รับมือสิว อย่างเข้าใจ

ปัญหาผิวที่ทุกคนต้องพบเจอไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย นั่นก็คือ "สิว" ที่เป็นกันมากส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่น แต่ก็มีหลายคนที่เลยวัยรุ่นมาแล้ว ก็ยังมีปัญหาสิวอยู่ เรามารู้จักและเข้าใจสิว เพื่อหาวิธีลดสาเหตุการเกิดสิวได้ตรงจุดกันดีกว่า

สิว คือการอักเสบของต่อมขนเกิดจากสาเหตุหลัก 4 ประการ คือ

-เซลล์ที่เส้นขนแบ่งตัวมากผิดปกติจนเปิดกั้นทางออก ทำให้ไขมัน รวมทั้งขี้ไคล (Keratin) จากเซลล์ และแบคทีเรียสะสมอยู่ในต่อมขน เนื่องจากไม่มีทางระบาย เกิดเป็น ตุ่มคอมีโดน (Comedone) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสิว

-ต่อมไขมัน ผลิตไขมันมากเกินไป ยิ่งสะสมในต่อมขนทำให้คอมิโดนขยายขนาดขึ้น

-เกิดการอักเสบ (Inflammation) ที่ต่อมขนนั้น

ติดเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium Acnes ในบริเวณที่เป็นสิว กระตุ้นให้การอักเสบขยายวงกว้าง กลายเป็นตุ่มนูน ตุ่มหนอง ถุงน้ำ ปัญหาสิวมีด้วยกันหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ พฤติกรรมการรับประทานอาหาร การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน พันธุกรรม หรือแม้แต่การโกนหนวดก็ส่งผลต่อการเกิดสิวได้เช่นกัน ฯลฯ 

แต่ทุกสาเหตุของการเกิดสิวนั้น โดยเฉพาะสิวอักเสบเกิดจากปัจจัยสำคัญเดียวกันคือ การติดเชื้อแบคทีเรีย และแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวมีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่ Propionibacterum acnes (P.acnes), Propionibacterium granulosum (P.franulosum) และ Staphylococcus aureus (S.aureus) ซึ่งล้วนเป็นแบคทีเรียที่พบได้ตามผิวหนังและมีอยู่บนสิ่งของเครื่องใช้ที่เราต้องสัมผัสทุกวัน เช่น พวงมาลัยรถยนต์ คีย์บอร์ด โทรศัพท์ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นแหล่งสำคัญที่มีเชื้อแบคทีเรียสะสมอยู่มากที่สุด

เมื่อเป็นสิวจะมีการสัมผัสใบหน้า (ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว) มากกว่าปกติเป็น 10 เท่า ดังนั้นเมื่อเราใช้หรือสัมผัสอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้วไปสัมผัสใบหน้าก็เท่ากับว่าเป็นการนำเชื้อแบคทีเรียไปเพิ่มที่ผิวหน้าของเรา เมื่อแบคทีเรียมีจำนวนมากยิ่งขึ้น โอกาสของการเกิดสิวก็จะเพิ่มมากขึ้น สิวที่เป็นอยู่เดิมก็จะมีอาการรุนแรงชัดเจนมากขึ้น ความเชื่อหนึ่งเกี่ยวกับสิว ที่เชื่อว่าสิวเกิดจากความสกปรกบนใบหน้า และคิดว่าการล้างหน้าบ่อย ๆ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้สิวเกิดขึ้น ในความเป็นจริงแล้ว การล้างหน้าบ่อย ๆ ก็ไม่สามารถช่วยลดอัตราการผลิตไขมันจากต่อมไขมันได้ 

นอกจากนี้การล้างหน้าบ่อยครั้งและประกอบกับใช้เครื่องมือ เช่น ผงขัด (Scrub) ที่ช่วยขัดลอกผิวหน้านั้น จะทำให้ต่อมขนถูกทำลายและทำให้สิวเป็นมากขึ้น ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลผิวหน้าก็เป็นสิ่งจำเป็นในการช่วยลดและรักษาสิว ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่ผสมยาฆ่าเชื้อ เพราะนอกจากจะไม่สามารถลดจำนวนเชื้อสิว P.acnes ได้แล้ว ยังก่อให้เกิดความระคายเคือง และเป็นสาเหตุของผื่นแพ้ได้อีกด้วย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ออกแบบมาสำหรับผู้ที่เป็นสิวหรือ ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย และสาวคนไหนที่ขาดเมคอัพไม่ได้ (ใช่ว่าสาวที่เป็นสิวจะแต่งหน้าไม่ได้นะ) ควรเลือกใช้เครื่องสำอางชนิดที่ไม่ก่อสิว (Noncomedogenic) โดยหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน (Lotion และ Oil-based) และควรใช้ผลิตภัณฑ์ชนิด Gel-based จะเหมาะกับผู้ที่เป็นสิวมากกว่า

Tip

การรักษาสิวก็มีมากมายหลายวิธ๊ แต่วิธีที่ง่ายและเป็นที่นิยม คือ การใช้ยาทาสิว ซึ่งยาทาสิวก็มีหลายชนิด ที่เป็นมาตรฐานและใช้กันอย่างกว้างขวาง ได้แก่ กรดวิตามินเอ ชนิดทา, เบนซอยล์เพอร์ออกไซด์ และยาปฏิชีวนะชนิดทา ยาทารักษาสิวมักมีผลข้างเคียง คือแสบ แดง แห้ง ลอก หลังใช้ต่อเนื่อง ซึ่งก็มียาทาสิว บางชนิดที่มีข้อควรระวังห้ามใช้กับสตรีตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร (มักเขียนไว้ข้างกล่อง) เช่น กรดวิตามินเอชนิดทา ซึ่งใช้ช่วงแรกอาจพบการระคายเคืองและไวต่อแสงได้ แนะนำว่าควรใช้ในเวลาก่อนนอน และสิวจะเวลา 4-8 เดือน และเมื่อสิวดีขึ้นมากแล้วควรใช้กรดวิตามินเอ ชนิดทา อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการสร้างคอมิโดน ลดการกลับเป็นซ้ำ เนื่องจากสิวเป็นโรคเรื้อรังและเกิดขึ้นได้ตลอดในช่วงวัยรุ่น ใครที่มีผิวแห้งจากการใช้ยาทารักษาสิว ควรใช้ครีมที่มีมอยส์เจอไรเซอร์เยอะ ๆ เพื่อบรรเทาอาการ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

รับมือสิว อย่างเข้าใจ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์