ปวดข้อศอก อย่านิ่งนอนใจ

อาการปวดบริเวณข้อศอก เป็นอาการที่นำผู้ป่วยมาพบแพทย์บ่อยๆ ท่านเคยมีอาการเช่นนี้หรือไม่? ปวดข้อศอกเวลาออกแรงทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น ยกของหนัก ทำงานบ้าน บิดผ้า เป็นต้น และกดเจ็บบริเวณตุ่มกระดูกข้อศอกด้านนอก เราเรียกอาการเช่นนี้ว่า Tennis elbow แต่ถ้าอาการเจ็บอยู่ที่ตุ่มกระดูกข้อศอกทางด้านใน เราเรียกอาการนี้ว่า Golfer elbow

โดยพบว่าผู้ป่วยส่วนมากมีอาการของ Tennis elbow มากกว่า Golfer elbow ถึงประมาณ 7 เท่า และพบโรคนี้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเล็กน้อย อายุที่พบบ่อยประมาณ 40 - 50 ปี และพบเกิดอาการในแขนข้างที่ถนัดมากกว่าประมาณ 2 เท่า 

อาการของโรค Tennis elbow นี้แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ 

กลุ่มที่ 1 เกิดจากการเล่นกีฬาจริงๆ ส่วนมากในกลุ่มนี้จะมีอายุน้อย 

กลุ่มที่ 2 เกิดจากการทำงานที่เป็นลักษณะใช้งานซ้ำๆ หรือใช้งานหนักๆ เช่น คนทำงานบ้าน ช่างไม้ เป็นต้น ซึ่งในกลุ่มนี้ส่วนมากมีอายุมากกว่ากลุ่มแรก ปัจจุบันนี้พบว่าผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ส่วนมากเป็นคนทำงานมากกว่านักกีฬา 

แนวทางในการรักษาสำหรับโรคนี้แบ่งใหญ่ๆ เป็น 2 แนวทาง คือ 

1. การรักษาโดยวิธีประคับประคอง (conservative treatment) 

2. การรักษาโดยวิธีผ่าตัด (operative treatment) 

ผู้ป่วยส่วนมาก (มากกว่า 90%) อาการจะดีขึ้นได้ด้วยวิธีประคับประคอง โดยการรักษาวิธีนี้ยังแบ่งออกเป็น 

-การพักการใช้งานและพักการออกแรงหนักๆ ในแขนข้างที่ปวด (rest) 

-การให้ยารับประทาน โดยยาที่ใช้เป็นยากลุ่มลดการอักเสบลดอาการปวด อาจเสริมด้วยยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาแก้ปวดกลุ่มอื่นๆ 

-การใส่สนับข้อศอกเฉพาะโรคนี้ (tennis elbow brace) โดยใส่เพื่อลดแรงที่มากระทบต่อจุดเกาะของกล้ามเนื้อเวลาออกแรงทำงานหรือเล่นกีฬา 

-การออกกำลังกาย เป็นการออกกำลังกายแบบยืดกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น (stretching exercise) โดยเริ่มออกกำลังกายวิธีนี้หลังจากอาการปวดลดลงแล้วจากการรักษาสองวิธีแรกประมาณ 3-6 สัปดาห์ 

-การฉีดยากลุ่มลดการอักเสบสเตียรอยด์ ใช้เมื่อปวดมากหรือรักษาด้วยวิธีต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นแล้วมากกว่า 3 เดือนอาการยังไม่ดีขึ้น โดยฉีดยาเข้าตรงบริเวณข้อศอกตำแหน่งที่เจ็บ ผู้ป่วยส่วนมากอาการจะดีขึ้นหลังฉีดยา 

แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดเมื่อให้การรักษาด้วยวิธีประคับประคองแล้วอย่างน้อย 6 - 9 เดือน แต่ยังปวดมากและอาการไม่ดีขึ้น หรือในกรณีที่ฉีดยาไปแล้วหลายครั้งก็ยังกลับมีอาการอีก (ไม่ควรฉีดยาเกิน 3 ครั้ง) 

ดังนั้น ถ้าท่านมีอาการดังกล่าวข้างต้นไม่ควรนิ่งนอนใจ รีบปรึกษาแพทย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ เพราะถ้ามีอาการในระยะต้นๆ หรือยังไม่รุนแรงมากสามารถรักษาให้หายได้ด้วยวิธีพัก รับประทานยา ใส่สนับข้อศอก และการออกกำลังกาย แต่หากปล่อยไว้หรือมีอาการปวดมากอาจต้องรักษาด้วยวิธีฉีดยาหรืออาจถึงขั้นผ่าตัดก็ได้ 



ปวดข้อศอก อย่านิ่งนอนใจ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์