เรื่องจริงที่ยิ่งกว่านิยาย หม่อมลูกปลา ซินเดอเรลล่าสุดวิบาก

บางชีวิตมีเรื่องจริงที่พลิกผันซับซ้อนพอ ๆ กับนิยาย หากแต่นิยายก็อาจไม่ซับซ้อนพลิกผันเท่าเรื่องจริงของบางชีวิต โดยเฉพาะกับชีวิตของผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่ชื่อ ชลาศัย ขวัญฐิติ หรือ ชลาศัย ยุคล หรือ ลูกปลา หรือ หม่อมลูกปลา ซึ่งเมื่อกว่า 17 ปีก่อนเธอเคยถูกมอง ถูกเปรียบว่าเป็น ’ซินเดอเรลล่าเมืองไทย“

แต่ภายหลังชีวิตกลับพลิกผันดิ่งลึกอย่างสุด ๆ

และเมื่อ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา...เธอเป็น ’นักโทษ“

ทั้งนี้ จากทารกหญิงที่เกิดที่โรงพยาบาลจุฬาฯ แล้วถูกผู้เป็นแม่ทิ้งไว้ ต่อมา หม่อมเจ้าหญิง รังสีนภดล ยุคล ซึ่งเป็นน้องสาวของ ท่านกบ-หม่อมเจ้า ฐิติพันธุ์ ยุคล ไปพบเข้า และขอรับเลี้ยงดูแล จนได้เห็น วังอัศวิน เป็นบ้านตั้งแต่จำความได้ นี่ก็ถือว่าเป็นชีวิตที่มีจุดพลิกผันอย่างมากแล้ว แต่ชีวิตของเธอคนนี้ยิ่งไปกว่านั้น

ภายหลัง เมื่อเติบโตขึ้นสู่วัยสาวรุ่น เธอคนนี้ได้กลายเป็น ชายาของท่านกบ ซึ่งเธอเคยเปิดเผยกับเดลินิวส์ไว้ในช่วงเดือน เม.ย. ปี พ.ศ. 2548 ว่า สถานะดังกล่าวนี้เป็นทางการในขณะที่เธออายุ 22 ปี คือในปี พ.ศ. 2537 และเรื่องราวของเธอก็เริ่มเป็นที่รับรู้ในวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนถูกเปรียบเป็น “ซินเดอเรลล่าเมืองไทย”

ทว่า...วันที่ 21 ส.ค. 2538 ท่านกบสิ้นชีพิตักษัย

ซินเดอเรลล่าคนนี้...ก็กลับกลายเป็น ’ผู้ต้องหา“

การสิ้นชีพิตักษัยของท่านกบนี้ สื่อเริ่มมีการนำเสนอตั้งแต่ประมาณวันที่ 29 ส.ค. 2538 ด้วยแง่มุม “มีเงื่อนงำ” โดยแพทย์แผนกนิติเวชได้ทำการชันสูตรโดยการผ่ากระเพาะพิสูจน์ และมีการแถลงข่าวในวันที่ 11 ก.ย. 2538 สรุปได้ว่า “มีสารพิษ ยาฆ่าแมลง ตกค้างในกระเพาะ” และจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าในวันที่ 21 ส.ค. 2538 ท่านชายกบได้เสวยกาแฟที่มีการผสมยาฆ่าแมลงกลุ่มคาร์บอเมท โดยวันนั้นหม่อมลูกปลาอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่เธอปฏิเสธการรู้เห็นในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ต่อมาเพื่อนชายของหม่อมลูกปลา คือ อุเทศ ชุบวา ถูกตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาบุกรุกในยามวิกาล ถูกจับกุมคุมขัง ท่ามกลางการจับตาของผู้คนที่ติดตามข่าวนี้

ในเวลาต่อมา อุเทศ ชุบวา ได้รับอิสรภาพ ขณะที่หม่อมลูกปลาซึ่งต่อมาเปลี่ยนไปใช้นามสกุล ชุบวา ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าเป็นผู้ใส่สารพิษลงไปในกาแฟ แต่เมื่อพนักงานอัยการนำคดียื่นฟ้องต่อศาลเธอกลับปฏิเสธและขอต่อสู้คดี ซึ่งระหว่างที่มีการสืบพยานในคดีนี้อยู่นั้นเธอได้ยื่นขอประกันตัวด้วยเงินสดจำนวน 400,000 บาท และไปครองรักใหม่อยู่ที่เชียงใหม่ จนมีพยานรัก 2 คน โดยช่วงนั้นมีอาชีพ ขายก๋วยเตี๋ยว กระทั่งมีข่าวว่าชีวิตเธอลำบาก ย้ายไปอยู่นครสวรรค์ ร้อยเอ็ด ปทุมธานี และค้าขายในกรุงเทพฯ โดยระหว่างนี้อาชีพที่มีข่าวว่าเธอเคยทำก็เช่น รับจ้างทั่วไป ขายส้มตำ-ไก่ทอด ขายข้าวเหนียว-ไก่ปิ้ง ต่อมา ขายไก่ย่าง ร้อยสร้อยลูกปัดขาย ในกรุงเทพฯ รวมถึงเคยมีข่าวมีผู้ช่วยเหลือให้เธอเรียนเป็น ช่างเสริมสวย อย่างที่อยากเป็น

“...ชีวิตลำบากมาก ๆ บางวันไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกิน ก็ต้องบากหน้าไปหยิบยืมคนข้างบ้าน บางครั้งต้องกู้เงินเขา เสียดอกแพง ๆ ก็ต้องยอมเพื่อลูก เคยท้อใจนะ เครียดจนถึงขนาดเกือบจะฆ่าตัวตายกันทั้งครอบครัว ตอนอยู่เชียงใหม่...” ...เป็นบางส่วนจากคำบอกเล่าถึงช่วงชีวิตที่ลำบากของหม่อมลูกปลา

เพียงเท่านี้ก็ต้องถือว่าเป็นชีวิตพลิกผันสุด ๆ แล้ว

หากแต่สำหรับเธอคนนี้นี่ยังไม่ใช่ปลายทางจริง ๆ

คดีท่านชายกบ ศาลได้สืบพยานโจทก์ และจำเลย คือหม่อมลูกปลา เรื่อยมา เวลาผ่านไป 6 ปีเศษ ในที่สุดเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2545 ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาออกมาว่า จำเลยมีความผิดฐานกระทำโดยมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย พิพากษาลงโทษจำคุก 9 ปี คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 คง จำคุกจำเลย 6 ปี

อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวนี้ได้มีการยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อ และเมื่อเวลาผ่านไปอีกราว 3 ปีเศษ ในวันที่ 4 มี.ค. 2548 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษา ยกฟ้อง ซึ่งช่วงนั้นหม่อมลูกปลาเคยเผยความรู้สึกไว้กับทางเดลินิวส์ว่า...

’...เหมือนตายแล้วเกิดใหม่...“

ทว่า...เมื่อกระบวนการทางคดียังมีการดำเนินต่อ อีก 7 ปีกว่า ในวันที่ 17 ส.ค. 2555 ที่ผ่านมา เธอคนนี้ซึ่งปัจจุบันใช้ชีวิตกับคู่ชีวิตใหม่คือ ทวีชัย น้อยประเสริฐ ก็ต้องน้อมรับฉากชีวิตใหม่อีกฉากหนึ่ง เมื่อศาลฎีกาได้พิพากษากลับ ให้จำคุก ชลาศัย ยุคล หรือ หม่อมลูกปลา อายุ 40 ปี ฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุก 7 ปี คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือ จำคุก 4 ปี 8 เดือน ซึ่งก็เป็นอีกฉากชีวิต หลังจากเคยมีชีวิตในวังราว 23 ปี ออกมามีชีวิตแบบชาวบ้านทั่วไปอีกราว 17 ปี

แม้ฉากชีวิตปัจจุบันของเธอคือกลายเป็น “นักโทษ”

แต่เธอคนนี้ ’ชีวิตพลิกผันยิ่งกว่านิยาย“ มาตลอด

ต่อไปจะมีฉากชีวิตใหม่ ๆ อะไรอีก?? รอดูกัน...