ทำไมถึงไม่ยอมร้องไห้ ?


นิทานโดนใจเรื่อง : ทำไมถึงไม่ยอมร้องไห้ ?

กาลหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีครอบครัวหนึ่งมีอาชีพทำนามีสมาชิกอยู่รวมกันหกคน มีชาวนาผู้พ่อ ภรรยา ลูกชาย ลูกหญิง ลูกสะใภ้ คนใช้ “พ่อบ้าน ได้ให้ทุกๆคนในครอบครัว ฝึกการเจริญมรณานุสสติ อยู่ทุกๆวันเป็นประจำมิได้ขาด”

วันหนึ่งชาวนาออกไปไถนากับลูกชายตามปรกติ ลูกชายทำหน้าที่ขนหญ้าและมูลฝอยไปเผาไฟใกล้ๆที่อยู่ของงูเห่า ควันไฟได้ลอยไปสร้างความรำคาญแก่งูเห่ามาก มันจึงโกรธและออกจากที่อยู่มากัดลูกชายชาวนาจนเสียชีวิตทันที ชาวนาเห็นบุตรล้มลง ก็รีบวางไถแล้ววิ่งมาดู เห็นลูกชายตายแล้ว จึงพิจารณาดูก็รู้ว่าถูกงูเห่ากัดก็มิได้มีความเศร้าโศกเสียใจแต่อย่างใด เอาผ้าคลุมศพไว้แล้วก็กลับไปไถนาตามปรกติ

ชาวบ้านซึ่งอยู่ใกล้เคียงเดินมาจะกลับบ้าน ชาวนาก็สั่งให้ช่วยบอกกับภรรยา ว่าวันนี้ให้คนใช้นำอาหารมาส่งแต่ส่วนเดียว และให้นุ่งผ้าขาวถือเครื่องสักการะมาให้พร้อมกันทุกคน ชายนั้นก็ไปบอกกับภรรยาตามถ้อยคำของชาวนา

ภรรยาได้ฟังก็ทราบทางนัยแห่งคำสั่ง รู้แน่ว่าบุตรนั้นคงตายแล้ว ก็มิได้มีความโศกอาลัย บอกสะใภ้กับลูกสาวและคนใช้ตามคำสั่งของชาวนา แล้วก็พากันไปสู่สถานที่ทำนา ไม่มีผู้ใดร้องไห้เลยสักคน ชาวนาก็นั่งทานอาหาร ครั้นอิ่มแล้วก็ช่วยกันหาฟืนมาเป็นเชิงตะกอนแล้วช่วยกันยกศพ ขึ้นตั้งแล้วก็ช่วยกันเผา

ขณะนั้น อาสน์ของพระอินทร์ก็ร้อนขึ้นมา พระอินทร์จึงเล็งดูด้วยตาทิพย์ว่ามันเกิดจากเหตุใด ก็ทราบว่าคนทั้ง ๕ มิได้มีความเศร้าโศก ต่างพาเผาศพเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี้แหละคือสาเหตุ พระอินทร์เกิดความสงสัยว่าทำไมพวกนี้ถึงเป็นแบบนี้ จึงแปลงร่างเป็นมนุษย์มายืน ณ ที่เผาศพ แล้ว “ถามว่า พวกท่านชวนกันทำอะไร ?”

ชาวนาบอกว่า เผาศพ พระอินทร์จึงแกล้งว่า เราสำคัญว่าท่านชวนกันย่างเนื้อ ธรรมดาคนทั้งหลายที่เผาศพย่อมมีความเศร้าโศกอาลัยถึงผู้ตาย นี่ทำอาการเหมือนนายพรานที่ยิงเนื้อ ได้และมีความยินดีช่วยกันย่างเนื้อฉะนั้นแล้ว จึงถามชาวนาว่า ศพที่กำลังเผานั้นเป็นอะไรกับท่าน?
ชาวนาบอกว่าเป็น...ลูกชาย
พระอินทร์จึงแกล้งถามว่า ลูกชายที่ตายเห็นจะไม่เป็นที่รักของท่านหรืออย่างไร?
ชาวนาบอกว่า เป็นลูกชายอันเป็นที่รักของเราอย่างยิ่ง
พระอินทร์จึงถามว่า ลูกชายเป็นที่รัก เหตุใดท่านจึงไม่ร้องไห้เศร้าโศกเล่า ?
ชาวนาตอบว่า คนตายเหมือนงูลอกคราบได้ชาติใหม่ภพใหม่ก็ไม่อาลัยของเก่า เช่นงูไม่มีอาลัยต่อคราบฉะนั้น ถึงเราจะร้องไห้สักเท่าไร ๆ ก็ไม่มีประโยชน์แก่ผู้ที่ตายแล้ว ผู้ตายก็ไปตามยถากรรมของเขา
พระอินทร์จึงถามผู้เป็นมารดาว่า คนที่ตายเป็นอะไรกับท่าน
นางผู้เป็นแม่ตอบว่า เป็นลูกที่เกิดจากครรภ์
พระอินทร์จึงถามว่า ส่วนบิดาเป็นชายมีจิตใจเข้มแข็งไม่ร้องไห้ก็ตามที แต่ท่านเป็นสตรีใจอ่อน เหตุใดจึงไม่ร้องไห้
ผู้เป็นแม่ก็ตอบว่า ผู้ที่ตายแล้ว เมื่อเวลาจะมาเกิด เราก็ไม่ได้อ้อนวอนและเชื้อเชิญให้มาเกิด เมื่อเวลาจะตาย เราก็ไม่ได้อนุญาตและขับไล่ให้ตาย มาเกิดเองก็ตายไปเอง เราจะร้องไห้ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ตายไปแล้ว
พระอินทร์จึงถามน้องสาวว่า เธอเป็นอะไรกับผู้ตาย?
น้องสาวบอกว่าเป็น...พี่ชาย
พระอินทร์ถามว่า เธอไม่รักพี่หรือจึงไม่ร้องไห้?
น้องสาวตอบว่า ถ้าเราร้องไห้ก็จะซูบผอมทำให้ทุกข์และเจ็บป่วยได้ และการร้องไห้ก็ไม่เกิดประโยชน์แก่ผู้ตายเลย
พระอินทร์จึงถามภรรยาว่า ผู้ตายเป็นอะไรกับเธอ?
ภรรยาบอกว่าเป็น...สามี...สุดที่รัก
พระอินทร์จึงถามว่า ตามธรรมเนียมสามีกับภรรยาย่อมเป็นที่รักใคร่กันยิ่งนัก สามีตายเหตุไฉนเธอจึงไม่ร้องไห้?
ภรรยาตอบว่า การร้องไห้ถึงคนตาย ก็เหมือนกับทารกร้องไห้ อยากได้พระอาทิตย์พระจันทร์ การร้องไห้จึงไม่มีประโยชน์ทั้งคนเป็นและคนตาย เพราะฉะนั้นเราจึงมิได้ร้องไห้
พระอินทร์จึงถามหญิงคนใช้ว่า ผู้ตายเห็นจะเคี่ยวเข็ญเธอนักหรือ ? เธอจึงไม่มีความอาลัยต่อการจากไปของนาย
หญิงคนใช้ จึงตอบว่า คนตายก็เหมือนหม้อน้ำที่แตกจะกระทำให้คืนดีเป็นปรกติอย่างเดิมไม่ได้ การร้องไห้ถึงคนตายก็เหมือนร้องไห้อาลัยหม้อแตก การร้องไห้ไม่มีประโยชน์อันใด เพราะฉะนั้นเราจึงมิได้ร้องไห้

เมื่อพระอินทร์ได้ฟังถ้อยคำของคนทั้งห้าแล้ว ก็มีความเลื่อมใสนับถือ จึงแปลงร่างคืนเป็นจอมเทพเหมือนเดิมและให้พรแก่ครอบครัวชาวนา ก่อนกลับคืนสู่วิมานดาวดึงส์

นิทานเรื่องนี้ สอนว่า
ความตายเป็นสิ่งที่ต้องเกิดกับทุกๆชีวิตในโลกนี้ ไม่มีใครหนีพ้น การระลึกถึงความตายอยู่เสมอ ช่วยทำให้เรายอมรับความจริงของชีวิตได้ ถ้าความตายเกิดขึ้นกับตนเองหรือคนรักและญาติพี่น้องเพื่อนสนิท ก็สามารถทำใจปล่อยวางไม่เศร้าโศกเสียใจได้ ”

เขียนเล่าเรื่อง พระสุรินทร์ ก่อนการคิด

ทำไมถึงไม่ยอมร้องไห้ ?

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์