กินอะไรขาวไป..ก็ไม่ดี!!


กินอะไรขาวไป..ก็ไม่ดี!!

อาหารหลายชนิดมักใช้สารฟอกขาวนี้ เพื่อทำให้อาหารมีสีที่น่ารับประทาน จากการฟอกสีในอาหาร และยังใช้เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์

ในบรรดาสารปนเปื้อนในอาหารที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค สารฟอกขาว หรือสารเคมีในกลุ่มซัลเฟอร์ฯ จัดเป็นสารปนเปื้อนอีกชนิดที่ทั้งหน่วยงานภาครัฐและผู้บริโภคอย่างเรา ต้องระมัดระวังกันให้มาก เพราะในปัจจุบันอาหารหลายชนิดมักใช้สารฟอกขาวนี้ เพื่อทำให้อาหารมีสีที่น่ารับประทานจากการฟอกสีในอาหาร และยังใช้เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์อีกด้วยนะคะ

ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Sulphur dioxide) เป็นสารเคมีตัวหนึ่งในกลุ่มซัลไฟต์ หรือสารฟอกขาวที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเปลี่ยนสีของอาหารไม่ให้เป็นสี น้ำตาลยับยั้งการเจริญเติบโตของยีสต์ รา แบคทีเรีย หากใช้ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในปริมาณที่พอเหมาะจะไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ทั่วไป แต่จะมีผลกระทบต่อผู้บริโภคที่แพ้สารนี้ ทำให้เกิดโรคหืด มีอาการแน่นหน้าอก คันคอ หรือเป็นผื่นคัน เป็นแผลพุพองซึ่งทางด้านองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO/WHO) ได้กำหนดค่าการบริโภคซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในแต่ละวัน ที่ได้รับไม่เกิน 0.7 มิลลิกรัมต่อคนต่อวัน ถ้าคนน้ำหนักตัว 60 กิโลกรัม จะรับซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในระดับที่ปลอดภัยได้ 42 มิลลิกรัมต่อวัน ทั้งนี้ เกณฑ์มาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้พบปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ได้ไม่เกิน 1,500 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

จากการเฝ้าระวังและตรวจวิเคราะห์อาหารแห้งของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยังคงตรวจพบว่ามีสารฟอกขาวซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตกค้างอยู่ในอาหารแห้ง เช่น ดอกไม้จีน เยื่อไผ่ เห็ดหูหนูขาว เก๋ากี้ และยังตรวจพบในอาหารกลุ่มผัก-ผลไม้แห้ง ถั่วงอก แป้ง เส้นก๋วยเตี๋ยว ไปจนถึงน้ำตาลปี้บอีกด้วยนะคะ และปัจจุบันพบว่า มีการนำสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์มาใช้ผิดวัตถุประสงค์ คือ การนำไปใช้เป็นสารฟอกสีในพืชผักสด เช่น หัวไช้-เท้าสด ขิง หน่อไม้ ถั่วงอก เพื่อรักษาสภาพความสด และเพิ่มความขาวให้น่ารับประทาน สิ่งนี้ถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับผู้บริโภคเลยล่ะคะ เพราะ

ถ้า ร่างกายได้รับสารเหล่านี้ สารจะถูกออกซิไดซ์เป็นซัลเฟตแล้วขับออกทางปัสสาวะ ถ้าขับไม่หมดก็จะไปลดประสิทธิภาพของการใช้ไขมันและโปรตีนในร่างกาย และทำลายวิตามินบี 1 ในอาหารได้ และถ้าสารชนิดนี้สะสมในร่างกายมากๆ จะทำให้หายใจติดขัด ปวดท้อง ท้องร่วง เวียนศีรษะ อาเจียน ไปจนถึงหมดสติได้

วิธีเลี่ยงสารฟอกขาวอย่างง่ายๆ คือ การหัดเป็นคนช่างสังเกต เลือกรับประทานอาหารที่มีสีธรรมชาติ ไม่ขาวจนเกินไป เลี่ยงอาหารกลุ่มเสี่ยงที่ตรวจพบบ่อยดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น หรือหากจำเป็นต้องรับประทาน ควรจะเลือกอาหารเหล่านี้จากผู้ขายและแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้กันนะคะ อาจใช้วิธีนานๆ ทานเสียที ก็น่าจะช่วยลดความเสี่ยงให้ร่างกายในการได้รับสารฟอกขาวในปริมาณสูงเกินไป

ผู้เขียนเองเคยเลือกซื้อลำไยอบแห้งตอนที่เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่มาให้ กับเพื่อนที่ฝากซื้อ เชื่อไหมคะว่าในร้านๆ เดียวกัน ลำไยอบแห้งมีหลายเฉดสีให้เราเลือก ตั้งแต่สีเหลืองทองสวยงามไปจนถึงสีคล้ำเกือบดำ และสนนราคาก็แพงเรียงลำดับจากสีอ่อน ไปจนถึงสีเข้มที่ถูกที่สุด คุณผู้อ่านที่รักสุขภาพลองนึกภาพตามนะคะว่า ธรรมชาติแล้วน้ำตาลหากโดนความร้อนสีของน้ำตาลก็จะค่อยเปลี่ยนไปๆ มีสีคล้ำขึ้น เคยเห็นน้ำตาลที่โดนความร้อนจนกลายเป็นสีคาราเมลกันใช่ไหมคะ ดังนั้นลำไยอบแห้งที่ต้องสงสัยว่ามีการใช้สารฟอกขาวมากที่เราควรระมัดระวัง ก็คือ กลุ่มที่มีสีเหลืองทองนั่นเองค่ะ

ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็ได้ศึกษาการลดปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ใน ดอกไม้จีน และเห็ดหูหนูก่อนนำไปปรุงอาหาร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการลดปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในผักแห้งอื่นๆ และเป็นข้อมูลสำหรับผู้บริโภค จากการ ศึกษาพบว่า หากนำดอกไม้จีนมาล้างน้ำจะลดปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้มากกว่าการแช่น้ำ โดยลดได้มากกว่าร้อยละ 90 สำหรับเห็ดหูหนู ควรนำมาล้างน้ำและลวกในน้ำเดือด 2 นาทีก่อนนำไปปรุงอาหาร จะทำให้สามารถลดปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้ร้อยละ 90 เช่นกัน

โดยผู้บริโภคสามารถนำผลการศึกษานี้ไปใช้ประโยชน์ในการปรุงอาหารเพื่อลดความเสี่ยงในการรับสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์

ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการดำเนินมาตรการควบคุมปริมาณสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้า เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคแล้ว ในส่วนของผู้ประกอบการที่มีการใช้ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในการผลิตอาหาร ก็ควรแสดงฉลากเพื่อเตือนให้ผู้บริโภคที่แพ้ หรือมีความไวต่อสารนี้ได้รับทราบกันด้วยนะคะ

ทราบกันอย่างนี้แล้วผู้รักและใส่ใจสุขภาพคงได้ทราบถึงเทคนิคในการเลี่ยง และเลือกรับประทานอาหารที่มีความเสี่ยงในการปนเปื้อนของสารฟอกขาวเกินกำหนด ไปจนถึงวิธีการลดปริมาณสารฟอกขาวตกค้างในอาหารลงเพื่อให้เราได้รับประทาน

อาหารกันอย่างปลอดภัย ไร้สารฟอกขาวกันอีกต่อไปนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของเราและคนที่เรารักในระยะยาวกันค่ะ



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์