โรคมะเร็ง









เด็กๆ คงเคยไม่สบาย เช่น เป็นหวัดหรือเจ็บคอกันมาแล้ว โรคหวัดหรือโรคเจ็บคอ เป็นโรคที่ไม่มีอันตราย หรือร้ายแรงเหมือนโรคมะเร็ง
คนป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง จะมีแผล หรือก้อนเนื้อร้ายที่โตเร็วมาก มีกลิ่นเหม็น เกิดได้กับทุกอวัยวะของร่างกาย ยกเว้นเส้นผม ขน และเล็บ เท่านั้น เนื้อมะเร็งจะกัดกินทำลายเนื้อส่วนดีของอวัยวะใกล้เคียงออกไปเรื่อยๆ โดยไม่มีอะไรไปขวางกั้นมันได้แม้แต่กระดูก ทำให้มีเลือดออก และเจ็บปวดมาก เมื่อปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้รักษา มันจะกระจายไปเกิดกับอวัยวะอื่น ๆ ที่อยู่ไกลออกไปได้






คนในโลกนี้ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศใด ส่วนใดของโลกไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ หรือคนแก่ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจน อาจจะเป็นโรคมะเร็งได้ทั้งนั้น


มะเร็งเกิดจากการที่ร่างกายมีความต้านทานน้อยไม่แข็งแรงคนที่ชอบรับประทานอาหาร ขนม หรือลูกกวาดที่ใส่สีย้อมผ้าซึ่งทำให้มีสีสวยสด คนที่รับประทานอาหารหรือถั่วที่ขึ้นรา คนที่กินหมาก สูบบุหรี่ หรือดื่มสุรามาก ๆ คนที่หายใจในอากาศที่ไม่บริสุทธิ์เป็นเวลานาน ๆ เช่น ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ หรือคนที่มีฟันเกไปครูดในปากเป็นเวลานาน ๆ คนเหล่านี้อาจจะเป็นโรคมะเร็งได้ทั้งนั้น






เมื่อเริ่มเป็นใหม่ ๆ จะไม่มีอาการแต่อย่างใด ต่อไปจะมีก้อนและแตกเป็นแผล มีเลือดออก มีอาการเจ็บปวดมาก เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ซูบซีด ผอมแห้ง น่าสงสารมาก


       เราสามารถป้องกันมิให้เป็นโรคมะเร็งได้ โดยรักษาสุภาพของร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายพอสมควร และพักผ่อนให้เพียงพอ พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้เกิดมะเร็งได้ โดยการไม่รับประทานอาหารหรือขนมที่ใส่สีย้อมผ้า หรืออาหารที่ขึ้นรา ไม่กินหมาก ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา และคนที่มีฟันเกควรไปให้ทันตแพทย์ตบแต่งฟันเพื่อมิให้ครูดในปาก เหล่านี้เป็นต้น มะเร็งเมื่อยังเป็นน้อยๆ สามารถรักษาให้หายขาดได้โดยการผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออก หรือฉายรังสีไปทำให้ก้อนมะเร็ง หรือใช้ยารักษามะเร็ง แต่ถ้าเป็นมากแล้วแพทย์จะรักษาไม่ทันและมักจะตายทุกราย ฉะนั้น เด็ก ๆ ทุกคนจงพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดโรคมมะเร็ง และถ้ามีอาการผิดปกติกับร่างกายควรจะรีบบอกคุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครองโดยเร็ว เพราะถ้าเป็นโรคมะเร็งจะได้รับการรักษาทันท่วงที และมีโอกาสรอดชีวิตจากโรคร้ายนี้ได้ ...






มนุษย์ทุกคนย่อมจะต้องผจญกับโรค ภัยไข้เจ็บเป็นธรรมดา มะเร็งเป็นโรคร้ายที่มีอันตรายและร้ายแรงที่สุดโรคหนึ่ง ซึ่งเกิดได้กับมนุษย์ทุกชนชาติ ทุกภาษา ทุกเพศ ทุกวัยและทุกฐานะ ในประเทศไทยโรคมะเร็งกำลังเป็นปัญาทางสาธารณสุขของประเทศเพราะขณะนี้ในปีหนึ่ง ๆ ชาวไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งมากเป็นอันดับที่ ๒ รองจากอุบัติเหตุ ทั้งนี้เป็นเพราะว่าชาวไทยมีชีวิตอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษต่าง ๆ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดมะเร็งได้






มะเร็งมีลักษณะเป็นแผลหรือเป็นก้อน หรืออาจจะเป็นแบบกระจายไปทั่วระบบอวัยวะ เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว จะกระจายไปทั่วระบบเลือดไหลเวียน เป็นต้น มะเร็งหรือเนื้องอกชนิดร้ายแตกต่างไปจากเนื้องอกชนิดธรรมดา คือจะมีโทษต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ก้อนมะเร็งจะโตเร็วมากทำให้เน่าและมีกลิ่นเหม็น มันจะทำลายเนื้อเยื่อส่วนที่ดีบริเวณข้างเคียงอย่างมาก เช่น ทำลายหลอดเลือดทำให้มีเลือดออก ทำลายเส้นประสาทหรือแม้แต่กระดูก ทำให้มีอาการเจ็บปวดมาก นอกจากนั้น มะเร็งยังสามารถกระจายไปยังอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกายที่อยู่ไกลออกไป โดยการที่เซลล์มะเร็งหลุดเข้าไปในกระแสเลือด กระแสน้ำเหลือง หรือหลุดไปตามพื้นผิวของช่องต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ในช่องท้อง เป็นต้น






มะเร็งมี ๒ ชนิด คือ มะเร็งที่เกิดกับเยื่อบุอวัยวะหรือช่องทางเดินอาหารหรือทางเดินหายใจ เช่น มะเร็งของช่องปาก มะเร็งปอดหรือหลอดลม เป็นต้น มะเร็งพวกนี้มักจะมีการแพร่กระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองได้บ่อย และมะเร็งของเนื้อเยื่อของร่างกาย เช่น มะเร็งของกล้ามเนื้อ มะเร็งกระดูก เป็นต้น มะเร็งพวกนี้ มักจะมีการแพร่กระจายไปตามกระแสเลือดได้ง่าย สำหรับชาวไทย ในเพศชายจะเป็นมะเร็งของช่องปากมะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ ในขณะที่เพศหญิงมักจะเป็นมะเร็งปากมดลูกมะเร็งเต้านม มะเร็งช่องปาก และมะเร็งผิวหนัง มากตามลำดับ






เซลล์มะเร็งเกิดจากเซลล์ปกติ โดยที่เซลล์ปกติมีการพิการหรือการผิดปกติที่ยีนภายในโครโมโซม ซึ่งเป็นรหัสชีวิตที่ควบคุมลักษณะหน้าที่ทำการงานเซลล์สาเหตุที่ทำให้เซลล์ปกติกลายเป็นเซลล์มะเร็งขึ้นอยู่กับปัจจัย ๒ อย่างคือ ปัจจัยภายในร่างกายอันได้แก่ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายของแต่ละบุคคล เชื้อชาติ เพศ อายุ และกรรมพันธุ์ ซึ่งมีส่วนควบคุมให้เกิดมะเร็งได้ยากง่ายต่างกัน และปัจจัยภายนอกร่างกายได้แก่ การระคายเรื้อรัง เช่น ฟันที่ครูดเยื่อบุในปากอยู่เสมอ ๆ การดื่มหรือรับประทานอาหารที่ร้อนจัดทำให้เกิดเป็นมะเร็งในช่องปากหรือหลอดอาหาร หรือการที่ร่างกายได้รับสารต่าง ๆ มีคุณสมบัติทำให้เกิดมะเร็งซึ่งเรียกรวม ๆ กันว่า "สารคาร์ซิโนเจน" หรือสารก่อมะเร็ง เช่น เคมีวัตถุประเภทน้ำมันดิน ควันบุหรี่ สีย้อมผ้าที่ผสมมาในอาหาร ขนม อาหารประเภทเนื้อสัตว์หมัก เช่น ปลาร้า ฯลฯ ยาที่ผสมสารหนูหรือฮอร์โมนสารพิษจากเชื้อราที่ชอบขึ้นในถั่ว หรือที่เรียกว่า อะฟลาทอกซิน รังสีและเชื้อไวรัส เหล่านี้สามารถจะทำให้เกิดมะเร็งได้ทั้งสิ้น





มะเร็งในระยะที่เพิ่มเริ่มเป็นจะไม่มีอาการแต่อย่างใด อาการของโรคมะเร็งจะเป็นไปตามลักษณะอาการของอวัยวะนั้น ๆ เช่น ถ้าเป็นมะเร็งที่ปอด ก็จะมีอาการไอหรือไอเป็นเลือด เป็นต้น มักจะมีต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้บริเวณใกล้เคียงโตด้วยเสมอ เมื่อโรคเป็นมากขึ้นมะเร็งจะกระจายไปเกิดที่อวัยวะอื่น ๆ และทำให้มีอาการของอวัยวะนั้นด้วย เช่น กระจายไปที่สมอง ก็จะทำให้มีอาการปวดศีรษะ หมดสติ เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งยังมีอาการทั่วๆ ไปอีก คือ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ซูบซีดและผอมแห้ง






การป้องกันโรคมะเร็งอาศัยมาตรการ ๒ อย่าง คือ การรักษาสุขภาพและพลานามัยให้แข็งแรงอยู่เสมอ และการสนใจเกี่ยวกับโรคมะเร็ง เพื่อจะได้ทราบว่ามีสารอะไรบ้างที่ทำให้เกิดมะเร็งได้ และพยายามหลีกเลี่ยงสารเหล่านี้เสีย นอกจากนี้ยังทำให้ทราบว่ามีอาการอะไรบ้างที่น่าจะเป็นอาการของมะเร็ง เช่น การมีแผลเรื้อรังที่ไม่รู้จักหายการมีก้อนผิดปกติในร่างกาย การไอเรื้อรัง การผิดปกติของระบบขับถ่าย การเปลี่ยนแปลงของหูดหรือไฝที่มีมาก่อน การมีน้ำ น้ำเหลือง หนอง หรือเลือดที่ผิดปกติไหลออกจากทวารต่าง ๆ ของร่างกาย และการผิดปกติของประจำเดือน ซึ่งถ้ามีอาการต่าง ๆ เหล่านี้ จะได้รีบไปปรึกษาแพทย์ ถ้าเป็นมะเร็งก็จะสามารถรู้ตัว เมื่อยังเป็นน้อยอยู่ และรักษาให้หายขาดได้






การรักษาโรคมะเร็ง ขึ้นอยู่กับว่าโรคเป็นน้อยหรือเป็นมาก มะเร็งเมื่อยังเป็นน้อยสามารถจะรักษาให้หายขาดได้ แต่ถ้าปล่อยไว้จนโรคเป็นมากแล้วมักจะเสียชีวิตทุกรายการรักษาจะเพียงบรรเทาอาการชั่วคราวเท่านั้น การรักษาใช้วิธีผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกหรือโดยการฉายรังสีไปยังบริเวณที่เป็นก้อนมะเร็ง หรือการใช้ยารักษา หรืออาจจะใช้ทั้ง ๓ วิธีนี้ร่วมกัน ในกรณีที่เป็นมากแล้วอาจจะใช้ยาหรือสารเคมีบางชนิด กระตุ้นให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันดีขึ้น ซึ่งทำให้โรคทุเลาลงชั่วคราว และในระยะสุดท้ายของโรค การรักษาด้วยจิตวิทยาเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมาก
ผลการรักษาโรคมะเร็งจะดีหรือเลว มิได้ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง และแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น ที่สำคัญคือ ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งต้องสนใจต่อสุขภาพของตนเอง มารับการรักษาเมื่อโรคยังเป็นน้อย และร่วมมือต่อการรักษาดีย่อมจะได้ผลดี อย่าลืมว่ามะเร็งในระยะที่เป็นน้อย สามารถจะรักษาให้หายขาดได้ดี แต่ถ้าเป็นมากแล้ว จะเสียชีวิตทุกราย...











                  มีต่อกระทู้หน้าค่ะ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์