ในยุคที่ชาวจีนสมัยใหม่กำลังใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อยิ่งกว่าชาติตะวันตกเจ้าลัทธิทุนนิยมเช่นตอนนี้ การกินทิ้งกินขว้างกำลังกลายเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของสังคม จนต้องมีการออกมารณรงค์เรื่องนี้กันอย่างจริงจัง
อาหารกับชาวจีนเรียกได้ว่าเป็นของคู่กัน โดยเฉพาะวัฒนธรรมการกิน "โต๊ะจีน" ที่ต้องมีอาหารหลากหลายมากมายนับ 10 ชนิดในมื้อเดียว ถือเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อมาถึงเรื่องอาหารการกิน ชาวจีนไม่แพ้ใคร ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพความอร่อยของเมนูต่างๆ เนื่องจากตามทัศนคติของพวกเขา การมีอาหารมากมายจนเหลือทิ้ง แสดงถึงความร่ำรวยและการต้อนรับขับสู้แขกอย่างเต็มที่สมหน้าสมตา
แต่ในยุคที่เศรษฐกิจจีนกำลังเฟื่องฟู และสังคมจีนกำลังเข้าสู่ลัทธิบริโภคนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นในปัจจุบัน ดูเหมือนว่าวัฒนธรรมการกินอยู่แบบฟู่ฟ่าเหลือกินเหลือใช้จะเริ่มกลายเป็นปัญหาใหญ่ เพราะคนที่มีกำลังทรัพย์มากพอที่จะทำเช่นนี้ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จากการขยายตัวของชนชั้นกลางและเศรษฐีใหม่ในประเทศ ทำให้ภาพที่เห็นกันจนชินตาในภัตตาคารหรูทั่วประเทศ คืออาหารที่เหลือคาจานแบบครึ่งต่อครึ่ง ในขณะที่คนจีนอีกหลายล้านคนยังยากจนไม่มีจะกิน
โดยมีการสำรวจพบว่า อาหารเหลือจากเฉพาะนักศึกษาในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศในแต่ละปี สามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนได้อีกถึง 10 ล้านคน
วิกฤติกินทิ้งกินขว้างนี้ ทำให้เกิดแคมเปญรณรงค์เล็กๆ ขึ้น ชื่อว่าแคมเปญ "Empty Plate" หรือ จานเปล่า โดยนายชูเฉอจุ้น ผู้ริเริ่มแคมเปญนี้ เริ่มจากการโพสต์ภาพจานอาหารเปล่าที่ไม่มีเศษอาหารเหลือของตนเองลงในซิน่า เหว่ยโปว หรือทวิตเตอร์เวอร์ชั่นจีน เพื่อรณรงค์ให้เพื่อนร่วมชาติหันมาให้ความสำคัญกับการกินอาหารให้หมดจานมากขึ้น
แคมเปญนี้ไม่ได้รับความสนใจมากนัก จนกระทั่งได้รับการสนับสนุนจากบุคคลระดับซุปเปอร์วีไอพีอย่างนายสีจิ้นผิง ว่าที่ประธานาธิบดีของจีน โดยเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมานายสีเดินทางไปยังมณฑลเหอเป่ย และสร้างปรากฏการณ์ที่เป็นที่ฮือฮากันในโลกออนไลน์จีน โดยการรับประทานอาหารที่ประกอบด้วยกับข้าว 4 อย่างและซุป 1 ถ้วย ซึ่งถือว่าเป็นมื้อที่เรียบง่ายจนน่าตกใจสำหรับผู้นำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์
นับตั้งแต่อาหารมื้อนั้น แคมเปญ Empty Plate ก็ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง 1 เดือนถัดมา นายสีก็ได้ย้ำถึงจุดยืนของเขาในการสนับสนุนการรณรงค์หยุดการกินทิ้งกินขว้างอีกครั้ง ด้วยการกล่าวถึงแคมเปญนี้ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พร้อมทั้งกล่าวว่านิสัยกินทิ้งกินขว้างเช่นนี้ต้องยุติลงโดยเร็วที่สุด
จากวันนั้นเป็นต้นมา แคมเปญ Empty Plate ที่เป็นแคมเปญเล็กๆ ในโลกออนไลน์ก็กลายเป็นกระแสที่สื่อของรัฐบาลทั่วประเทศพากันประโคมข่าว มีการรณรงค์เรื่องนี้กันอย่างจริงจังทั้งในโรงเรียน มหาวิทยาลัย และหน่วยงานราชการ เรียกว่าได้ผลเป็นวงกว้างเกินกว่าที่นายชูผู้เริ่มต้นแคมเปญนี้จะคาดคิด
นอกจากโครงการนี้จะประสบความสำเร็จในการปลุกกระแสตื่นตัวเกี่ยวกับนิสัยกินทิ้งกินขว้างในประเทศแล้ว ยังถูกมองว่าเป็นตัวอย่างที่หาได้ยากของความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและโลกออนไลน์ของจีนอีกด้วย เนื่องจากโดยปกติแล้ว รัฐบาลจีนถือเป็นไม้เบื่อไม้เมากับบรรดาเนตติเซน (netizen)ในโลกไซเบอร์มาโดยตลอด
ที่มา news.voicetv / thaiza
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
