รู้มั้ย ปาปาราซซี่ (paparazzi)คืออะไร มีที่มาจากไหน?

รู้มั้ย ปาปาราซซี่ (paparazzi)คืออะไร มีที่มาจากไหน?


รู้รึไม่! ปาปารัสซี่ ที่คอย ตามติดเหล่าบรรดา ดารา และคนดังทั้งหลายนั้น มีที่มาและ ความหมายจากไหน...

  "ปาปาราซซี่ " (paparazzi) เป็นคําเรียกขานบรรดาช่างภาพที่มีพฤติกรรมทํานองชอบตามล่าแอบถ่ายภาพคนดังๆ ในอริยาบถ หรือแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของบุคคลดังต่างๆ โดยเฉพาะในยามเผลอ หรือขณะกําลังทํากิจกรรมส่วนตัวที่น้อยคนนักจะรู้เกี่ยว กับตัวคนดังคนดังกล่าว รวมทั้งภาพลับทันเหตุการณ์ที่สามารถนํามาใช้ประโยชน์ในเชิงข่าว 

ในปี 1960 "ปาปาราซซี่ " (paparazzi) กลายเสียงมาจากรากศัพท์ภาษาอิตาเลียนคําว่า "ปาปารัซโซ” (Paparazzo) ซึ่งมีความหมายก่อ กวน หรือรังควานดั่งเช่นแมลงและยุง และมีการนำเสนอเป็นตัวละครบทบาทช่างภาพจอมจุ้นที่ชอบตามแอบถ่ายภาพคนดัง จากหนังเรื่อง La Dolce Vita ของนักสร้างหนังชื่อดังแห่งยุค เฟเดริโก เฟลลินี โดยลอกแบบคาแร็กเตอร์มาจาก "ทาซิโอ เซคชิอาโรลี”

       ช่างงภาพชื่อดังคนหนึ่งในอิตาลีที่เชื่อกันว่าเป็นแม่แบบของปาปาราซซี่ตัวจริง หลังจากหนังออกฉายครั้งแรกที่ประเทศอิตาลีในปี 1960 คําว่า ปาปาราซซี่ จึงถือกําเนิดขึ้นมาอย่างเป็นทางการและใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศอิตาลีและในยุโรป คําว่า "ปาปาราซซี่ "ถูกบัญญัติเข้าในคําศัพท์ภาษาอังกฤษ หลังจากหนังเรื่อง La Dolce Vita ได้เข้าฉายในประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1961 โดยเริ่มมีการนํามาใช้ครั้งแรกในแม็กกาซีนชื่อดัง "Time magazine "" จากบทความชื่อ "Paparazzi on the Prowl" ที่บรรยายลักษณะการทำงานในแง่ลบ และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปาปาราซซี่ พร้อมมีการนําภาพกองทัพนักข่าว ซึ่งภายหลังถูกระบุว่าเป็น 
   ช่างภาพปาปาราซซี่ เข้าแห่ล้อมขวางรถขบวนเสด็จของเจ้าหญิงขณะเยือนกรุงโรม เพื่อแย่งกันเก็บภาพนําไปลงข่าวกันอย่างน่าตกใจ และหลังจากบทความฮือฮาเกี่ยวกับปาปาราซซี่ถูกตีพิมพ์ ต่อมาทางแม็กกาซีนคู่แข่งอย่าง Esquire, Cosmopolitan และ Life magazine หรือไม่ว่าจะเป็นข่าวทางโทรทัศน์ หรือสื่อวิทยุ จึงได้เริ่มนำคำ "ปาปาราซซี่” มาใช้จนติดหูอย่างในปัจจุบันนี้
ปาปารัซซี่ในต่างประเทศ

        ในบางประเทศอย่าง ฮ่องกง จะขนานนามเหล่า ปาปาราซซี่ ว่าเป็น "ทีมลูกสุนัข (puppy teams)" ซึ่งเป็นคําที่ใช้เปรียบเทียบ พฤติกรรมของช่างภาพปาปาราซซี่ที่มีลักษณะคล้ายกับลูกสุนัขที่ชอบตามคลอเคลียผู้คน โดยปกติแล้วปาปาราซซี่จะมีการแต่งตัวแบบสบายๆ สะพายกล้องคู่ใจตระเวณตามถ่ายในที่ๆ คนดังมักแวะไปหรืออยู่เป็นประจํา หรือถ้าปาปาราซซี่บางรายมีกำลังทรัพย์ และฉลาดพอ ก็จะมีการว่าจ้างลูกมือสะกดรอยตามดารา รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เรียกว่าช็อตเด็ดจริงๆ ถึงจะพุ่งเข้าไปถ่ายเก็บไว้ เพื่อส่งขาย หรือนำไปเขียนข่าวตามแต่จะถนัดและที่ซํ้าร้ายกว่านั้นเทคโนโลยีที่ใช้กับกล้องถูกพัฒนาให้ล้ำสมัยมากขึ้น อย่างเช่น เลนส์ซูมระยะไกลมาก แต่ได้ความละเอียดชัดแจ๋วเกินคาด ที่เอื้อแก่การทํางานแบบซุ่ม และแอบถ่ายได้เป็นอย่างดี การเป็นช่างภาพปาปาราซซี่แบบมืออาชีพมักจะใช้วิธีเข้าปะทะ และบ้างลงทุนสร้างสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตราย หรือพยายามยั่วยุให้คนที่ตัวเองต้องการถ่ายแสดงอารมณ์ออกมาตามที่ตัวเองต้องการ...พูดง่ายๆก็คือหลอกให้เข้าทาง!

        ส่วนเรื่องที่ทําให้บรรดาช่างภาพปาปาราซซี่ตกเป็นจําเลยโลก คือเหตุการณ์สิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ของเจ้าหญิงไดอาน่า ที่เชื่อกันว่าเป็นการเร่งความเร็วหนีการถูกตามเก็บภาพจากเหล่าปาปาราซซี่ตัวดีทั้งหลาย จนสุดท้ายต้องมีการตีกรอบ จัดตั้งข้อกฎหมายจำกัดสิทธิและขอบเขตของบรรดาช่างภาพที่หันมาเอาดีเป็นปาปาราซซี่กันเกลื่อนเมือง

ปาปารัซซี่ในประเทศไทย

   ในประเทศไทย เพิ่งเริ่มมีการถ่ายภาพแบบปาปาราซี่เมื่อเร็วๆ นี้นี่เอง หนึ่ง(นามสมมุติ) อดีตปาปาราซซี่หนุ่ม ซึ่งตอนนี้หันหลังให้กับวงการไปแล้ว เล่าให้ฟังว่า ปาปาราซซี่ในเมืองไทยนั้นโดยส่วนมากก็คือนักข่าวบันเทิงที่เดินปะปนอยู่ในงานบันเทิงทั่วไปนั่นเอง เพียงแต่จุดประสงค์นอกจากข่าวแล้วก็คือ รูปแอบถ่ายต่างๆ ซึ่งยากที่จะแยกว่าใครคือนักข่าวบันเทิงและใครเป็นปาปาราซซี่
   ถ้าอาวุธของนักข่าวคือ ปากกา อาวุธของคนขายภาพอย่างปาปาราซซี่ก็คือ กล้อง กล้องที่หนึ่งใช้ประจำจะเป็นกล้องแบบเอสแอลอาร์ เหมือนช่างภาพและนักข่าวทั่วๆ ไป ซึ่งอาจจะต้องมีเลนส์ช่วงยาวพิเศษอย่าง 70-200 หรือ 80-300 ติดไว้บ้างสำหรับถ่ายภาพจากระยะไกลมากๆ แต่โดยธรรมดาแล้ว เลนส์อเนกประสงค์ที่มีช่วงไม่ยาวมากอย่าง 28-80 ก็มักจะเป็นเลนส์ที่ติดกล้องไว้เสมอ เพราะสามารถใช้ถ่ายภาพระยะไกลเหมือนกัน แม้จะได้ภาพไม่ใหญ่มาก แต่ด้วยความละเอียดของฟิล์ม สามารถเอามาขยายให้เป็นภาพใหญ่ได้ ที่สำคัญการใช้เลนส์ไม่ใหญ่มากก็จะช่วยให้ไม่เป็นจุดสนใจ อีกทั้งการถ่ายรูปในงานบันเทิงต่างๆอย่างการเลี้ยงปิดกล้อง งานแถลงข่าว งานเลี้ยงเปิดธุรกิจใหม่ของดาราหรือตามงานประกาศผลรางวัลต่างๆ ก็ไม่จำเป็นจะต้องถ่ายจากระยะไกลมาก เพราะดารามักจะเตรียมตัวมาโดนนักข่าวถ่ายรูปกันอยู่แล้ว
การทำงานของปาปารัซซี่

สิ่งที่จะแตกต่างกับงานนักข่าวบันเทิงโดยทั่วไปก็คือ การตามเป้าหมายไปถ่ายรูปนอกสถานที่ ซึ่งอาจจะเป็นห้างสรรพสินค้า,ลานจอดรถฯลฯ ที่มีดาราหรือคนดังไปเดินเที่ยวด้วยกันหรือแอบนัดพบกัน ซึ่งบางครั้งในสถานที่ที่ไม่สามารถพกกล้องเอสแอลอาร์เข้าไปได้ กล้องดิจิตอลที่มีขนาดเล็กพกพาได้ง่ายก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง รวมไปถึงกล้องในโทรศัพท์มือถือด้วย
  • สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ วิธีการที่ทำให้เหล่าปาปาราซซี่รู้การเคลื่อนไหวของดาราที่ไม่แตกต่างจากการทำตัวเป็นนักสืบ เพราะปาปาราซซี่แต่ละคนต่างก็มีเครือข่ายข่าววงในของตนเอง ที่คอยบอกความเคลื่อนไหวของดารา และมีการวางสายไว้ตามจุดต่างๆ ให้โทร.ไปบอกเมื่อเป้าหมายที่จะถ่ายนัดกันออกไปไหน สายที่ว่าก็อาจจะเป็นได้ตั้งแต่พนักงาน,ยามหรือใครก็ตามที่อยู่ในธุรกิจที่เกี่ยวกับวงการบันเทิง หรือสถานที่ที่ดาราชอบไป บางครั้งสายที่ว่าก็เป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดกับตัวดาราเอง ถ้าปาปาราซซี่ไปพบเป้าหมายและสามารถถ่ายภาพไปลงได้ สายก็จะได้ค่าตอบแทนหรือ "ค่าน้ำ" ซึ่งจำนวนจะมากน้อยเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับการพูดคุยและตกลงกันระหว่างทั้งสองฝ่าย
  • อีกวิธีการหนึ่งในการที่จะได้รูปก็คือ การติดตามเป้าหมาย แต่จะไม่ใช่การติดตามตลอดเวลาอย่างปาปาราซซี่ในต่างประเทศ จะตามแค่ช่วงที่รู้สึกสงสัยหรือออกติดตามออกไปจากเสร็จงานบันเทิง ที่ตัวปาปาราซซี่ประเมินแล้วว่าอาจจะมีรูป "เด็ดๆ" เกิดขึ้น อย่างเช่นดาราคู่รักคูหนึ่งมางานบันเทิงด้วยกัน หรือดาราคนที่กำลังมีข่าวมางานเดียวกัน ก็จะติดตามออกไปว่าออกจากงานแล้วดาราไปไหนทำอะไรต่อ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

- biolawcom.de

- เว็บไซต์หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์