′นาซา′เผยวันสิ้นสุดปฏิทินชาวมายาไม่ใช่′วันสิ้นโลก′ แค่ขึ้นปีใหม่

′นาซา′เผยวันสิ้นสุดปฏิทินชาวมายาไม่ใช่′วันสิ้นโลก′ แค่ขึ้นปีใหม่

นักวิทยาศาสตร์′นาซา′เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ยันวันสิ้นสุดปฏิทินชาวมายาไม่ใช่′วันสิ้นโลก′ แค่ขึ้นปีใหม่ หลังผู้คนทั่วโลกตื่นข่าวลือโลกจะแตก 21 ธ.ค.นี้

กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมโลก รวมทั้งในประเทศไทย โดยเฉพาะในโซเชียลเน็ตเวิร์ก เฟซบุ๊กขณะนี้ ว่าด้วยเรื่องโลกจะแตกในวันที่ 21 ธันวาคมที่จะถึงนี้ โดยกลุ่มที่มีความเชื่อเรื่องนี้พากันชักชวนว่าควรจะทำในสิ่งที่ยังไม่เคยทำ และหาความสุขใส่ตัวให้มากที่สุด เช่น การไปอยู่กับคนรัก การมีเพศสัมพันธ์ และหาของกินที่อร่อยที่สุด

รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันดาราศาสตร์ (สดร.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ความเชื่อเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมว่า กระแสพูดคุยกันว่าวันที่ 21 ธันวาคมนี้โลกจะแตกนั้น เป็นเรื่องความเชื่อที่มีที่มาที่ไปจากปฏิทินมายาของชนเผ่ามายา ซึ่งทำปฏิทินเอาไว้เมื่อประมาณ 5 พันปีก่อน โดยชนเผ่ามายาได้ทำปฏิทินทำนายเหตุการณ์ต่างๆ ไว้เป็นระยะเวลาประมาณ 3 พันปี โดยปฏิทินมาสิ้นสุดในวันที่ 21 ธันวาคม ปี ค.ศ.2012 พอดี จึงกลายเป็นที่มาของความกลัวที่ว่าวันดังกล่าวจะเป็นวันสิ้นโลก หรือวันโลกแตก อย่างไรก็ตาม หลายคนก็คัดค้านความเชื่อดังกล่าว โดยบอกว่าน่าจะเป็นเหมือนวันสิ้นปีของชนเผ่ามายามากกว่าวันสิ้นโลก


′นาซา′เผยวันสิ้นสุดปฏิทินชาวมายาไม่ใช่′วันสิ้นโลก′ แค่ขึ้นปีใหม่

 รศ.บุญรักษากล่าวต่อว่า นอกจากปฏิทินมายาแล้ว ยังมีความพยายามสร้างประเด็นที่ดูเหมือนจะเป็นหลักวิทยาศาสตร์ แต่นักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์มาแล้วว่าไม่สามารถเชื่อถือได้ทั้ง 5 เรื่อง คือ 1.พูดกันว่าดาวดวงหนึ่งชื่อ นิบิรุจะพุ่งมาชนโลกในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ ซึ่งถ้าเป็นความจริง นักดาราศาสตร์ โดยเฉพาะองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (นาซา) คงจะมองเห็นดาวดวงนี้แล้ว แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมายังไม่เห็นแม้แต่เงา2.การเกิดพายุสุริยะ หรือการปล่อยอนุภาคพลังงานสูงออกมาจากดวงอาทิตย์ ซึ่งแม้เรื่องนี้จะเป็นความจริงว่าจะมีพายุสุริยะ แต่ก็เป็นเพราะทุกๆ 11 ปี ดวงอาทิตย์จะปล่อยอนุภาคพลังงานสูงออกมา หรือเรียกว่า "โซลาร์ แม็กซิมัม" โดยครั้งก่อนที่ดวงอาทิตย์ปล่อยโซลาร์ แม็กซิมัมออกมาคือ ปี ค.ศ.2000 และล่าสุดในปี ค.ศ.2011 หรือเมื่อปีที่ผ่านมา ก็ปรากฏโซลาร์ แม็กซิมัม ออกมาน้อยมาก จึงเป็นเพียงความกลัวกันว่า ดวงอาทิตย์จะสะสมพลังงานใหม่และปล่อยโซลาร์ แม็กซิมัมออกมาอีกในปีนี้

"แต่จากการคำนวณของนักวิทยาศาสตร์ของนาซาพบว่า การเกิดโซลาร์ แม็กซิมัมครั้งต่อไปน่าจะอยู่ในช่วงกลางปี ค.ศ.2013 และก่อนเกิดทุกครั้งนาซาจะแจ้งล่วงหน้าให้ทุกประเทศทั่วโลกทราบทุกครั้ง เพื่อหาทางป้องกันการเกิดเหตุร้าย ทั้งนี้ เพราะโซลาร์ แม็กซิมัมเกิด จากการลุกจ้าของจุดบนดวงอาทิตย์แล้วพ่น เป็นอนุภาคพลังงานสูงออกมา ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 วันกว่าพลังงานดังกล่าวจะมา ถึงโลก แต่โลกเราก็มีสนามแม่เหล็กที่สามารถ ป้องกันอนุภาคดังกล่าวได้อยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อปี พ.ศ.2532 เคยเกิดพายุสุริยะและมีประจุไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ สามารถหลุดรอดสนามแม่เหล็กโลกเข้ามาได้ ตอนนั้นทำให้หม้อ แปลงไฟฟ้าที่เมืองควิเบก ประเทศแคนาดาระเบิด และไฟดับทั้งเมือง และเมื่อปี พ.ศ.2402 ก็เกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน คือประจุไฟฟ้าเข้ามาในสายไฟฟ้าและสายโทรเลขทำให้ระบบไฟฟ้าและโทรเลขในยุโรปและอเมริกาหลายเมืองปั่นป่วน กระทั่งมาถึงปัจจุบันจึงกลัวกันว่าจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวอีก" รศ.บุญรักษากล่าว และว่า แม้จะมีพายุสุริยะที่ครบคาบเวลาของการเกิดโซลาร์ แม็กซิมัมจริง แต่ก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องโลกแตกเลย เพราะพายุสุริยะไม่ได้มีความสัมพันธ์กับการเกิดแผ่นดินไหวหรือน้ำท่วมโลกแต่อย่างใดร่วมขี่จักรยานระยะทาง 2,300 กิโลเมตร ผ่านสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาวมายาในอเมริกากลางทั้งหมด ซึ่งปรากฏว่าทัวร์แสนบรรเจิดนี้ขายหมดด้วยความรวดเร็ว

ข่าวลือเรื่องวันสิ้นโลกในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ ยังสร้างความวิตกกังวลให้กับบรรดาชาวจีนในเมืองเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลเสฉวน สาธารณ รัฐประชาชนจีน โดยมีชาวบ้านในหมู่บ้านถงเจียงแห่กันไปซื้อเทียนไขและไม้ขีดไฟมากักตุนไว้ หลังมีข่าวลือสะพัดว่าท้องฟ้าจะมืดมิดเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม ขณะที่การจ่ายกระแสไฟฟ้าและน้ำจะหยุดชะงัก อย่างไรก็ตาม มีชาวบ้านบางส่วนที่ไม่เชื่อ โดยให้ เหตุผลว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้และว่าข่าวลือดังกล่าวมีต้นตอมาจากภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับวันสิ้นโลก

สถานีโทรทัศน์เอ็นทีดี ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นำเสนอข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับจีนรายงานว่า มีการเผยแพร่ข่าวลือในซินลางเวยป๋อ ไมโครบล็อกยอดนิยมของจีนตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมว่า วันสิ้นโลกของชาวมายาที่จะมาถึงในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ จะทำให้เกิดปรากฏการณ์แห่งความมืดมิดเป็นเวลา 3 วัน ไม่มีไฟฟ้า พลังงาน ดวงอาทิตย์ หรือแม้แต่ดวงดาว เป็นเหตุให้ชาวบ้านพากันไปซื้อเทียนมาตุนเก็บไว้จนเทียนขาดตลาดในหลายพื้นที่

เอ็นทีดีรายงานว่า ชาวมณฑลเสฉวนรายหนึ่งบอกว่า เทียนหมดไปจากตลาด เพราะชาวบ้านพากันกรูเข้าไปยังร้านขายของเพื่อเหมาซื้อเทียนที่มีอยู่ทั้งหมดไป ตอนแรกเจ้าของร้านยังแปลกใจ เพราะข่าวลือยังไม่แพร่หลายในวงกว้างมากนัก แต่เนื่องจากชาวจีนส่วนใหญ่มักจะได้รับข้อมูลผ่านข่าวลือ โดยเชื่อว่าทางการมักจะปกปิดข้อมูล ทำให้คนให้น้ำหนักกับข่าวลือมากกว่ารายงานข่าวจากทางการ ที่คนเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องจริง


′นาซา′เผยวันสิ้นสุดปฏิทินชาวมายาไม่ใช่′วันสิ้นโลก′ แค่ขึ้นปีใหม่

ด้านรัฐมนตรีวัฒนธรรมกัวเตมาลา ถิ่นฐานเดิมของชาวมายา ได้เชิญชวนผู้นำโลก บรรดานักคิด นักปรัชญา ตลอดไปจนถึงนักวิทยาศาสตร์ให้มาร่วมเฉลิมฉลองการเริ่มต้นศักราชใหม่ ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนและโอกาสสำคัญที่ประเทศกัวเตมาลา 

ขณะที่หนังสือพิมพ์เดลีเมล์ของอังกฤษรายงานว่า เมืองบูเกราจ ซึ่งมีประชากรเพียง 176 คน จะเป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวในโลกที่จะรอดจากปรากฏการณ์สิ้นโลก ผู้คนในเมืองกำลังขายไวน์ "วันสิ้นโลก" รวมถึงที่พักราคาแพง และน้ำศักดิ์สิทธิ์ เพราะเชื่อว่าเมืองแห่งนี้คือสถานที่ที่มนุษย์ต่างดาวเลือกไว้ โดยยานบินของมนุษย์ต่างดาวจะออกมาจากสถานที่จอดที่ซ่อนไว้ในภูเขาใกล้ๆ เมือง 

ส่วนนักวิทยาศาสตร์ขององค์การนาซาได้เผยแพร่ข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ยืนยันว่า วันสิ้นโลกเป็นเพียงตำนานเท่านั้น วันสิ้นสุดปฏิทินของชาวมายาไม่ใช่วันสิ้นโลก แต่เหมือนกับปฏิทินที่ติดไว้ในครัว ซึ่งเมื่อหมดปีแล้วก็ขึ้นปีใหม่ เพียงแต่ปฏิทินของชาวมายามีการนับเวลาที่ยาวนานกว่ามากเท่านั้น นอกจากนี้ ทางนาซายังระบุว่า เรื่องนี้ถือเป็นภัยคุกคามที่ทำให้คนตื่นกลัว หดหู่ และปลิดชีพฆ่าตัวตายได้ผู้อำนวยการ สดร.กล่าวต่อว่า การสร้างประเด็นเรื่องที่ 3 ที่นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถเชื่อถือได้

 คือเรื่องความกลัวกันว่าสนามแม่เหล็กในโลกจะกลับขั้วจากเหนือเป็นใต้ และจากใต้เป็นเหนือ ซึ่งเรื่องนี้พิสูจน์แล้วว่า ในโลกจะมีของเหลวที่ร้อนมากและมีประจุไฟฟ้า ขณะที่โลกหมุนของเหลวดังกล่าวจะหมุนตามไปด้วย จึงเกิดเป็นสนามแม่เหล็ก ซึ่งสนามแม่เหล็กจะมีประโยชน์คือ จะป้องกันรังสีต่างๆ ที่ออกมาจากดวงอาทิตย์ได้ ซึ่งเวลานี้สนามแม่เหล็กขั้วใต้จะอยู่ที่บริเวณขั้วโลกเหนือ และสนามแม่เหล็กขั้วเหนือจะอยู่ขั้วโลกใต้ แต่กลัวกันว่าถ้าสนามแม่เหล็กกลับขั้วจะไม่สามารถป้องกันรังสีและอนุภาคต่างๆ ที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์ได้ ซึ่ง ตามหลักการวิทยาศาสตร์แล้ว สนามแม่เหล็กสามารถกลับขั้วได้ แต่ต้องใช้เวลานับแสนปี และเวลานี้ยังไม่มีใครทำนายได้ว่าสนามแม่เหล็กโลกจะกลับขั้วหรือไม่ และแม้ว่าจะมีการกลับขั้วจริง นักวิทยาศาสตร์ก็เชื่อว่ายังคงป้องกันรังสีจากดวงอาทิตย์ได้อยู่


′นาซา′เผยวันสิ้นสุดปฏิทินชาวมายาไม่ใช่′วันสิ้นโลก′ แค่ขึ้นปีใหม่

 เรื่องที่ 4 ที่พูดกันว่าเป็นสาเหตุของโลกแตกคือ ดาวเคราะห์เรียงตัวกันทำให้เกิดการดึงดูดกันเองจนชนกันและโลกจะแตก ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย และในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ นักดาราศาสตร์ก็ยืนยันแล้วว่า จะไม่มีปรากฏ การณ์ดาวเรียงตัวแต่อย่างใด

และเรื่องสุดท้ายคือ ระบบสุริยจักรวาลจะมีหลุมดำขนาดใหญ่อยู่ที่ใจกลาง โดยในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ หลุมดำจะดูดโลกเข้าไปและโลกจะแตก ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีเหตุผลใดๆ ทางวิทยาศาสตร์ที่จะมาอธิบายปรากฏ การณ์นี้ได้เลย

 "เรื่องความหวาดกลัวทั้งหมดดังกล่าว ยังไม่ถือว่าเป็นโหราศาสตร์ด้วยซ้ำ แต่เป็นเพียงแค่ข่าวลือที่พูดต่อๆ กันมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2555 และเมื่อใกล้วันตามคำเล่าลือจึงเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง แต่นักวิทยาศาสตร์ ไม่ได้ให้น้ำหนักกับข้ออ้างข้อใดเลยที่จะทำให้โลกแตก" รศ.บุญรักษากล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม เวลานี้มีคนอยู่ 3 กลุ่มที่คิดเห็นต่อเรื่องเหล่านี้ คือ 1.กลุ่มที่เชื่อและเป็นกังวล ถึงขั้นเตรียมการต่างๆ ซึ่งมีทั้งคนไทยและต่างประเทศ 2.กลุ่มที่ไม่เชื่อและมองแบบขำๆ และเอาเรื่องนี้มาพูดคุยต่อกันแบบสนุกๆ และ 3.กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่มีใครเชื่อถือเรื่องเหล่านี้เลย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้คนทั่วโลกเตรียมรับมือกับวันสิ้นโลกตามความเชื่อของชนเผ่ามายาด้วยวิธีที่แตกต่างกัน ตั้งแต่เชิญชวนผู้คนไปร่วมปาร์ตี้สังสรรค์แบบลืมโลกในวันดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าข้อดีของปาร์ตี้ในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ คือไม่ต้องมีการเก็บล้าง เพราะเมื่อวันสิ้นโลกมาถึงมนุษยชาติก็ถึงกาลสิ้นสุด ขณะที่บริษัททัวร์ขี่จักรยานแห่งหนึ่งในประเทศฝรั่งเศสเสนอทัวร์ให้คนมา


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์