่มีคุณค่าอะไร


จงจำไว้ว่าการเลี้ยงหมานั้น ผู้เลี้ยงจะต้องรู้จักหมาที่จะเลี้ยง แล้วจะประสบผลสำเร็จ ถ้าไม่รู้ก็ต้องหาวิธีศึกษา ไม่ใช่ว่าสักแต่ว่าเลี้ยง ก็จะเลี้ยงได้ไม่ดี สิ่งสำคัญเมื่อเลี้ยงแล้วต้องเลี้ยงให้ดี การนำหมาไปปล่อยให้เป็นภาระของสังคมเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและไม่สมควร ถ้ารักหมาไม่ควรทำอย่างนั้น จงรู้ไว้เสมอว่าหมาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคนเรา

vcharkarn


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์