รับมือท้องถนน ยุครถติดหนึบ (กว่าเดิม) !


รับมือท้องถนน ยุครถติดหนึบ (กว่าเดิม) !

  ขณะที่การยื่นขอสิทธิ์คืนภาษีรถคันแรกของรัฐบาลยังคงคึกคัก จนปลายปีที่ผ่านมากรมสรรพสามิต ถึงกับคาดเป้ายอดจองรถคันแรกน่าจะพุ่งขึ้นถึง 1.2 ล้านคัน! 

 โอ้แม่เจ้า...แค่ลองนึกเล่นๆ ว่าปี 2556 นี้ จะมีน้องๆ สมาชิกใหม่ป้ายแดงมาร่วมใช้พื้นที่จราจรเพิ่มขึ้นอีกนับล้านคัน ขณะที่พี่ถนนของเรายังคงตัวลีบเท่าเดิม ...แน่นอนว่างานนี้คงไม่รอดภาวะเบียดเสียด ติดหนึบ! โดยเฉพาะเมืองแห่งการสัญจรอย่างกรุงเทพมหาครที่ทรมานกับภาวะนี้มายาวนานอยู่แล้ว ปีนี้คนเมืองจึงต้องปรับตัวและทำใจกันอีกเยอะจะเป็นเรื่องใดบ้าง 

วันนี้เราจึงนำความเห็นจากผู้ใช้รถใช้ถนนทุกวี่ทุกวันมาฝากกัน

ถ้าเช็กสภาพการจราจรก่อนออกเดินทางก็จะลดปัญหาติกแหงกอยู่กลางถนนไปได้เยอะ หนึ่งทางออกของคนที่ชอบขับรถเป็นชีวิตจิตใจอย่าง  "หนิง" ภควดี อมรพิทักกูล สาวนักการตลาดแห่ง บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) ที่แนะนำให้ผู้ขับขี่ลองใช้แอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนให้เป็นประโยชน์พร้อมปรับตัวเองให้ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ได้คุ้มเวลามากกว่าความสะดวกสะบาย

 "ปกติหนิงจะวิ่งเส้นบางนาไปทำงานในเมือง เป็นคนที่รู้ทางเยอะมากเพราะตอนเด็กๆ เราขับรถไม่เป็นเวลาออกไปไหนมาไหนเลยต้องศึกษาเส้นทางให้มากหน่อย คือรู้ว่าถ้าจะเลี่ยงเส้นนี้จะต้องไปยังไง ออกตรงไหน มีทางลัดอะไรบ้าง พอเริ่มมาขับรถหนิงก็จะใช้แอพพลิเคชั่นของกรุงเทพมหานครฯ ที่ชื่อว่า บีเอ็มเอ ไลฟ์ ทราฟฟิก (Bma Live Traffic) ดูว่าช่วงเวลานี้ที่ไหนมีการจราจรติดขัดบ้างเราจะได้เลี่ยงเส้นนั้นไป แต่ปกติจะไม่ขับรถหลัง 10 โมงเช้า กับหลัง 6 โมงเย็นเลย เพราะรถติดมาก หนิงว่าวินัยการใช้ท้องถนนของตัวเองจริงๆ คือการไม่ติดกับความสะดวกสบายมากเกินไป แนวคิดทางเดียวกันไปด้วยกันหนิงว่าใช้ได้ดีจริง เวลาไปเที่ยวไหนหรือออกไปทานข้าวเที่ยงก็จะชวนเพื่อนๆ ที่ไปด้วยกันมานั่งรถคันเดียวกันให้หมดไม่ต้องต่างคนต่างขับไป วิธีนี้ช่วยลดจำนวนรถบนถนนได้เยอะและจะได้ผลดีถ้าทุกคนช่วยๆ กันทำ ถ้าต้องไปในเส้นที่รถติดมากก็เลือกใช้บริการรถไฟฟ้า หรือรถไฟใต้ดินแทนคนสมัยนี้ติดภาพว่ามีรถก็ต้องขับไปทุกที่แต่ทุกวันนี้เวลาหายากมาก อย่าเสียเวลานั่งอยู่ในรถนานๆ เลย " สาวนักการตลาดแจงวิธี

 ทางด้านนักธุรกิจหนุ่ม "ไอ๋" ดลชัย บุณยะรัตเวช แอบติงนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับรถคันแรกว่า เป็นกลยุทธที่เป็นดาบสองคมสำหรับคนในสังคมไทยเป็นอย่างมาก แม้จะเข้าใจว่าทุกคนอยากจะมีรถคันแรกเป็นของตัวเอง เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง และการใช้ชีวิตในสังคมเมือง แต่ขณะเดียวกันผู้ใช้รถจะต้องใช้อย่างมีสติ รู้จังหวะว่าช่วงไหนการจราจรหนาแน่น ก็ควรจะหลีกเลี่ยงใช้บริการรถสาธารณะทั่วไป แต่ถ้าเป็นช่วงวันหยุดหรือวันทำงานที่จำเป็นต้องเดินทางออกไปนอกเมือง ก็น่าจะเหมาะสมกว่า

  "ไม่ว่าจะทำอะไรต้องใช้สติไตร่ตรองดูด้วยว่าอะไรเหมาะ อะไรควร ไม่ใช่ว่าเขามีนโยบายรถคันแรกแล้ว ก็หลงระเริงใช้รถคันนั้นในชีวิตประจำวันทุกวัน โดยไม่ได้คิดว่าสภาพบนท้องถนนจะเป็นอย่างไร อย่างถ้าทำงานอยู่ในเมืองสำหรับผมมองว่าไม่จำเป็นต้องใช้รถ แต่ควรจะใช้บริการรถไฟฟ้า รถแท็กซี่ ถ้ารู้ว่าช่วงเวลาไหนรถติดจะทำให้เราหงุดหงิด ก็อย่าไปเพิ่มความติดขัดบนท้องถนน เมื่อเราแก้ปัญหารถติดไม่ได้ ผมว่าเราควรจะมาวางแผนชีวิตตัวเองดีกว่า จะไปไหนต้องทำการบ้านก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อจะได้รู้ว่าเราจะใช้อาวุธอะไรแบบไหนในการดำเนินชีวิต" ไอ๋ แนะนำ

 ในมุมมองของคนทำงานประจำอย่าง "ติ๊ก" ดร.ศันสนีย น้อยสคราญ นักวิจัยหน่วยปฏิบัติงานเทคโนโลยีทางการแพทย์ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ บอกว่าปัจจุบันสังเกตเห็นได้ชัดว่าปริมาณรถมีจำนวนมาก โดยคิดว่าทุกคนมีเหตุผลส่วนบุคคลที่ต้องการใช้รถจึงหลีกเลี่ยงปัญหาจราจรด้วยการใช้บริการรถสาธารณะให้มากขึ้น

  "เมื่อก่อนเป็นคนขับรถยนต์เป็นประจำอยู่แล้ว แต่พอช่วงหลังมานี่จำนวนรถมีเยอะขึ้นและมีการสร้างรถไฟฟ้าตลอดทางทำให้รถติดมาก เลยปรับตัวด้วยการใช้บริการรถประจำทางและเรือด่วน จากบริเวณท่าน้ำนนท์ ไปถึงโรงพยาบาลศิริราชทุกวัน จะใช้รถในการทำธุระส่วนตัวในวันหยุดและไปประชุมในเมืองเท่านั้น ความคิดที่ว่าต้องมีรถยนต์ส่วนตัวใช้ไปไหนมาไหนเป็นความเคยชินของคนไทยมากกว่า  บางทีเราใช้บริการรถสาธารณะยังรวดเร็วกว่าขับรถไปเองหลายเท่า และระบบขนส่งปัจจุบันนี้ก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถ้าหากขับรถแล้วอยู่ในสภาวะรถติดตัวเองก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้แล้ว ทุกคนต่างต้องประสบปัญหาเหล่านี้เหมือนกันหมดทางที่ดีต้องศึกษาเส้นทางเยอะๆ ใจเย็นแล้วเลี่ยงเส้นทางที่รถติดดีกว่า" นักวิทยศาสตร์สาวกล่าว 

หนึ่งในผู้ขอใช้สิทธิคืนภาษีรถคันแรกที่ได้รถใหม่ป้ายแดงมาใช้ในปีนี้อย่าง "หนุ่ม" พิชัย ลิมป์หวังอยู่ พนักงานแห่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิต วัย 24 ปี  บอกสาเหตุของการใช้รถของตัวเองว่า ปกติที่บ้านมีรถที่เวียนใช้กันเป็นประจำอยู่แล้ว 1 คัน แต่เนื่องจากตัวเองต้องทำงานประจำบวกกับจังหวะที่มีการคืนภาษีรถยนต์ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการออกรถใหม่ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะ

 "ตอนซื้อสารภาพว่ายังไม่ได้คิดว่ารถจะเยอะขึ้นขนาดไหน แต่เห็นว่าเป็นจังหวะเหมาะสมกับการมีรถเป็นของตัวเอง  พอขับได้สัก 1 เดือนจากบ้านที่บางใหญ่ถึงที่ทำงานย่านพระราม 7 ทุกวัน ก็รู้ว่ารถเยอะขึ้นจริงๆ มองเห็นรถป้ายแดงเหมือนกันอยู่เต็มถนน แต่สำหรับตัวเองก็มองจากในมุมมองคนเคยนั่งรถโดยสารประจำทางมาก่อนว่าคงติดแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้วรึเปล่า ส่วนตอนนี้และในอนาคตก็มีวิธีรับปัญหาเบื้องต้นไว้ก่อน คือการศึกษาเส้นทาง รู้เวลาจราจร ว่าตรงไหนควรเลี่ยง เวลาไหนไม่ควรไป และรักษาวินัยบนท้องถนนเอาไว้ที่ทำเป็นพื้นฐานเลย คือถ้าไฟเหลืองแล้วก็จะจอดทันที ไม่พุ่งออกไปเพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากรถและคนจะบาดเจ็บแล้วยังทำให้สภาพจราจรติดขัดเดือนร้อนกันกว่าเดิมอีก เชื่อว่าถ้าเรารักษากฎจราจรรถเยอะแค่ไหนก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา" พนักงานหนุ่มกล่าว

  ทิ้งท้ายด้วยหนุ่มวัยรุ่นที่ใช้รถยนต์ในการเดินทางเป็นประจำ "เจมส์" นัทธพงศ์ อรุณประเสิฐ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า เวลาจะเดินทางไปไหนมาไหนส่วนใหญ่จะใช้รถยนต์ส่วนตัว เพราะความสะดวกสบาย ไม่ต้องเสียเวลาในการขึ้นรถสาธารณะ

  “ในช่วงปีนี้แน่นนอนว่า รถต้องหนาแน่นมาก ยิ่งรัฐบาลมีนโยบายรถคันแรก ประชาชนทั่วสารทิศก็ให้ความนิยมในการจองรถคันแรกกัน  คิดว่า ก่อนที่จะมีนโยบายรถคันแรก ช่วยมีนโยบายในการปรับปรุงถนนหนทางในประเทศก่อนจะดีกว่าไหม เพราะเท่าที่เห็นและเจอมากับตัวรู้สึกว่าถนนแย่มาก แต่ในขณะที่รถกลับเพิ่มมากขึ้นเมื่อถนนไม่ดีมาปะทะกับรถมากก็ยิ่งแย่กันไปใหญ่  อีกทั้งประชาชชนมีรายได้เท่าเดิมแต่เมื่อมีนโยบายนี้ ก็ทำให้เกิดความน่าสนใจอยากได้รถคันแรก ส่วนในเรื่องของการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่นั้น เลี่ยงที่จะเดินทางออกต่างจังหวัด เพราะอย่างแรก คือ เรื่องของอุบัติเหตุ เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ปัจจัยก็มีหลายด้าน ทั้งคนขับหน้าใหม่เยอะขึ้น ประสบการณ์ในการขับรถน้อย แม้ว่าใครก็ตาม จะขับรถดีแค่ไหนแต่ถ้าปัจจัยรอบข้างไม่เอื้ออำนวยก็เกิดอุบัติเหตุได้เหมือนกัน ” นักศึกษาผู้ใช้รถยนต์เป็นประจำให้ความเห็นทิ้งท้าย

นอกเหนือจากการโอดครวญกับปัญหาจราจรแบบไทยแลนด์โอนลี่!  ในคนตอบของทุกคนก็ยังมีเป็นเทคนิคแก้ไขปัญหาเล็กๆ ให้นำไปใช้บรรเทาความหงุดหงิดระหว่างรอรถเคลื่อนตัวกันได้บ้าง ลองหยิบมาใช้กันคนละนิดเคารพกฎจราจรให้มากขึ้นอีกสักหน่อยถึงรถเยอะ แต่คนไม่มีอาการ "เยอะ" ก็ไม่มีปัญหาแน่นอนคร้า...


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์