รักเธอจุงเบย ผ่านโซเชียลมีเดีย ระวังเจอ เลิฟแบบผิวๆ


พัฒนาการความรักของคนยุคนี้ต้องเรียกว่า "ไฮเทค" สมยุคสมัย

"หมดยุค"
แล้วกับการเขียนจดหมายบอกรัก, ส่งการ์ดบอกรัก เรื่อยมาจนส่งอีเมล์ ส่งอีการ์ด ส่งเอสเอ็มเอส ส่งเอ็มเอ็มเอส เพราะเมื่อสมาร์ทโฟนกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ที่ขาดไม่ได้ การบอกรักโดยผ่านเฟซบุ๊ก วอทส์แอพ หรือแม้แต่ไลน์ จึงกลายมาเป็นที่นิยมอย่างสูง

และคาดว่า "วาเลนไทน์ 2013" นี้ คนรุ่นใหม่คงจะใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียยอดฮิตนี้ ส่งข้อความหวานๆ สารภาพความในใจแน่ๆ

ที่คาดการณ์เช่นนั้น เพราะจากสถิติการส่ง "คำอวยพร" ในวันปีใหม่และตรุษจีนที่ผ่านมา ของการให้บริการสัญญาณอินเตอร์เน็ตของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส นายปรัธนา ลีลพนัง รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์ และบริการดิจิตอล ให้ข้อมูลว่า มีผู้ส่งคำอวยพรผ่านวอทส์แอพ ไลน์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 3 เท่าตัว ขณะที่เอสเอ็มเอส และเอ็มเอ็มเอส ปริมาณการใช้ลดลงจากปีที่แล้วพอสมควร

"คาดว่าแนวโน้มในช่วงวาเลนไทน์ก็น่าจะเหมือนกัน แต่อาจจะไม่มากเท่าปีใหม่เพราะเป็นการส่งคำบอกรักให้คนคนเดียว ไม่ได้ส่งให้คนจำนวนมากเหมือนปีใหม่"

เหตุผลที่ "ฮอตเว่อร์" ขนาดนี้ "ปรัธนา" วิเคราะห์ว่า ทั้งสองช่องทางมีสติ๊กเกอร์ที่ใช้อารมณ์ได้หลากหลาย เมื่อเทียบกับเอสเอ็มเอสที่ไม่มีตัวอีโมชั่นพวกนี้ อีกทั้งเมื่อโทรศัพท์ใช้เน็ตอยู่แล้ว ส่งผ่านทางไลน์และวอทส์แอพก็เปรียบเสมือนส่งฟรีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ด้าน "ค่ายทรูมูฟ เอช" ดร.อโณทัย รัตนกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ ธุรกิจโมบายล์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น บอกว่า ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา การส่งความสุขและอวยพรผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนอินเตอร์เน็ตและมือถือเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะไลน์ และวอทส์แอพ ที่สามารถส่งข้อความหากลุ่มเพื่อนได้หลายๆ คนในเวลาเดียวกัน และส่งได้ทั้งข้อความ รูปภาพ สติ๊กเกอร์ เสียง และวิดีโอ รวมถึงบริการสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคครั้งสำคัญ ส่งผลให้ยอดการใช้งานเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 300%

"เจ้าหญิงไอที" ฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ หรือซี บอกว่า สมัยนี้หมดยุคของการสื่อสารที่ "ทิ้งช่วงความคิดถึง" กลายมาเป็น อยากทำอะไรดีๆ ให้คนรักมากน้อยแค่ไหน ผ่านโซเชียลมีเดียที่เร็วทันใจแล้ว

"คนรุ่นใหม่ มีโซเชียลมีเดียมาอำนวยความสะดวกทำให้ชีวิตง่ายขึ้น แถมยังมีลีลาเด็ดในการบอกรักกันไม่น้อย อย่างแค่เปลี่ยนสเตตัสว่าโสด ไม่โสด แต่งงานแล้ว ก็ทำให้คนอินกันง่าย และการขึ้นสเตตัสเพียงเท่านี้ก็อาจมีผลทำให้คนเลิกกันเลยก็มี แต่บางคนถ้าลีลามากหน่อย ก็อาจจะโพสต์ยูทูบร้องเพลงหรือทำอะไรเก๋ๆ ให้คนรักรู้สึกประทับใจ ก็ทำกันได้แสนง่าย"

เมื่อ "ง่ายเกิ๊น" ขนาดนี้ สาวซีตั้งข้อสังเกตว่า ถ้ามีการบอกรักกันทางเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์ หรือวอทส์แอพ ในวันวาเลนไทน์ เกรงว่าบางคนอาจเจอรักซ้อนซ่อนเงื่อนแบบผิวๆ เผินๆ รักหลอกๆ จึงหยอกเล่น

"เฟซบุ๊กเป็นสื่อที่ไม่ได้สื่อสารทางเดียว แต่เป็นการรุมสกรัม เป็นเรื่องของสเตตัส สถานภาพ และนี่คือหัวใจเฟซบุ๊ก สิ่งที่ต้องมีในเฟซบุ๊กคือตัวโชว์สถานภาพ เรียกว่าเป็นเว็บจีบกันก็ว่าได้ การทำอะไรบนเฟซบุ๊กต้องชัดเจนนิดหนึ่งว่า โสด หรือสมรส และต้องระวังความสัมพันธ์มากๆ"

กระนั้น เธอวิเคราะห์ว่า ทางเฟซบุ๊กเธอยังไม่แน่ใจว่าคนจะบอกรักผ่านทางนี้มากน้อยแค่ไหน เพราะสังคมไทยยังเขินๆ ในเรื่องนี้ ยกเว้นคู่ข้าวใหม่ปลามันหรือวัยรุ่นที่อาจโพสต์ว่าพาแฟนไปเที่ยวที่ไหนมากกว่า

แต่ที่ดูจะเป็น "ไฮไลต์" น่าจะเป็น "ไลน์" ที่น่าจะฮอตสุดสุดในวาเลนไทน์นี้

หาก "เจ้าหญิงไอที" ก็เตือนว่า ไลน์ เป็นช่องทางแชตที่ความสัมพันธ์รักซ้อนซ่อนเงื่อนได้ง่าย และไลน์เป็นตัวบอกระดับความสัมพันธ์ได้ว่า สนิทระดับไหน

"ในแง่จิตวิทยา การสื่อสารในช่องทางต่างๆ สามารถระบุความสัมพันธ์ได้หลายระดับ" ซีระบุ

ฉะนั้น การบอกรักกับคนรัก คนส่วนใหญ่ก็อยากจะเห็นหน้าบอกกันตรงๆ ให้เห็นดวงตาเห็นหัวใจกัน ส่วนรองลงมาคือการโทร.คุยด้วยเสียง และรองลงมาคือการแชตกัน

"ในแง่ความสัมพันธ์เชิงความรัก ถ้าบอกรักกันผ่านไลน์โดยไม่มีการพูดคุยกันเลย ดูกำกวมมาก ดูเหมือนการแทรกซึม ดูสนิทหรือไม่สนิทก็ได้ เพราะไม่รู้ว่ารักจริง หรือรักแบบกระจายๆ ที่ส่งสติ๊กเกอร์เด้งๆ แบบรักทุกคน ซึ่งนี่คือวิถีหนึ่งของวัฒนธรรมสติ๊กเกอร์ เพราะถ้ารักจริงๆ ก็น่าจะโทร.มาแล้ว มันเป็นความสัมพันธ์แบบผิวๆ"

แต่จะรักจริง หรือรักหลอก หรือรักซ้อนซ่อนเงื่อน อันนั้นก็ขึ้นอยู่กับการนำไปประยุกต์ใช้ของแต่ละคน คู่รักบางคู่อาจจะอยากส่งสติ๊กเกอร์น่ารักๆ ให้กันและค่อยโทร.หากันก็เป็นได้ ซึ่งคุณประโยชน์ของสื่อไอทีถ้าใช้ในทางที่ดีๆ เชื่อว่าจะยิ่งเสริมความรักความสัมพันธ์ให้กระชับแน่นแฟ้นมากขึ้น

"ช่วงปีก่อน ซีทำเว็บ ซีเมเจอร์ ซึ่งเป็นเว็บที่ให้ส่งเพลงหากัน เหมือนส่งอีการ์ด ก็มีพี่คนหนึ่งที่แต่งงานแล้ว ทำคลิปหวานๆ ส่งให้แฟน พอส่งเสร็จก็วิ่งจากชั้น 2 ลงมาชั้นหนึ่ง ก็ได้เห็นแฟนกำลังนั่งดูคลิปที่ส่งให้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม นับเป็นพื้นที่เล็กๆ น่ารัก ที่ใช้แสดงความรักความคิดถึง ส่งความรู้สึกที่ดีต่อกันได้

"ความรักมีหลายรูปแบบ ไม่ได้มีแค่คู่รักอย่างเดียว อาจจะเป็นพ่อแม่ หรือเพื่อนก็ได้ ซึ่งบางครั้งลูกหลานก็อาจจะสอนให้พ่อแม่เปิดคลิป เปิดอีเมล์ แล้วส่งคลิป ส่งรูป ส่งการ์ดอวยพรให้ท่าน แค่นี้ก็มีความสุขได้แล้ว

"ถ้าเราลองคิดดีๆ สุดท้ายสิ่งที่เรียกว่าความรัก ต้องไม่ใช่ปฏิกิริยามากมาย ไม่มีคนที่ 3-4-5-6 มากมาย ความรักเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายๆ เรียบง่าย เพราะถ้ายิ่งมากยิ่งซับซ้อน ยิ่งสร้างปัญหา

"ยกตัวอย่างในเฟซบุ๊ก ที่อัตราการหย่าร้าง 48 เปอร์เซ็นต์ มีสาเหตุมาจากเฟซบุ๊ก ทั้งแฟนเก่ารีเทิร์น มีกิ๊กนอกใจ การขึ้นสเตตัสเลิกหรือหย่ากัน สะท้อนให้เห็นว่า ถึงไอทีจะพัฒนาไปไกลแค่ไหน เรื่องความสัมพันธ์ของคน ความรักก็เป็นแค่คน 2 คนอยู่ดี ช่วงเวลาที่เราโพสต์อะไรลงเฟซบุ๊ก เราอาจจะกำลังปล่อยให้คนข้างๆ อยู่กับความเหงาไปแล้วก็ได้"


ออกตัวว่า "ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญความรัก" แต่สาวซีก็ฝากเอาไว้ว่า

"ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันแห่งความรัก วันนี้อาจเป็น 1 วันที่ใช้สื่อไอทีกับคนรัก แต่ใช้ให้พอดี แล้วเหลือเวลาเอามือที่ใช้จับจอหันมาจับใจคู่รักให้มากกว่านี้ ขอให้อุปกรณ์ไอทีเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งที่จะเก็บความทรงจำ แต่อย่าให้มาเป็นส่วนเกินในเรื่องของความสัมพันธ์"

สุขสันต์วันแห่งความรัก

หน้า 25,มติชนรายวัน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556

รักเธอจุงเบย ผ่านโซเชียลมีเดีย ระวังเจอ เลิฟแบบผิวๆ

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์