รู้จักก่อนทำสวยด้วย โบท็อกซ์

ตัวช่วยที่จะทำให้ผู้หญิงคงความสวยหรือแม้แต่สวยกว่าเดิมมีมากมายหลายวิธี ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ“การทำโบท็อกซ์” แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำ เราได้นำตัวอย่างคนที่เคยทำมาแล้วมาบอกเล่าถึงประสบการณ์ของเธอ พร้อมทั้งเรายังได้ไปขอความรู้จาก พญ.กัญญา เตชะโชควิวัฒน์ แพทย์ด้านผิวพรรณและความงาม มาให้คุณได้ทำความรู้จักกับโบท็อกซ์กันก่อนด้วยค่ะ

ทำความรู้จักกับโบท็อกซ์

โบท็อกซ์เป็นสารโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรานำมาใช้รักษาริ้วรอยที่เกิดจากกล้ามเนื้อ คือเมื่อกล้ามเนื้อเราหดเกร็งและเป็นอยู่แบบนั้นบ่อยๆ เข้า มันก็จะเกิดรอยย่น เราก็ใช้โบท็อกซ์มาเป็นตัวรักษา ซึ่งจะเป็นการฉีดเพื่อไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อที่เกิดรอยย่นนั้นทำงานน้อยลง ซึ่งคนที่เดินเข้ามาหาหมอส่วนใหญ่จะอายุสามสิบปีไปแล้ว เพราะอ่อนวัยกว่านั้นโดยธรรมชาติเขาจะไม่มีริ้วรอยอยู่แล้ว ยกเว้นว่าเขามีกล้ามเนื้อที่ทำงานมากเกินไป เช่น รอยขมวดคิ้ว ซึ่งบางคนเป็นเหมือนนิสัยไปแล้วว่าเครียดนิดเครียดหน่อยก็ขมวดคิ้ว ซึ่งก็จะทำให้หัวคิ้วเกิดรอยย่นได้

โดยส่วนใหญ่ในการฉีดโบท็อกซ์ ตัวยาจะเริ่มออกฤทธิ์หลังจากที่ฉีดไปแล้วประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วก็จะยังคงสามารถอยู่สภาพนั้นได้ประมาณ 4-6 เดือน ซึ่งถ้าฉีดโดยแพทย์ที่ชำนาญโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อย แต่ถ้าฉีดโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ก็อาจอันตรายได้อย่างที่เห็นในข่าวอยู่บ่อยๆ เพราะถ้าเกิดฉีดลึกเกินไปแล้วไปโดนกล้ามเนื้อมัดที่เราไม่ต้องการก็อาจเกิดปัญหา เช่น ตั้งใจมาฉีดหนังตาตก แล้วพลาดไปฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อที่ช่วยยกตา ก็ทำให้กล้ามเนื้อนั้นอ่อนแรงลงก็จะยิ่งทำให้หนังตาตกยิ่งขึ้น 

สแกนโบท็อกซ์ศีรษะจรดปลายเท้า 

หน้าผาก รอยย่นบริเวณนี้มักเกิดจากการที่เรายักคิ้วขึ้น การฉีดจะต้องฉีดหลายจุด คือเห็นรอยตรงไหนก็ฉีดที่ตรงนั้นเลย ตรงนี้เป็นจุดที่ฉีดแล้วผลการรักษามักจะอยู่ได้ยาวนานกว่าส่วนอื่นๆ อาจจะประมาณ 8 เดือน เพราะในชีวิตประจำวันเราไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อตรงนี้มากนัก 

หว่างคิ้ว ฉีดเพื่อลดรอยย่นของคนที่ชอบขมวดคิ้ว เช่นคนที่เครียดนิดหน่อยก็ขมวดคิ้วก็จะเกิดริ้วรอยที่บริเวณนี้ได้ง่ายการฉีดจะประมาณ 3-5 จุด สำหรับกรณีคุณนัทตี้ที่ยกมาที่บอกว่าฉีดที่หว่างคิ้วแล้วทำให้ชั้นที่ตาหายไปหมอคิดว่าอาจเกิดเพราะเมื่อฉีดหว่างคิ้วมันจะทำให้คิ้วมีการยกตัวขึ้น ชั้นของหนังตาจึงถูกดึงขึ้นมาด้วย 

ตีนกา เวลาฉีดหมอจะให้คนไข้ยิ้ม แล้วพอเห็นรอยตีนกาตรงไหนเราก็ฉีดไปตรงนั้น ส่วนใหญ่ก็บริเวณหางตา ตรงนี้มักเป็นส่วนที่ยาหมดฤทธิ์และคนไข้ต้องมาฉีดใหม่เร็วที่สุด เพราะในชีวิตประจำวันเรามักจะยิ้ม กล้ามเนื้อส่วนนี้เลยต้องทำงานเยอะ 

ข้างจมูก ปีกจมูก สำหรับคนที่ปีกจมูกบานก็สามารถฉีดเพื่อให้ปีกจมูกลดลงได้ เพราะโดยหลักการแล้วการที่ปีกจมูกเราบานเป็นเพราะกล้ามเนื้อบริเวณนั้นมีการหดขยาย ซึ่งอาจจะดึงทำให้ปีกจมูกยกขึ้นและจมูกดูใหญ่ พอเราฉีดปีกจมูกกล้ามเนื้อนั้นทำงานน้อยลง มันก็จะไม่ยก ปีกจึงดูจมูกเล็ก โดยการฉีดเราจะฉีดข้างละ 1 จุด 

หน้าเรียว ฉีดข้างละประมาณ 5 จุด มีสองอย่างคือผู้หญิงที่กรามใหญ่ เราก็ไปฉีดตรงกรามเพื่อลดกล้ามเนื้อตรงส่วนนั้นให้เล็กลง รูปหน้าก็จะเรียวขึ้น ใบหน้าบริเวณขากรรไกรเรียวขึ้น ในการทำหมอจะให้คนไข้กัดฟัน แล้วกล้ามเนื้อบริเวณกรามก็จะขึ้นมาให้เห็นชัดเจน เราก็จะฉีดไปที่บริเวณนั้น ส่วนอีกอันคือการฉีดยกแก้ม ส่วนใหญ่คนที่มาฉีดวิธีนี้ก็คืออายุ 40 ปีไปแล้วที่มีการดึงของกล้ามเนื้อคอแล้วทำให้แก้มตกลงมา ทำให้ดูมีเนื้อเยอะ ใหญ่แก้มย้อย การฉีดก็เพื่อให้กล้ามเนื้อที่ดึงแก้มนั้นทำงานน้อยลง โดยจะฉีดที่ขากรรไกรเลย 

คอ ฉีดข้างละประมาณ 5-10 จุด ซึ่งจะฉีดเท่าไหร่หมอจะเป็นผู้พิจารณา โดยจะฉีดมากเกินไปก็ไม่ได้ เพราะที่คอจะมีกล้ามเนื้อของการกลืน ถ้าฉีดมากหรือลึกเกินไปก็อาจทำให้คนไข้กลืนลำบาก ส่วนคนที่เข้ามาฉีดโบท็อกซ์ที่คอมักจะเป็นวัย 50 ปีไปแล้วที่เริ่มคอเป็นชั้นๆ ริ้วๆ และมีรอยเหี่ยวย่นที่คอ หมอก็จะให้คนไข้กัดฟันเพื่อให้เห็นลำของกล้ามเนื้อ แล้วก็ฉีดไปตามแนวรอยที่ขึ้น 

รักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า (ลดเหงื่อ) ฉีดประมาณ 20 จุด ใช้สำหรับคนที่มีปัญหามีเหงื่อออกเยอะ และเกิดจากความผิดปกติของต่อมเหงื่อ เช่น อยู่เฉยๆ หรืออยู่ในห้องแอร์ก็มีเหงื่อ ซึ่งจะฉีดแค่ตื้นๆ ไม่ลึกเหมือนการฉีดริ้วรอย เป็นการฉีดเพื่อลดการทำงานของต่อมเหงื่อ เพื่อไม่ให้ผลิตเหงื่อออกไปมาก 

น่อง ฉีดให้กับคนที่น่องโต ซึ่งการโตจะมี 2 ประเภท คือ โตเพราะอ้วน กับโตเพราะกล้ามเนื้อ การฉีดโบท็อกซ์จะทำในกรณีที่โตเพราะกล้ามเนื้อ ซึ่งจะเห็นกล้ามเนื้อขึ้นมาเป็นมัดๆ ในการฉีดลดน่องอาจต้องมาฉีดหลายครั้งหน่อย อาจจะ 3 เดือนมาฉีดสักครั้งหนึ่ง เพราะเราต้องเดินทุกวัน กล้ามเนื้อส่วนนี้ก็ต้องทำงานทั้งวันทุกวัน โดยเฉพาะสาวที่ใส่ส้นสูงยิ่งต้องใช้มาก 

อย่าเอาแต่หวังพึ่งตัวช่วย ดูแลตัวเองสำคัญที่สุด 

อาจเพราะสังคมทุกวันนี้เจริญขึ้น ต้องพบปะผู้คนมากมายแล้วหลายคนก็คิดว่าเรื่องหน้าตาเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งถ้าหมอเห็นว่ายังไม่จำเป็นก็อาจให้คำแนะนำในเรื่องของการปฏิบัติตัวต่างๆ เช่น งดการสูบบุหรี่เพราะควันบุหรี่ทำให้เกิดริ้วรอยมากขึ้น หรือการเจอแสงแดดที่ทำให้คอลลาเจนถูกทำลายไปจึงควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน หรือในคนที่ชอบขมวดคิ้วก็ควรปรับพฤติกรรม หรือถ้าทำไม่ได้ ทันทีที่รู้ตัวว่ากำลังขมวดคิ้วก็ให้รีบคลายลง หรือถ้าติดเลิกคิ้วถ้ารู้ตัวก็ต้องหยุดเลิกซะ ศึกษาข้อมูลให้ดีๆ แล้วจะสวยอย่างปลอดภัย

ทุกวันนี้คนมักได้ข้อมูลมาผิดๆ เยอะ บวกกับรักสวยรักงาม ทำให้บางครั้งเกิดข้อผิดพลาดได้บ่อยๆ ซึ่งการหาข้อมูลให้มากๆ ก่อนการทำ อาจจะจากการอ่านหนังสือ ดูข้อมูลในอินเทอร์เนต แล้วก็นำความรู้นั้นไปปรึกษาคุณหมอว่า ถ้าเรารักสวยรักงามแต่เกิดปัญหานี้ขึ้นเราควรจะทำวิธีไหน ก็จะสวยได้แบบปลอดภัยอย่าไปเชื่อแต่คำโฆษณาหรือเสียงลือเสียงเล่าอ้างต่อๆ กันมา แล้วเชื่อทันทีโดยไม่หาข้อเท็จจริง ซึ่งแบบนั้นเป็นอันตรายมากค่ะ

รู้จักก่อนทำสวยด้วย โบท็อกซ์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์