อาการปวดประจำเดือน

อาการปวดที่เกิดขึ้นเนื่องจากการมีประจำเดือน ไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติใด ๆ เพียงแต่เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงบางคนเท่านั้น ที่มดลูกมีการบีบรัดตัวอย่างรุนแรง จึงไม่ได้มีอะไรที่น่าวิตกกังวล ยกเว้นแต่ว่าจะมีการปวดถ่วงอย่างรุนแรง บริเวณท้องน้อย ซึ่งหากปวดมาก ๆ จนไม่เป็นอันกินอันนอน ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อตรวจหาความผิดปกติ เพราะการปล่อยให้อาการปวดประจำเดือนรุมเร้าทุกครั้งที่มีประจำเดือน โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีนั้น อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นอย่างมากได้


สาเหตุที่ผู้หญิงมีอาการปวดท้องน้อยสามารถเกิดก่อน เกิดในระหว่าง หรือหลังมีประจำเดือนก็ได้ อาจเกิดจากปีกมดลูกอักเสบ เนื้องอกมดลูก ถุงน้ำรังไข่ หรือในส่วนของโรคที่ไม่ใช่ทางนรีเวช เช่น โรคระบบทางเดินอาหาร โรคระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น

สาเหตุของการปวดประจำเดือน ที่เกิดจากภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) พบประมาณร้อยละ 7-10 ของผู้หญิงทั่วไป และอาจมากถึงร้อยละ 50 ของผู้หญิงก่อนหมดประจำเดือน และพบร้อยละ 38 (โดยเฉลี่ยร้อยละ 20-50) ของผู้หญิงที่มีปัญหาการมีบุตรยาก โดยพบร้อยละ 70-89 ของผู้หญิงที่ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ถ้าหากมีความเกี่ยวข้องทางพันธุกรรม อัตราเสี่ยงในการเกิดจะเพิ่มขึ้นในญาติสายตรง 10 เท่า

ภาวะการเจริญของเยื่อบุโพรงมดลูกนอกมดลูก ส่วนใหญ่เกิดในอุ้งเชิงกราน ทำให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างมาก ทั้งจากอาการปวดประจำเดือน ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือบางคนอาจไม่มีอาการใด ๆ เลย ส่วนความเกี่ยวข้องกับการมีลูกยาก เกิดจากการรุกล้ำของเนื้อเยื่อเข้าไปในมดลูก ทำให้เกิดพังผืด และทำให้ไข่ในเพศหญิงฝังตัวได้ยากขึ้น


วิธีลดอาการปวดประจำเดือน
การรับประทานยาแก้ปวด เพื่อบรรเทาอาการปวดที่เกิดขึ้น เป็นหนึ่งวิธีที่พบได้บ่อย ๆ ทั่วๆไปซึ่งก็ใช้ได้ผล แต่การสะสมของยาแก้ปวดในร่างกายนั้นส่งผลต่อกระบวนการทำงานของตับ และยังก่อให้เกิดอาการข้างเคียงได้ ดังนั้นการเตรียมตัวให้พร้อมจึงเป็นเรื่องสำคัญมากกว่า การออกกำลังกายเป็นประจำ สม่ำเสมอ ไม่หักโหมจนเกิดอาการเจ็บป่วย ยกตัวอย่างเช่น การออกกายบริหารแบบเต้นแอโรบิก การวิ่งอยู่กับที่ การเดินวันละ 10-20 นาที นอกจากจะช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายโดยรวม เป็นไปด้วยดีแล้ว และที่สำคัญช่วยให้ร่างกายสามารถทนกับ ความเจ็บปวดได้มากขึ้น

การบำรุงร่างกายด้วยอาหาร และ สมุนไพรจีนอย่าง “ตังกุย” ก็ถือว่าเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้หญิงสมัยนี้ สารสกัดที่อยู่ในตังกุย มีคุณสมบัติต้านการบีบตัวของกล้ามเนื้อมดลูก ซึ่งทำให้สามารถบรรเทาอาการปวดประจำเดือน และอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวได้ในระดับหนึ่ง รวมทั้งยังสามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ และสม่ำเสมอด้วย

นอกจากนี้ การเลือกรับประทานอาหาร ที่ให้พลังงามาก จำพวก แป้ง ไขมัน น้ำตาล และอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ๆ เช่น เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ปลา ตับ  หอย ถั่วเมล็ดแห้ง ก็จะช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางเนื่องจากการที่ร่างกายต้องสูญเสียเลือดไป ในขณะมีประจำเดือนด้วยเช่นกัน


นอกเหนือจากเรื่องการปฏิบัติตัวที่กล่าวมาข้างต้น แล้ว ยังควรคำนึงถึงสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่าง ซึ่งจะช่วยให้เรามีความรู้สึกดีขึ้นในระหว่างที่มีรอบเดือน นั่นคือ ควรพิถีพิถันกับการทำความสะอาดร่างกายให้มากกว่าปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณ “จุดซ่อนเร้น”


อาการปวดประจำเดือน

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์