หากคุณมีอาการหงุดหงิด โมโหง่าย สลับกับอารมณ์ดีอย่างไร้เหตุผลเป็นประจำ นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า คุณกำลังเป็นโรค 'ไบร์โพล่าร์'
ในช่วงเวลาหนึ่งของวัน หากคุณรู้สึกหงุดหงิด เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตา ไม่อยากพูดคุยกับใคร แต่อีกช่วงเวลาหนึ่งของวันเดียวกันนั้นเอง คุณก็กลับรู้สึกอารมณ์ดี จะเห็นจะฟังอะไรก็รู้สึกเป็นเรื่องขำขันไปเสียหมด ก็สามารถสันนิษฐานไว้ได้เลยว่า คุณอาจมีอาการของ 'โรคไบโพล่าร์'
ชื่อโรคไบโพล่าร์ (bipolar disorder) อาจไม่คุ้นหู แต่เชื่อว่าอาการของโรคนี้คงจะตรงกับหลายๆ คน โดยเฉพาะคนที่มีความเครียดสูง ซึ่งโรคนี้จัดเป็นโรคที่เกิดความผิดปกติทางอารมณ์ มีอาการที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เช่น กินไม่ได้ นอนไม่หลับ คิดแต่เรื่องร้ายๆ เบื่อหน่ายทุกเรื่อง โมโหง่ายและขี้หงุดหงิด หรือ บางทีมีอารมณ์ดีผิดปกติ เช่น พูดเยอะ หัวเราะง่าย รู้สึกว่าตัวเองดูดีหรือเป็นคนสำคัญ จนกระทั่งบางรายถึงขนาดหูแว่วได้ยินคนชม รวมทั้งพฤติกรรมใช้เงินมาก เพราะเห็นอะไรก็อยากซื้อไปหมดและรู้สึกอยากเที่ยวกลางคืนบ่อยๆ ด้วย
ทั้งนี้ ข้อบ่งชี้ว่าคุณมีอาการไบโพล่าร์ ก็คือ จะต้องมีอาการตรงข้ามกับซึมเศร้าอย่างน้อย 1 ครั้ง โดยอาจมีอาการซึมเศร้าร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ ดังนั้น สำหรับผู้ที่มีแต่อาการซึมเศร้าโดยไม่เคยรู้สึกอารมณ์ดีผิดปกติร่วมด้วย จึงไม่ถือว่าเป็นโรคไบโพล่าร์ แต่เป็นโรคซึมเศร้า ส่วนกลุ่มเสี่ยงเป็นโรคไบโพล่าร์มักเป็นวัยกลางคนหรือผู้มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ก็พบว่าบางรายก็มีอาการตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ปี โดยปัจจัยด้านพันธุกรรมมีผลการเกิดอาการของโรคนี้ เพราะพบว่าผู้ป่วยไบโพล่าร์มักมีญาติเป็นโรคไบโพลาร์ด้วยเช่นกัน
นอกจากปัจจัยทางพันธุกรรมแล้ว อีกสาเหตุของโรคก็คือ สารสื่อนำประสาทในสมองเกิดความผิดปกติ ทำให้อารมณ์แปรปรวน โดยหากปริมาณสาร epinephrine และ norepinephrine ต่ำจะทำให้เกิดอารการซึมเศร้า แต่หากสูงจะทำให้เกิดอารมณ์ดีผิดปกติ อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปผู้ป่วยโรคนี้มักมีอาการซึมเศร้าบ่อยกว่าอารมณ์ดีผิด ปกติถึง 3 เท่า
สำหรับการรักษา ยังไม่มียาใดรับรองรักษาโรคไบโพลาร์ แต่แพทย์มักใช้วิธีให้ยาควบคุมอารมณ์ ควบคุมอาการณ์ซึมเศร้าหรือควบคุมอาการทางจิต โดยโรคนี้สามารถหายสนิทเป็นปกติได้ แต่ไม่หายขาด บางรายอาจเป็นหลายครั้งและถี่ๆ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้กลับมาเป็นใหม่ คือ ความเครียด การอดนอน และการขาดยา ดังนั้น นอกจากผู้ป่วยจะรับประทานยาตามแพทย์แนะนำแล้ว จะต้องควบคุมดูแลสุขภาพจิตใจของตัวเองอยู่เสมอด้วย
ชื่อโรคไบโพล่าร์ (bipolar disorder) อาจไม่คุ้นหู แต่เชื่อว่าอาการของโรคนี้คงจะตรงกับหลายๆ คน โดยเฉพาะคนที่มีความเครียดสูง ซึ่งโรคนี้จัดเป็นโรคที่เกิดความผิดปกติทางอารมณ์ มีอาการที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เช่น กินไม่ได้ นอนไม่หลับ คิดแต่เรื่องร้ายๆ เบื่อหน่ายทุกเรื่อง โมโหง่ายและขี้หงุดหงิด หรือ บางทีมีอารมณ์ดีผิดปกติ เช่น พูดเยอะ หัวเราะง่าย รู้สึกว่าตัวเองดูดีหรือเป็นคนสำคัญ จนกระทั่งบางรายถึงขนาดหูแว่วได้ยินคนชม รวมทั้งพฤติกรรมใช้เงินมาก เพราะเห็นอะไรก็อยากซื้อไปหมดและรู้สึกอยากเที่ยวกลางคืนบ่อยๆ ด้วย
ทั้งนี้ ข้อบ่งชี้ว่าคุณมีอาการไบโพล่าร์ ก็คือ จะต้องมีอาการตรงข้ามกับซึมเศร้าอย่างน้อย 1 ครั้ง โดยอาจมีอาการซึมเศร้าร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ ดังนั้น สำหรับผู้ที่มีแต่อาการซึมเศร้าโดยไม่เคยรู้สึกอารมณ์ดีผิดปกติร่วมด้วย จึงไม่ถือว่าเป็นโรคไบโพล่าร์ แต่เป็นโรคซึมเศร้า ส่วนกลุ่มเสี่ยงเป็นโรคไบโพล่าร์มักเป็นวัยกลางคนหรือผู้มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ก็พบว่าบางรายก็มีอาการตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ปี โดยปัจจัยด้านพันธุกรรมมีผลการเกิดอาการของโรคนี้ เพราะพบว่าผู้ป่วยไบโพล่าร์มักมีญาติเป็นโรคไบโพลาร์ด้วยเช่นกัน
นอกจากปัจจัยทางพันธุกรรมแล้ว อีกสาเหตุของโรคก็คือ สารสื่อนำประสาทในสมองเกิดความผิดปกติ ทำให้อารมณ์แปรปรวน โดยหากปริมาณสาร epinephrine และ norepinephrine ต่ำจะทำให้เกิดอารการซึมเศร้า แต่หากสูงจะทำให้เกิดอารมณ์ดีผิดปกติ อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปผู้ป่วยโรคนี้มักมีอาการซึมเศร้าบ่อยกว่าอารมณ์ดีผิด ปกติถึง 3 เท่า
สำหรับการรักษา ยังไม่มียาใดรับรองรักษาโรคไบโพลาร์ แต่แพทย์มักใช้วิธีให้ยาควบคุมอารมณ์ ควบคุมอาการณ์ซึมเศร้าหรือควบคุมอาการทางจิต โดยโรคนี้สามารถหายสนิทเป็นปกติได้ แต่ไม่หายขาด บางรายอาจเป็นหลายครั้งและถี่ๆ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้กลับมาเป็นใหม่ คือ ความเครียด การอดนอน และการขาดยา ดังนั้น นอกจากผู้ป่วยจะรับประทานยาตามแพทย์แนะนำแล้ว จะต้องควบคุมดูแลสุขภาพจิตใจของตัวเองอยู่เสมอด้วย
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
