เตรียมพร้อมรับมือ หน้าร้อน 3 อย่างต้องระวัง!

ช่วงหน้าหนาวเมื่อปลายปี 2556 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีสภาพอากาศหนาวเย็น ที่แม้แต่คนในกรุงเทพฯ ยังสามารถสัมผัสถึงความหนาวเย็นนี้ได้ เมื่อเข้าสู่ศักราชใหม่ ปี 2557 ปลายเดือนมกราคม สภาพอากาศกลับเปลี่ยนจากหนาวเย็นไปเป็นร้อนอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดข้อสงสัยว่า หน้าร้อนปีนี้อากาศจะร้อนกว่าปีที่ผ่านมาหรือไม่ ถ้าเช่นนั้นจะต้องเตรียมตัวรับมืออย่างไรบ้าง

เพื่อตอบข้อสงสัยดังกล่าว 'เดลินิวส์ออนไลน์' จึงได้สอบถามไปยัง นายสมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ถึงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเช่นนี้ โดย ผอ.สมศักดิ์ เปิดเผยว่า ช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงระยะเวลาปกติตามฤดูกาล แม้ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ส่งผลให้มีอากาศหนาวเย็น หนาวจัดในบางพื้นที่ และแห้งเกือบตลอด เช่น ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และบริเวณยอดดอยในบางพื้นที่ จนพบรายงานน้ำค้างแข็งก็ตาม แต่เนื่องจากช่วงหลายปีที่ผ่านมา คนไทยพบเจอกับฤดูหนาวที่สั้น และหนาวเย็นเพียงบางพื้นที่เท่านั้น ทำให้หน้าหนาวในช่วงปลายปี หลายพื้นที่สัมผัสกับอากาศหนาวได้มากกว่าทุกครั้ง จึงทำให้รู้สึกว่ามีฤดูหนาวที่ยาวนานขึ้น

ผอ. สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า “ขณะนี้ถือว่าสิ้นสุดฤดูหนาวแล้ว และกำลังเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนในช่วงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ อุณหภูมิจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ไปจนปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม จะเป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุด โดยคาดว่าใกล้เคียงกับปีที่แล้ว หรืออุณหภูมิอาจสูงสุดเฉลี่ยจะสูงกว่าค่าปกติ แต่สภาพอากาศก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด”

แม้ว่าในฤดูร้อนปีนี้มีเกณฑ์อุณหภูมิใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่ยังมีเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังหลายอย่าง โดย ผอ. สมศักดิ์ กล่าวว่า “ต้องเฝ้าระวังไฟป่า อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากสภาพอากาศหนาวทำให้เกิดความแห้ง เมื่อถึงฤดูร้อนอาจทำให้เกิดไฟป่า โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเผาเพื่อทำการเกษตร ลักษณะอากาศดังกล่าวจะเอื้อต่อการเกิดอัคคีภัยและไฟป่าได้ง่าย ประชาชนจึงควรระมัดระวังการใช้เชื้อเพลิงในการทำกิจกรรมต่างๆ

นอกจากนี้ยังควรระวังในเรื่องของ ภัยแล้ง เมื่อมีเกณฑ์ปริมาณฝนรวมส่วนใหญ่ใกล้เคียงถึงต่ำกว่าค่าปกติและใกล้เคียงกับปีที่แล้ว อาจส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนมีไม่เพียงพอกับความต้องการในหลายพื้นที่ ทั้งด้านอุปโภค บริโภคและเกษตรกรรม โดยเฉพาะพื้นที่แห้งแล้งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง อาจประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำ ที่อาจมีปริมาณมากเพียงพอต่อการใช้ แต่ไม่เพียงพอต่อการจัดเก็บ ซึ่งขณะนี้หลายพื้นที่เริ่มประสบกับปัญหาแล้ว

และสุดท้ายต้องระวังพายุฤดูร้อน ซึ่งอาจจะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านประเทศไทยตอนบน ทำให้มีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงบางพื้นที่ และอาจมีลูกเห็บตก ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือน และไร่นาได้

สำหรับการดูแลรักษาสุขภาพในช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน “สำหรับประชาชนที่ต้องทำงานกลางแดด อาจจะต้องระวังลมแดด ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่วนประชาชนภาคเหนือ ควรระมัดระวังสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วใน 1 วัน คือช่วงกลางวันอากาศจะร้อนจัด และอากาศจะเย็นในช่วงกลางคืน ซึ่งจะต้องระวังปัญหาสุขภาพที่จะตามมา” ผอ. สมศักดิ์กล่าวทิ้งท้าย

เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว จงเตรียมรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง อย่าละเลยติดตามข่าวพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และรักษาสุขภาพให้พร้อมรับมืออยู่เสมอ.

ทีมเดลินิวส์ออนไลน์