ตำนานดอก Forget Me Not สัญลักษณ์แห่งความรักโรแมนติก


Forget-me-not… อย่าลืมฉัน

“ดอกไม้นี้เป็นตัวแทนของความรักความทรงจำ รอยยิ้ม น้ำตา.... “



ตำนานดอก Forget Me Not

ดอกไม้ชนิดนี้มีตำนานเกี่ยวข้องกับความทรงจำเกี่ยวกับความรัก…ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วในฝรั่งเศส


ในสมัยของอัศวินเสื้อเกราะและนางใน อัศวินผู้กล้าหาญ ได้เดินชมจันทร์กับสาวงามนางหนึ่ง ณ ริมฝั่งแม่น้ำ ยอดหญิงของอัศวินได้มองเห็นดอกไม้เล็กๆขึ้นอยู่ริมตลิ่ง เธอวิงวอนให้เขา ลงไปเก็บให้ แต่ขณะที่เขากำลังเอื้อมเก็บดอกไม้ก็พลันลื่นไถลลงไปในแม่น้ำ เสื้อเกราะที่หนักทำให้เขาไม่สามารถว่ายน้ำได้ แต่ก่อนที่เขาจะจมหายไปในกระแสธาร เขาโยนดอกไม้ให้หญิงคนรัก และร้องตะโกนว่า " Ne m'oubliez pas " (Forget Me Not ...อย่าลืมฉัน )

ดอกไม้ชนิดนี้จึงมีชื่อว่า forget me not ดอกฟอร์เก็ตมีน็อทยังมีความหมายว่ารักแท้ จึงมักปรากฏอยู่เสมอบนการ์ดวาเลนไทน์ที่คู่รักหนุ่มสาวมอบให้แก่กัน

ตำนานดอก Forget Me Not สัญลักษณ์แห่งความรักโรแมนติก


ความรู้ทั่วไป

ชื่อสามัญ : ANGELFACE PIN
ชื่อวิทยาศาสตร์  : Cynoglossum Lanceola tum Forssk
ชื่อวงศ์  : BORAGINACEAE
ประโยชน์  : นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ เพราะมีความหมายที่ดี


ลักษณะต้น : มีลำต้นที่แข็ง สูงประมาณ 0.5-1 เมตร มีกิ่งก้านแตกแขนงรอบลำต้น ใบเล็กเรียวปลายโค้งมน มีขนอ่อนปกคลุมทั้งสองด้าน ออกดอกเป็นช่อ ๆ หนึ่งยาวประมาณ 20- 30 ซม. มีลักษณะเป็นดอกไม้ สีฟ้า 5 แฉก ขนาดเล็กโดยจะออกดอกตามปลายยอดส่วนโคน กลีบจะเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้น ๆ

ถิ่นกำเนิด : ประเทศแคนาดา

วิธีการปลูกและการเจริญเติบโต : อายุการเพาะเมล็ด จากวันเพาะถึงวันงอกประมาณ 7 วัน จากนั้นจะย้ายลงถาดหลุม เพื่อเลี้ยงให้เจริญเติบโต โดยมีการคัดรุ่นที่โตไล่เลี่ยกันไปเลี้ยงต่ออีก 23 วัน ต่อจากนั้น จะนำไปลงเลี้ยงในถุงเพาะ ซึ่งเรียกช่วงนี้ว่า เป็นการขุนไม้รุ่น ให้เจริญเติบโตและอุดมสมบูรณ์เพื่อจะได้ดอกที่สมบูรณ์อีกประมาณ 40-45 วัน จากนั้น ต้นฟอร์เก็ต มีน็อตจะเริ่มออกดอก รวมอายุตั้งแต่งอกจนกระทั่งออกดอกประมาณ 70-80 วัน ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับฤดูกาลที่จะผลิตด้วย เนื่องจากความร้อนกับความหนาวมีผลต่อกับการบานของ ดอกให้เร็วหรือช้าได้ โดยถ้าอากาศร้อนดอกจะบานเร็วขึ้น และโรยเร็ว อายุการใช้งานสั้น แต่ถ้าอากาศเย็นจะใช้ระยะเวลาในการบานนานและอยู่ได้นาน กว่าจะโรย ซึ่งอาจจะบานช้ากว่าปกติเล็กน้อยแต่ได้สีสันสดใสและดอกที่สมบูรณ์กว่า คือ ดอกจะช่อชูตั้งไม่บิด ไม่คดงอ เพราะบางครั้งได้รับแสงน้อยเกินไปลำต้นจะเอียงไปหาแสง ทำให้ต้นไม่ตรง มีการคดงอ รวมทั้งลักษณะใบจะซีดเหี่ยวไม่สดใส

"ดินที่ใช้ปลูกจะเป็น ดินที่มีอินทรียวัตถุ ระบายน้ำดี เพราะถ้าดินระบายน้ำได้ไม่ดีต้นจะเน่า จึงต้องเป็นดินร่วนที่มีลักษณะชื้นแต่ไม่แฉะ รดน้ำวันละครั้งแต่ต้องดูสภาพดินด้วย ถ้าดินผสมอุ้มความชื้นไว้น้อยจำต้องคอยหมั่นตรวจดู เพราะช่วงที่ออกดอกบานเป็นช่วงที่ใช้น้ำมากเพื่อให้มีความชื้นสูง ถ้าความชื้นไม่พออาจต้องรดน้ำเพิ่มเป็น 2 ครั้งต่อวัน




ตำนานดอก Forget Me Not สัญลักษณ์แห่งความรักโรแมนติก


        ฟอร์เก็ต มี น็อต เป็นพืชเมืองหนาว โดยปกติจะปลูกบนที่สูงยิ่งอุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส จะออกดอกสวยงาม ซึ่งจะรดน้ำวันละครั้ง ช่วง 6-7 โมงเช้า

แต่ถ้า นำมาปลูกที่ในเขตพื้นที่ร้อน อย่างกรุงเทพฯ จะต้องรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เพราะอากาศร้อนและมีการคายน้ำมาก ถ้าความชื้นไม่พอต้นจะเหี่ยว การรดน้ำต้องรดตอนเช้าช่วงที่แดดอ่อน ๆ เพราะถ้ารดตอนที่แดดแรงจะไม่เป็นผลดีกับต้นไม้ และอีกครั้งในตอนเย็นประมาณ 4-5 โมงเย็น"

ส่วนการใส่ปุ๋ย ในการเลี้ยงปกติช่วงแรกจะเป็นปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง ต่อมาในช่วงระยะการเจริญเติบโตจะให้ปุ๋ยสูตรเสมอจนกระทั่งเริ่มออกดอกหรือว่าเมื่อใกล้จะออกดอกจะให้ ปุ๋ยสูตรตัวกลางกับตัวหลังสูง ทั้งนี้ต้องดูว่าเลี้ยงในแบบสภาพอากาศใด ซึ่งการใส่นั้นสามารถปรับเปลี่ยนได้ขึ้นอยู่กับสภาพที่ปลูกในขณะนั้น  

 สิ่งที่ต้องระมัดระวัง : จะอยู่ในส่วนของอากาศหรือ ลม ถ้าระบายไม่ดีเท่าที่ควรหรืออากาศนิ่งมีความชื้นสูงและมีความร้อนเข้ามาจะทำให้เกิดการเจริญเติบโตของเชื้อโรค เชื้อราต่าง ๆ ประกอบกับถ้าต้นไม้มีใบที่เป็นโรคอยู่หรือใบมีตำหนิ อ่อนแออยู่แล้วเชื้อโรคจะเข้าไปทำลายจุดที่เป็นแผลหรือจุดที่อ่อนแอของต้นได้
 
อีกอย่างหนึ่ง คือ โรคเน่า คือ ถ้าการระบายน้ำไม่ดี รวมทั้ง อากาศร้อนและมีความชื้นสูงก็อาจเกิดโรคเน่าได้เช่นกัน ต้องหมั่นตรวจดูเป็นระยะ ๆ ส่วนแมลงไม่มีผลต่อการเจริญเติบโตนัก เพราะมีการฉีดยาป้องกันตามช่วงอายุของการเจริญเติบโต ซึ่งอาจจะมีเพลี้ยบ้างเล็กน้อย   


ตำนานดอก Forget Me Not สัญลักษณ์แห่งความรักโรแมนติก


ที่มา : student.chula.ac.th

ตำนานดอก Forget Me Not สัญลักษณ์แห่งความรักโรแมนติก


แวววิเชียร : ฟอร์เก็ตมีน็อต...ของคนไทย





แวววิเชียร : ฟอร์เก็ตมีน็อตของคนไทย

แวววิเชียร มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Angelonia goyazensis Benth. (บางตำราเรียกว่า Digitalis solicariifolia) อยู่ในวงศ์ Scrophulariaceae เป็นไม้เนื้ออ่อนล้มลุก

ลำต้น สูงประมาณ ๔๐-๖๐ ซม. ตามลำต้นและ ใบมีขนละเอียดปกคลุม และมียางเหนียวๆ ติดอยู่ เมื่อสัมผัสจะติดมือ

ใบ เรียวยาว เป็นใบเดี่ยว ออกเป็นคู่ตรงข้ามกันตามข้อต้น ลักษณะใบเป็นรูปใบหอก ขอบขนาน ปลายใบแหลม สีเขียว กว้างราว ๑.๕ ซม. ยาวราว ๑๐ ซม.

ดอก เป็นดอกเดี่ยว แต่ออกติด ๆ กันตามข้อต้นหรือง่ามใบ มักออกดอกพร้อมๆ กันตลอดต้นไปจนถึงส่วนยอด และออกดอกตลอดทั้งปี ดอกเป็นรูปกรวยเล็ก โค้งเล็กน้อย ส่วนปลายดอกแยกออกเป็น ๕ กลีบ กลีบดอกมีสีม่วงแก่ ม่วงอ่อน และสีขาว

ใบและดอกของแวววิเชียรมีกลิ่นเฉพาะตัวที่จะติดมือเมื่อสัมผัส กลิ่นนี้บางคนที่ชอบก็กล่าวว่าเป็นกลิ่น หอม บางคนที่ไม่ชอบก็จะบอกว่าเหม็น (เช่นเดียวกับกลิ่นทุเรียน) กลิ่นของแวววิเชียรก็เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็น (และดมกลิ่น) จะจำได้ไม่ลืม แม้เวลาจะผ่านไปนานแสนนาน

แวววิเชียรเป็นพืชที่ปลูกง่ายขึ้นได้ดีในดินทั่วไปแทบ ทุกชนิด ชอบความชุ่มชื้นและทนร่มเงาได้ ทนทานโรคแมลง โตเร็ว ขยายพันธุ์ง่ายโดยการแยกกอหรือปักชำกิ่ง แหล่งกำเนิดดั้งเดิมของแวววิเชียรยังค้นไม่พบ แต่มีหลักฐานว่า นำเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๔๕๓ โดยแหม่มคอลลินส์ นับถึงตอนนี้ก็มีอายุ ๙๖ ปีแล้ว ครั้งนั้นแวววิเชียรถูกนำเข้ามาจาก เมืองมัณฑะเลย์ สหภาพพม่า


เดิมแวววิเชียรมีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า ต้นฟอร์เก็ตมีน็อต (Forget - me - not ) เข้าใจว่าเรียกตามแหม่มคอลลินส์ ผู้นำเข้ามาคนแรก เมื่อครั้งผู้เขียนเป็นเด็กก็ เรียกชื่อต้นไม้ชนิดนี้ว่า ฟอร์เก็ตมีน็อต เหมือนกัน (ทั้งๆ ที่ไม่รู้ความหมาย) ความจริงต้น Forget - me - not ที่รู้จักกันทั่วโลก เป็นพืชในสกุล Myosotis อยู่ในวงศ์ Boraginaceae เป็นพืชเขตอบอุ่น ไม่เกี่ยวข้องกับต้นฟอร์เก็ตมีน็อตของไทยเราเลย จะมีคล้ายกันบ้างก็ตรงที่สีกลีบดอกเป็นสีม่วงเท่านั้นเอง

เนื่องจากต้นฟอร์เก็ตมีน็อตของไทยไม่ใช่ Forget - me-not ของแท้ และยังไม่มีชื่อในภาษาไทย หลวงบุเรศบำรุงการ จึงตั้งชื่อให้ว่าต้นแวววิเชียร ซึ่งเป็นชื่อที่ไพเราะ และมีความหมายดีมาก ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่รู้จักและเรียกชื่อไม้ดอกชนิดนี้ว่าแวววิเชียร แต่ยังมีคนไทยบางกลุ่ม (ที่อายุมากและรู้จักไม้ดอกชนิดนี้มาในชื่อเดิม) ยังนิยมเรียกว่าฟอร์เก็ตมีน็อตอยู่ หากผู้อ่านได้ยินใครเรียกชื่อทั้ง ๒ นี้ก็ขอให้เข้าใจว่าเป็นพืชชนิดเดียวกันนั่นเอง แวววิเชียรเหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้ประดับตามริมทางน้ำ ขอบบ่อ สวนหย่อม ริมทางเดิน หรือเป็นไม้กระถาง เพราะมีความงดงามเป็นเอกลักษณ์ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ที่น่าสนใจคือเป็นไม้ดอกที่ปลูกง่ายโตเร็ว และตายยาก มีดอกตลอดปี ความหมายของชื่อก็ดี ทั้งชื่อใหม่ (แวววิเชียร) และชื่อเก่า (ฟอร์เก็ตมีน็อต)


ตำนานดอก Forget Me Not สัญลักษณ์แห่งความรักโรแมนติก




อาจนับได้ว่าเป็นดอก "อย่าลืมฉัน" แบบไทยไทย น่าจะใช้เป็นดอกไม้ที่มอบให้แก่กันยามที่ต้องเดินทางหรือพลัดพรากจากกัน เป็นเครื่องหมายความอาลัยอาวรณ์ และฝากถ้อยคำก่อนจากว่า "อย่าลืมฉัน" เช่นเดียวกับที่ต่างประเทศใช้ดอก Forget - me - not มอบให้แก่กัน



ที่มา นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่: 328
สิงหาคม 2006


ตำนานดอก Forget Me Not สัญลักษณ์แห่งความรักโรแมนติก


ตำนานดอก Forget Me Not สัญลักษณ์แห่งความรักโรแมนติก


ตำนานดอก Forget Me Not สัญลักษณ์แห่งความรักโรแมนติก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์