ระวัง !! 10 จุดเสี่ยงอุบัตเหตุบนทางหลวงทั่วประเทศ


ก่อนเดินทางในช่วงสงกรานต์ที่จะมีประ ชาชนเริ่มเดินทางออกต่างจังหวัดในวันพรุ่งนี้กันแล้ว สำหรับเส้นหลักมุ่งหน้าออกสู่ต่างจังหวัดทุกทิศทางซึ่งจำนวนรถที่เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติซึ่งผู้ขับขี่จะต้องเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและสภาพความพร้อมของรถแล้วบนถนนสายหลักบางจุดมีข้อจำกัดทางกายภาพที่จะต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวัง นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงนี้ขอให้ผู้ขับขี่ที่ออกเดินทางไปยังภูมิภาคต่าง ๆ เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่บนทางหลวงทั่วประเทศเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุและการสูญเสียโดยเฉพาะ 10 จุดที่มักเกิดอุบัติเหตุ ประกอบด้วย

1. ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหล โยธิน) ช่วงประตูน้ำพระอินทร์-หนองแค (กม.60-67) อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยช่วงนี้เป็นถนนทางตรง 10-12 ช่องจราจร รวมทางขนานฝั่งละ 2 ช่องจราจร มีปริมาณการจราจรสูงและรถขนาดใหญ่วิ่งเป็นจำนวนมากบางครั้งรถขนาดใหญ่ใช้ความเร็วสูงเกินกฎหมายกำหนด อีกทั้งยังมีการตัดหน้ากระชั้นชิดบริเวณจุดเปิดเกาะกลางเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ

2. ทางหลวงหมายเลข 2 ( ถนนมิตรภาพ ) ช่วงหน้าค่ายเพชรรัตน์ (กม.24-34) จัง หวัดสระบุรี เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักที่มุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเป็นเส้นทางที่ตัดผ่านภูเขา มีโค้งหลายโค้งต่อเนื่องกันและเป็นทางลาดชันลงเขา

3. ทางหลวงหมายเลข 12 ช่วงเขาพะวอ ( กม.23-30) และดอยรวก (กม.64-70) จังหวัดตาก ทั้ง 2 ช่วงเป็นทางที่ตัดผ่านภูเขาที่มีความคดเคี้ยวและลาดชัน รวมทั้งสภาพเป็นป่ารกทึบ ประกอบกับเป็นเส้นทางสำคัญในการขนส่งไปยังประเทศเมียนมาร์ ทำให้บริเวณดังกล่าว มีปริมาณการจราจรมาก

4. ทางหลวงหมายเลข 12 ช่วงสะพานพ่อขุนผาเมือง (กม.347-375) จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นทางลงเขาลาดชันยาวประมาณ 3 กม. เป็นทางโค้งรูปตัวเอส (S) ต่อเชื่อมกับสะพานคอนกรีตข้ามทางระหว่างเขา มีถนน 2 ช่องจราจร สะพานอยู่ระหว่างโค้ง (โค้งมีรัศมี 200 เมตร) ช่วงบริเวณสะพานเป็นเหวลึกกว่า 50 เมตร

5. ทางหลวงหมายเลข 32 ช่วงอำเภอพรหมบุรี (กม.77–82 ) จังหวัดสิงห์บุรี เนื่องจากเป็นถนนทางตรง ขนาด 6 ช่องจราจร มีจุดเปิดเกาะกลางกลับรถรอเลี้ยวที่ กม.77+500, 78+000, 78+600, 80+340 รถมักวิ่งด้วยความเร็วสูง บางรายหลับในรวมถึงมีการตัดหน้ากระชั้นชิด

6. ทางหลวงหมายเลข 35 บริเวณสะพานแม่น้ำท่าจีน (กม.28–32) จังหวัดสมุทรสาคร เป็นเส้นทางเข้าเมืองสมุทรสาครและไปอำเภอกระทุ่มแบน เป็นย่านชุมชน และโรงงานอุตสาห กรรม มีปริมาณการจราจรสูงและรถใช้ความเร็วสูงประกอบกับเป็นทางโค้งและมีจุดเข้าออกทางขนานหลายแห่ง อีกทั้งรถจักรยานยนต์มักจะวิ่งย้อนศรบนสะพานข้ามแม่น้ำท่าจีนทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง

7. ทางหลวงหมายเลข 304 ช่วงอุทยานทับลาน (กม.42- 45) จังหวัดปราจีนบุรี เป็นเส้นทางที่ตัดผ่านภูเขาที่มีความคดเคี้ยวและลาดชันมีรถบรรทุกหนักจำนวนมากวิ่งผ่านซึ่งรถเหล่านี้จะเคลื่อนตัวได้ช้าเมื่อวิ่งขึ้นเขาจึงเกิดการแซงกันของรถขนาดเล็กในระยะคับขัน ขณะเดียวกันรถบรรทุกและรถสัญจรโดยผู้ขับขี่ส่วนใหญ่มักจะใช้ความเร็วเกินกำหนดในขณะวิ่งลงเขาเมื่อมีสถานการณ์เฉพาะหน้าคับขันจะทำให้การควบคุมรถเป็นไปด้วยความยากลำบากจึงเกิดอุบัติเหตุขึ้น


8. ทางหลวงหมายเลข 225 ช่วงทางลงเขาพังเหย ( กม.181–185) จังหวัดชัยภูมิ เป็นทางโค้ง และเป็นทางลาดชันสูง

9. ทางหลวงหมาย เลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ช่วงโค้งหนองหญ้าปล้อง(กม.365+013–365+113) และช่วงโค้งสายเพชร(กม.389+700-390+000) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นถนนสายหลักลงสู่ภาคใต้ เป็นทางโค้งต่อเนื่อง และมีจุดกลับรถอยู่ในบริเวณใกล้เคียงรถส่วนใหญ่ใช้ความเร็วสูงเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุ

10. ทางหลวงหมายเลข 4197 ช่วงโค้งบางโสก (กม.5+400–8+680) จังหวัดพังงา เป็นทางโค้งลาดชันลงเนิน

นายชัชวาลย์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการแก้ปัญหา 10 จุดเสี่ยงในช่วงเทศกาลได้ดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิดแบบเคลื่อนที่ (Mobile CCTV) ในบริเวณที่มีปริมาณการจราจรมาก เพื่อรายงานสภาพการจราจร Online แบบ Realtime และเพื่อสามารถเข้าไปบริหารจัดการการจราจรได้อย่างทันท่วงทีติดตั้งพร้อมตรวจสอบอุปกรณ์ อำนวยความ ปลอดภัยต่าง ๆ ให้พร้อมใช้งาน เช่น หลักนำโค้งสะท้อนแสง ปุ่มสะท้อนแสงแบบหมุดลูกแก้ว 360 องศา ป้ายเตือน สีตีเส้นจราจรป้ายนำทางป้ายบังคับ พร้อมป้ายแนะนำเส้นทาง ดูแลสัญญาณไฟจราจร ไฟกะพริบไฟส่องทางให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและประสานตำรวจทางหลวงตั้งจุดสกัดกวดขันวินัยจราจรอย่างไรก็ตามที่ผ่านมาทล. ไม่ได้นิ่งนอนใจในการดูแลรักษาทาง หลวง ได้แก้ไขปรับปรุงเส้นทาง และเพิ่มและตรวจสอบอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยต่าง ๆ ให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา จึงขอให้ประชาชนผู้ใช้ทางศึกษาเส้นทางก่อนการออกเดินทางขับขี่ด้วยความระมัดระวัง พักผ่อนให้เพียงพอและหากรู้สึกง่วงขณะขับรถให้จอดแวะพักในจุดบริการของกรมทางหลวง รวมทั้งต้องไม่ขับขี่ขณะมึนเมาและที่สำคัญขอให้เคารพกฎจราจรกฎหมายอย่างเคร่งครัด หรือหากมีปัญหาในการเดินทางโทรฯ สอบถามได้ที่สายด่วน 1586 กรมทางหลวงฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง

ก่อนออกเดินทางเตรียมตัวให้พร้อมที่สำคัญขับรถอย่างมีสติเพื่อให้ถึงจุดหมายด้วยความปลอดภัยทั้งต่อตนเองและผู้อื่น.


ระวัง !! 10 จุดเสี่ยงอุบัตเหตุบนทางหลวงทั่วประเทศ

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์