มาเช็กกันดู..คุณเป็นโรคจิตหรือเปล่า?

มาเช็กกันดู..คุณเป็นโรคจิตหรือเปล่า?



ในปัจจุบันสภาพของสังคมโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทั้งในเรื่องของสภาพแวดล้อมดิน ฟ้า อากาศ สภาพสังคม สภาพเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้คนที่ต้องเผชิญกับมันเกิดภาวะความเครียดและความกดดัน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเกิดความผิดปกติทางด้านความคิด อารมณ์หรือจิตใจ หรือที่เรียกกันง่ายๆว่าเป็น "โรคจิต" นั่นเอง



นอกจากสาเหตุข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว ยังมีอีกหลายสาเหตุที่ส่งผลให้คนเกิดอาการเป็นโรคจิตได้ ดังนี้

1. เกิดจากปัญหาทางด้านจิตใจโดยตรงเกิดจากการความเครียดหรือความกดดันที่ค่อยๆสะสมภายในจิตใจ เหมือนกับการที่เราค่อยๆสูบลมเข้าไปในลูกโป่งทีละเล็กทีละน้อย จนในที่สุดเมื่อลมเข้าไปในลูกโป่งจนเต็มที่ ลูกโป่งก็แตกในที่สุดนั่นเอง

2. เกิดจากปัญหาทางด้านสมองซึ่งเกิดจากการทำงานของสมองที่ผิดปกติในการสร้างสารบางอย่างที่มีปริมาณน้อยเกินไปหรือมากเกินไป หรือสมองได้รับการกระตุ้นที่ผิดปกติจากสิ่งแวดล้อม

3. เกิดจากปัญหายาและสิ่งเสพติดไม่ว่าจะเป็นยาบ้า กัญชา ดมกาว การดื่มสุราหรือการเสพสารบางประเภทที่มีผลต่อสมองและระบบประสาท เช่น ยาลดความอ้วนหรือยานอนหลับที่มีฤทธิ์รุนแรง

ลักษณะอาการของคนเป็นโรคจิตนั้นอย่างไรบ้าง

1. ประสาทหลอนและเข้าใจผิดเช่น หูแว่วได้ยินเสียงแปลกๆหรือได้ยินในสิ่งที่คนปกติทั่วไปไม่ได้ยิน เป็นต้นว่าได้ยินว่ามีคนด่าว่าตนเองทั้งๆที่ไม่มีใครด่าว่าเลย บางรายคิดว่ามีคนจะมาทำร้าย บางรายเห็นภาพอะไรแปลกๆที่ไม่มีอยู่จริง เช่น เห็นผีมาหลอก เห็นคนกำลังจะมาฆ่าตนเอง

2. บุคลิกภาพเปลี่ยนไปในทางเลวลงเช่น เคยเป็นคนร่าเริงกลายเป็นคนซึมเศร้า เคยเป็นคนสะอาดกลายเป็นคนสกปรกไม่ดูแลตนเอง เคยเป็นคนสุภาพกลายเป็นคนหยาบคาย

3. ในอาการของโรคจิตที่เกิดจากสารเสพติดนั้นจะทำให้มีอาการประสาทหลอน เพ้อๆ และมักมีอาการแสดงออกอย่างชัดเจนของความผิดปกติทางด้านร่างกายร่วมด้วย เช่น มือสั่น ใจสั่น สับสน พูดจาไม่รู้เรื่อง บางรายมีอาการคุ้มคลั่ง ก้าวร้าว ควบคุมตนเองไม่ได้จึงเป็นอันตรายทั้งต่อตนเองและผู้อื่นอย่างที่เราเคยได้ ข่าวอยู่บ่อยๆจากการที่คนติดยามีอาการทางจิตทำร้ายตนเอง ทำร้ายคนอื่น เช่นมีการใช้อาวุธจี้จับตัวประกัน




โรคจิตแบ่งเป็นประเภทต่าง​ๆ ได้ดังนี้

1. โรคจิตระแวงโรคจิตชนิดนี้พบบ่อยมากที่สุด แต่น่าแปลกที่คนที่เป็นโรคจิตประเภทนี้มักสังเกตยากกว่าโรคจิตประเภทอื่นๆ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพจากเดิมไม่ชัดเจน อาการเริ่มต้นของคนที่เป็นโรคจิตระแวงคือการมองโลกในแง่ร้าย เช่น ระแวงว่าสามีจะมีเมียน้อย ระแวงว่าอาหารที่กินมียาพิษ ระแวงว่ามีคนจะมาขโมยของ ระแวงว่าคนจะนินทา ซึ่งบางรายอาการระแวงที่เป็นนั้นจะเป็นความระแวงที่มีดีกรีรุนแรงถึงขนาดที่ ทำให้ผู้ที่ป่วยนั้นขาดความสุขจนไม่สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในโลกอย่างปกติสุข ได้เลย

2. โรคเครียดอย่างรุนแรงเกิดจากสภาวะจิตใจที่เกิดความทุกข์และความผิดหวังจากสภาพแวดล้อมหรือ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนสภาพจิตใจไม่สามารถปรับได้ ทัน เช่น สอบตก ตกงาน คนที่รักเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ธุรกิจเจ๊งไม่เป็นท่า ล้มละลาย ซึ่งอาการที่แสดงออกของคนที่เป็นโรคจิตประเภทนี้คือ เกลียดตนเอง คิดว่าตนเองไร้ค่า หวาดกลัว นอนไม่หลับหลายๆคืนติดกัน บางคนทำร้ายคนอื่นหรือตนเอง และถ้ามีอาการหนักมากๆอาจถึงขั้นฆ่าตัวตายเพื่อหนีจากภาวะที่เป็นอยู่ในที่สุด

3. โรคจิตคลุ้มคลั่งอาการของโรคจิตประเภทนี้คือ การขาดความยับยั้งชั่งใจ ก้าวร้าว อารมณ์รุนแรง พูดไม่หยุด อยู่ไม่สุขทั้งทางด้านความคิดและร่างกาย มีอารมณ์ทางเพศรุนแรงหรือบางรายอาจถึงขั้นวิปริตทางเพศ หงุดหงิดง่ายมาก คนที่เป็นโรคจิตประเภทนี้แค่โดนคนมองหน้าหรือขับรถแซงก็จะรู้สึกโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่แล้วจนต้องโต้ตอบกลับด้วยความรุนแรง เช่น ด่าว่าอย่างรุนแรง ทำร้ายหรือถึงขนาดฆ่ากันตายอย่างที่เราเคยได้ยินข่าวกันอยู่บ่อยๆ

4. โรคจิตชนิดซึมเศร้าอาการที่แสดงออกคือสิ้นหวัง เฉื่อยชา ไม่ดูแลตัวเอง ขาดพลังและแรงจูงใจในการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ไม่อยากพบเจอใคร คิดมาก วิตกกังวล บางคนร้องไห้เกือบตลอดเวลา

ทำอย่างไรเมื่อคนใกล้ชิดเป็นผู้มีอาการทางจิต

1. หมั่นสังเกตพฤติกรรมก่อนสิ่งอื่นใดเราต้องแน่ใจก่อนว่าคนใกล้ชิดของเราเริ่มมีความผิดปกติอย่างหนึ่งอย่างใดเกิดขึ้นแล้ว โดยต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรมของเขาอยู่เสมอ เช่นช่วงนี้เห็นเขาซึมเศร้า เก็บตัว ไม่พูดคุยหรืออยู่ๆกลายเป็นคนมีอารมณ์รุนแรงจนน่ากลัว หรือไม่อาบน้ำติดต่อกันหลายวัน สะสมขยะ หัวเราะคนเดียว เมื่อเห็นความผิดปกติเช่นนี้ก็ให้เข้าใจว่าคนใกล้ชิดเราอาจมีอาการทางจิตก็เป็นได้


2. ทำใจยอมรับเป็นเรื่องปกติที่คนเรายากที่จะทำใจยอมรับว่าเรามีคนใกล้ชิดเป็น ผู้ป่วยทางจิต และส่วนมากมักจะอายที่จะเปิดเผยหรือแสดงให้ใครล่วงรู้เพราะกลัวคนอื่นจะหา ว่าบ้านนี้ครอบครัวนี้มีคนบ้าอยู่ แต่ความคิดเช่นนี้เป็นความคิดที่ผิดมากเพราะการไม่ทำใจยอมรับความผิดปกติทาง จิตที่เกิดกับคนใกล้ชิดจะทำให้เขาไม่ได้รับการเยียวยารักษา ดีไม่ดีหากปล่อยไว้อาจทำให้อาการกำเริบรุนแรงมากขึ้น ดังนั้นเราต้องยอมรับว่าอาการนี้ก็เหมือนอาการเจ็บป่วยทั่วไปที่ต้องรักษา จึงจะหายได้

3. พาไปรักษาอย่างจริงจังกับแพทย์เฉพาะทางสิ่งที่ถูกต้องที่สุดคือเมื่อมีอาการโรคจิตเกิดขึ้นต้องไปหาแพทย์เพื่อทำการ เยียวยารักษา แต่การรักษาอาการโรคจิตส่วนใหญ่มักต้องใช้เวลานานซึ่งบางอาการอาจต้องรักษา กันตลอดชีวิต เพราะอาจไม่หายขาดแต่สามารถควบคุมได้ด้วยการให้ยาอย่างสม่ำเสมอ อย่ารักษาด้วยการซื้อยามากินเองเพราะการให้ยารักษาอาการเหล่านี้แพทย์จะต้อง ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดให้เหมาะสมตามอาการหนักเบาของผู้ป่วยแต่ละรายไม่เช่นนั้นอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้

4. อดทนดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด อย่างที่บอกแล้วว่าการรักษาผู้ป่วยโรคจิตอาจใช้เวลานานมาก ดังนั้นจึงต้องใช้ความอดทนในการดูแลผู้ป่วยมากเช่นกัน ทั้งการพาไปพบแพทย์ตามกำหนด การจัดยาให้กินครบตามแพทย์สั่ง การให้กำลังใจ ดูแลจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึกให้อยู่ในภาวะที่จะทำให้คนป่วยมีความสุข สิ่งเหล่านี้เราต้องทำสม่ำเสมอ แต่ส่วนใหญ่ถ้าทำแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นเราก็มักจะอ่อนอกอ่อนใจ ดีไม่ดีเราจะป่วยอีกคนเพราะเครียดจัดและเหนื่อย แต่ก็ต้องเข้มแข็งและอดทน ที่สำคัญต้องใจเย็นและมีเมตตาโดยให้คิดเสมอว่าคนป่วยเหล่านี้น่าสงสารมากแค่ไหนเพราะหากเขาเลือกได้คงไม่มีใครอยากเป็นเช่นนี้แน่นอน

ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้ผู้อ่านทุกท่านที่ไม่ว่าจะพบเจอปัญหาอะไรในชีวิตก็ขอให้ตั้งสติ ควบคุมอารมณ์ เปิดจิตใจให้กว้าง ยิ้มรับกับทุกปัญหาอย่างเข้มแข็ง และอยากให้เราทุกคนมองชีวิตอย่างเข้าใจว่าคนทุกคนย่อมประสบกับทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่ไม่ดีควบคู่กันไปทั้งนั้น ไม่มีใครสักคนเดียวซึ่งเกิดมาที่จะมีแต่ความสุขโดยไม่มีความทุกข์เลย หากคิดและทำได้เช่นนี้ชีวิตของเราจะดำเนินอยู่ได้อย่างราบรื่นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์