“กินข้าวนอกบ้าน” อุปสรรคตัวร้ายของคนควบคุมอาหาร

อยู่เมืองไทยก็ดีไปอย่าง อาหารการกินหาได้ง่ายดายแทบจะตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะมื้อไหนๆ ก็สามารถเดินออกนอกบ้านมาทานร้านข้างทางได้อย่างแสนสะดวก เสียงสั่งอาหารมื้อค่ำที่ได้ยินจนคุ้นหูอย่าง “ข้าวขาหมูจานค่ะ” ก็มักจะได้รับการตอบสนองอย่างรวดเร็ว

พร้อมเสิร์ฟตรงหน้าด้วยข้าวจานโตที่มาพร้อมกับเนื้อหมูและชั้นไขมันที่หั่นพอดีคำ ข้างจานมีไข่ต้ม คะน้าใบเขียวและราดด้วยน้ำขาหมูเข้มข้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ข้าวขาหมู” ก็คงเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายๆคนเช่นกัน

ในหลายปีที่ผ่านมา ไลฟ์สไตล์การดำรงชีวิตของคนเมืองในประเทศได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนการทำอาหารได้กลายมาเป็นเทรนด์งานอดิเรกมากกว่าจะเป็นกิจวัตรในชีวิตประจำวันเหมือนสมัยก่อน ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าคนไทยทานอาหารนอกบ้านมากถึง 13 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนเครือข่ายลดบริโภคเค็ม โครงการขับเคลื่อนรณรงค์เพื่อลดการบริโภคเกลือ (โซเดียม) ในประเทศไทย ได้แสดงผลการศึกษาว่าคนไทยกว่า 70% มักจะทานอาหารนอกบ้าน หรือซื้ออาหารจากนอกบ้านกลับมารับประทาน ซึ่งก็หมายความว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่คนทานอาหารนอกบ้านมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ซูซาน โบเวอร์แมน ที่ปรึกษาด้านโภชนาการของเฮอร์บาไลฟ์ ให้ความเห็นว่า “มากกว่าหนึ่งในสามของแคลอรี่ที่เราได้รับทั้งหมด และ 40% ของไขมันที่เราบริโภคเข้าไป ล้วนมาจากอาหารที่รับประทานนอกบ้านทั้งสิ้น และแน่นอนว่าอาหารจานด่วนเป็นแหล่งให้แคลอรี่มากกว่าเมนูอื่นๆ”

“ส่วนมากแล้ว ร้านอาหารมักปรุงอาหารโดยไม่คำนึงปริมาณไขมันในอาหาร และเติมเสริมรสชาติเต็มที่ ทั้งยังใช้วัตถุดิบที่ราคาไม่แพงมากมาประกอบอาหาร” ซูซานกล่าวเสริม

ด้วยเหตุที่คนไทยชอบทานอาหารนอกบ้านนี่เอง จึงทำให้ประเทศไทยติดหนึ่งในห้าประเทศในเอเชียแปซิฟิกที่มีจำนวนคนน้ำหนักเกินมากที่สุด และกระทรวงสาธารณสุขเคยได้คาดการณ์อีกด้วยว่าประเทศเราอาจมีคนน้ำหนักเกินกว่าเกณฑ์มากถึง 21 ล้านคนในอนาคต

“กินข้าวนอกบ้าน” อุปสรรคตัวร้ายของคนควบคุมอาหาร

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์