การดูแลตับของเราให้ดีีี



สำหรับผู้ห่วงใยในสุขภาพที่ดีของตับในร่างกาย การพักผ่อนที่เพียงพอและการนอนหลับที่ดี
เป็นสิ่งที่สำคัญ ถ้าหากคุณยังมีปัญหาในการนอนหลับ พิษและของเสียที่อยู่ในร่างกายย่อมจะ
สะสมและเป็นปัญหาต่อสุขภาพและอารมณ์ของคุณเอง

สาเหตุหลักที่ทำลายตับของคุณคือ
1. การนอนดึกและตื่นสายเป็นสาเหตุลำดับต้น ๆ
2. การไม่ปัสสาวะในตอนเช้า
3. ทานจุเป็นประจำ
4. ไม่รับประทานอาหารเช้า
5. บริโภคยามากเกินไป
6. บริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของวัตถุกันเสีย สีผสมอาหาร
วัตถุปรุงแต่ง และน้ำตาลเทียม
7. บริโภคน้ำมันที่ใช้ทำอาหารซึ่งด้อยคุณภาพและไม่เป็นประโยชน์
ถ้าหากคุณสามารถลดปริมาณการใช้น้ำมันในการทอดอาหาร
ซึ่งรวมถึงการใช้น้ำมันที่ดีที่สุดที่ใช้ทำอาหาร เช่น น้ำมันมะกอก
จงหลีกเลี่ยงการบริโภคของทอด เมื่อคุณมีอาการเหน็ดเหนื่อย
อ่อนเพลีย ยกเว้นถ้าหากร่างกายคุณฟิต
8. บริโภคอาหารที่ผ่านการปรุงมากเกินไปย่อมสร้างภาระแก่ตับ
ผักควรทานสด ๆ หรือผ่านการทำให้สุก เพียง 3-5 ส่วน
ผักที่ผ่านการผัดควรจะบริโภคให้หมดในมื้อเดียว อย่าเก็บไว้ทาน
ในมื้ออื่น ๆ ถั่วต่าง ๆ รวมทั้งธัญพืชสารพัดอย่าง เช่น ลูกเดือย
ข้าวฟ่าง ฯลฯ มีประโยชน์ต่อลำไส้ คือ ช่วยกวาดเชื้อโรค + แบคทีเรีย
ชนิดไม่ดีออกจากลำไส้เรา ควรกินอาทิตย์ละครั้งเป็นอย่างน้อย
พืชผักสีเขียวมีคลอโรฟิว ช่วยทำให้เม็ดเลือดลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยง
ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดี เซลล์แต่ละเซลล์จะแข็งแรงเมื่อมีออกซิเจน
ไปหล่อเลี้ยง ก่อนเอาผักมากิน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสารพิษ อย่าลืมแช่
ผักด้วยน้ำส้มสายชู 45 นาที

เราควรพักผ่อนเข้านอนเวลา 3 ทุ่ม เนื่องจากร่างกายเราต้องการเวลาในการซ่อมแซม
ส่วนที่สึกหรอ ขับของเสียตามอวัยวะต่าง ๆ ย่อยอาหารให้หมด ถ้ากินมื้อหนักตอนกลางคืน
แถมนอนดึกอีก รับรองว่าอ้วนพุงพุ้ยแน่นอน ไขมันเผาผลาญไม่หมดมันเลยสะสม
แต่ถ้าต้องนอนดึกเลี่ยงไม่ได้ เพราะอ่านหนังสือเตรียมสอบ ทำรายงาน ขนงานมาทำ หรือติดงาน
อะไรก็ตาม ควรปฏิบัติดังนี้ :

1. งดเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ เพราะย่อยยาก
ลำไส้ต้องทำงานหนัก แต่ถ้าหากเราอยากกินเนื้อสัตว์ก็ควรช่วยลำไส้ย่อย
ด้วยการเคี้ยวให้ละเอียด ยิ่งเคี้ยวละเอียดก็ยิ่งดี จะได้แบ่งเบาภาระลำไส้
2. ดื่มน้ำขิง ผสม น้ำผึ้ง อุ่น ๆ หรือ น้ำอุ่นธรรมดา + น้ำผึ้ง
หรือถ้าไม่มีอะไรเลย น้ำอุ่นธรรมดา สัก 1 แก้วก็ได้ เหมือนกัน
3. เวลานอน ควรทำให้ช่วงท้อง / ฝ่าเท้าอุ่น โดยการห่มผ้า
หรือใส่ถุงเท้าด้วยก็จะดี
4. ที่จริงมื้อดึก ควรเป็นมื้อเบา ๆ อย่างเช่น ผัก ผลไม้ นม
ไข่ เนื้อปลา จะดีกว่า
5. ควรเลี่ยงน้ำเย็น น้ำอัดลม เพราะเพิ่มภาระให้ระบบภายใน
ร่างกาย ร่างกายเราต้องความร้อนเพราะช่วยในการย่อยอาหาร หากดื่ม
แต่น้ำเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมื้ออาหาร จะทำให้ร่างกายเราต้อง
พยายามปรับอุณหภูมิให้อุ่นเหมาะสมก่อน แล้วจึงนำไปใช้
การดื่มน้ำอัดลมก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพิ่มกรดให้ร่างกาย แถมมีน้ำตาล
ที่สะสมตามร่างกายอีก อย่าลืมดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้วนะ น้ำสะอาด
จะช่วยล้างของเสียออกจากร่างกาย อย่าขี้เกียจลุกไปห้องน้ำเด็ดขาด

เราจะต้องพยายามปรับวิถีการดำเนินชีวิตโดยเฉพาะนิสัยการกิน การปลูกฝังนิสัยการกิน
ที่ดีและดูแลปัจจัยเรื่องเวลา เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ร่างกายของเราได้รับประโยชน์และสามารถ
กำจัดสารที่ไม่เป็นประโยชน์ในร่างกายตามตารางเวลาที่ควรจะเป็นเพราะ

1. ช่วงเวลากลางคืน 3 ทุ่ม - 5 ทุ่ม :
เป็นระยะเวลาที่ร่างกายจะกำจัดสารพิษต่าง ๆ โดยระบบต่อต้านเชื้อโรคในร่างกาย
(ระบบหมุนเวียนของน้ำเหลืองในร่างกาย) ช่วงเวลานี้ควรจะต้องถูกใช้ไปในการพักผ่อน
หรือผ่อนคลายด้วยการฟังดนตรี ถ้าหากช่วงเวลานี้แม่บ้านยังคงวุ่นอยู่กับงานบ้าน เช่น
ล้างจาน หรือดูแลเด็ก ให้ทำการบ้าน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นผลลบต่อร่างกาย
2. ช่วงเวลากลางคืน 5 ทุ่ม - ตี 1 :
กระบวนการกำจัดสารพิษในตับและแน่นอน ควรจะต้องอยู่ในช่วงการนอนหลับสนิท
ในช่วงเช้าระหว่างเวลาตี 1 ถึง ตี 3 นั้น กระบวนการกำจัดสารพิษในน้ำดี ก็ควรจะเป็นช่วง
แห่งการนอนหลับสนิทเช่นกัน
3. ช่วงเวลาตี 1 - ตี 3 :
การกำจัดสารพิษในปอด เพราะฉะนั้นอาจจะมีอาการไออย่างรุนแรง สำหรับผู้ที่มีปัญหา
การไอในช่วงเวลาดังกล่าว ตอนนี้กระบวนการกำจัดสารพิษจะเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจแล้ว
และก็ไม่จำเป็นที่คุณจะใช้ยาแก้ไอ เพื่อที่จะได้ไม่ไปขัดขวางขั้นตอนการกำจัดสารพิษในร่างกาย
ห้ามอดหลับอดนอนตั้งแต่ ตีหนึ่ง เด็ดขาด เนื่องจากถุงน้ำดีกำลังย่อยไขมัน ถ้าอดนอน
เวลานี้บ่อย ๆ จะทำให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดี
4. ช่วงเช้า ตี 5 - 7 โมงเช้า :
การกำจัดสารพิษในปลายลำไส้ใหญ่ ก็ถึงเวลาที่จะต้องทำให้พุงและลำไส้ของคุณว่างลง
5. ช่วงเช้า 7 - 9 โมงเช้า :
การดูดซึมสารอาหารสู่ลำไส้เล็ก คุณควรจะต้องทานอาหารเช้าในช่วงเวลานี้ อาหารเช้าควร
จะก่อนเวลา 6.30 น. สำหรับผู้ป่วย อาหารเช้าที่ทานก่อน 7.30 น. นั้นดีต่อผู้ที่ต้องการมีร่างกาย
สุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ ถ้าอยากกินเนื้อสัตว์ ควรกินเวลา 7.00 น - 9.00 น. เนื่องจากกระเพาะ
เรามีสภาพเป็นกรดสูงมากที่สุด ดังนั้นมื้อเช้าจะจำเป็นมาก ๆ ถ้าอดมื้อเช้าไปนาน ๆ ขั้วกระเพาะเรา
จะเป็นปุ่มปม และนานเข้า ๆ ก็กลายเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร ผู้ใดที่ไม่ทานอาหารเช้าตลอดเวลา
ควรจะต้องรีบเปลี่ยนพฤติกรรมนี้เสีย และการทานอาหารเช้าในช่วงสายตั้งแต่ 9 - 10 น. ก็ยังดีกว่า
ไม่มีอะไรลงไปในท้องเลย
แต่ห้ามกินนมในตอนเช้าแทนข้าวเช้า เนื่องจากตอนเช้านั้น กระเพาะจะเป็นกรดสูงมาก
นึกสภาพดูหากเราบีบน้ำมะนาวลงในนม จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี กลายเป็นคอลลอยด์ มันไม่ย่อยนะ
ยิ่งถ้าดื่มนมตอนท้องว่างแบบนี้ติดต่อกันเป็นประจำแทนข้าวเช้า ระวังจะเป็นมะเร็งในไขกระดูก แต่ถ้า
เป็นช่วงหลังอาหารเช้าหรือตอนบ่ายไปแล้ว หรือตอนเย็นก็ดื่มได้ตามปกติ มื้อเย็นอาจเป็นมื้อง่าย ๆ
อย่างนมกับไข่ก็ไม่ว่ากัน

การนอนดึกตื่นสายนั้นเป็นปัญหาต่อกระบวนการทำลายของเสียในร่างกาย นอกจากนั้นช่วง
เที่ยงคืนถึงตี 4 ก็ยังเป็นเวลาที่ร่างกายผลิตเลือด เพราะฉะนั้น

"อย่านอนดึกและอย่านอนตื่นสาย"
ขอให้ถนอมสุขภาพร่างกายของเราให้ดีกันทุกคนนะจ๊ะ


ที่มาของข้อมูล : เรียบเรียงจาก FW Mail


 การดูแลตับของเราให้ดีีี

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์