กินเม็ดฝรั่งทำให้เป็นไส้ติ่งจริงไหม

กินเม็ดฝรั่งทำให้เป็นไส้ติ่งจริงไหม



ไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคปวดท้องแบบเฉียบพลันที่พบมากที่สุด ซึ่งมักจะพบมากในช่วงอายุ 15-45 ปี ทั้งชายและหญิง

สาเหตุเกิดจาก การอุดตันของไส้ติ่ง ซึ่งอาจเกิดได้จากอาหารอะไรก็ได้ที่ตกลงไป ไม่จำเป็นต้องเป็นเม็ดฝรั่งแบบที่คนโบราณบอก ( แต่เม็ดฝรั่งก็มีส่วนถูกนะ) หรือจะเกิดจากมีการบวมของต่อมน้ำเหลืองบริเวณนั้น หรืออาจเกิดจากพยาธิหล่นลงไปอุด มีเนื้องอกแถวนั้นโตไปอุด จะอะไรไปอุดก็ตาม เมื่อเกิดการอุดรูของไส้ติ่ง ของเหลวสารคัดหลั่งจะไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ ทำให้เกิดอักเสบ มีการติดเชื้อเกิดขึ้น


การรักษาไส้ติ่ง แน่นอนที่สุด อย่างที่เราทราบๆ กันดี คือ การผ่าตัดซึ่งการผ่าตัดอาจทำได้ทั้งการดมยาสลบหรือการฉีดยาชาเข้าที่ไขสันหลัง ที่เรามักคุ้นกับคำว่า บล๊อกหลัง ซึ่งหลังจากนั้น ศัลยแพทย์

อาการของไส้ติ่งอักเสบ ก็คือมีการปวดท้อง ส่วนใหญ่ก็จะปวดทั่วๆ ไป อาจปวดรอบสะดือก่อน จากนั้นอีก 6-12 ชม.ต่อมา อาการปวดจะเริ่มย้ายไปที่ด้านขวาล่าง อาจมีไข้ต่ำ แต่ไข้มักไม่เกิน 38.5 องศาเซลเซียส อาการแบบนี้คืออาการที่มาตรฐาน Super Classic ซึ่งอาการแบบนี้ จริงแล้วพบได้เพียง 25% เท่านั้น ส่วนที่เหลืออาจไม่เป็นไปตามนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับตำแหน่งของไส้ติ่ง อาจมีปวดด้านขวาบนได้หรือตรงกลางได้ ถ้าปลายของไส้ติ่งยาวไปถึงบริเวณนั้นหรืออาการนำอาจไม่ได้ชัดเจนแบบที่บอก

แต่ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักมีอาการเบื่ออาหารกินข้าวไม่ลง บางรายอาจมีคลื่นไส้ อาเจียน อาจมีถ่ายเหลว ถ้ายังไม่ได้รับการรักษา อาการอาจเพิ่มมากขึ้น ไข้อาจสูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส อาการปวดอาจปวดทั้งซ้ายและขวา ซึ่งนั่นหมายถึงไส้ติ่งเริ่มติดเชื้อ รุนแรง เน่า และ แตกหรือกลายเป็นฝี ซึ่งระยะเวลาทั้งหมดขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น คนไข้ อายุ ขนาดของไส้ติ่ง การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะไปบางส่วน แต่โดยทั่วไประยะตั้งแต่เริ่มปวดจนแตกมักไม่เกิน 3 วัน ก็จะทำการผ่าตัด โดยเปิดแผลขนาด 3-4 cm ที่ หน้าท้องด้านขวาล่าง ตัดไส้ติ่งออกเย็บปิดแผล



ที่มา: โรงพยาบาลวิภาวดี


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์